วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 09, 2568

“ถ้าเรามองในประวัติศาสตร์การเมือง มันมีสี่ขั้นในเรื่องคอร์รัปชั่น" ‘ทุนเทา’ 'คอร์รัปชั่นขั้นที่สี่’ ในสังคมการเมืองไทย



‘ทุนเทา’ : ‘คอร์รัปชั่นขั้นที่สี่’ ในสังคมการเมืองไทย | ปราปต์ บุนปาน

ของดีมีอยู่ | ปราปต์ บุนปาน
มติชนสุดสัปดาห์

ณ ห้วงเวลาที่ประเด็นเรื่อง “สแกมเมอร์-ทุนเทาข้ามชาติ” ดูจะเป็นปัญหาที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมการเมืองไทย

อยากชวนทุกท่านไปอ่าน/รับฟังข้อสังเกตของ “รศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์” จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ให้สัมภาษณ์เอาไว้ผ่านรายการ “The Politics” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยอาจารย์พิชญ์ระบุว่า “ปัญหาทุนเทา” ถือเป็นพัฒนาการ “ขั้นที่สี่” ของการทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมไทย ดังรายละเอียดต่อไปนี้

“ถ้าเรามองในประวัติศาสตร์การเมือง มันมีสี่ขั้นในเรื่องคอร์รัปชั่น

“ขั้นแรก ก็คือประเภทแบบคอร์รัปชั่นเชิงอำนาจของข้าราชการ ซึ่งในยุคแรก นักการเมือง โดยการโหวตของประชาชน จะเป็นคนที่เข้าไปตรวจสอบ

“ขั้นที่สอง นักการเมืองเข้าไปโกง เรียกเปอร์เซ็นต์

“ขั้นที่สาม ยุคหนึ่งเราชอบพูดถึงผลประโยชน์ทับซ้อน ขั้นที่สองเข้าไปขอส่วนแบ่ง-คอมมิชชั่นใต้โต๊ะ ขั้นที่สามนี้ก็คือว่ามีแรงจูงใจทางอำนาจบางอย่างที่มองว่าการเมืองมันจะมาขยายผลทางเศรษฐกิจของตัวเอง คือเข้าไปเพื่ออิงอำนาจผูกขาดบางอย่าง ไปได้สัมปทานซึ่งมันใหญ่กว่าโครงการเล็กๆ ที่นักการเมืองท้องถิ่นทำได้

“ขั้นที่สี่ จริงๆ มันเป็นทฤษฎีที่มีมานานแล้ว ก็คือ ‘State Capture’ การยึดรัฐ จริงๆ ก็ยึดกันมานานแล้ว แต่ความหมายในปัจจุบันมันน่ากลัวกว่า เพราะมันไม่ใช่ยึดรัฐ เพียงแค่กลุ่มทุนเข้าไปยึด พูดง่ายๆ เงินมันสกปรกก่อนเข้าไป (ยึด) ขั้นที่แล้วเงินมันไม่ได้สกปรก เงินสะอาดแต่เอามาเข้าการเมืองเพื่อกีดกันไม่ให้คนอื่นได้ประโยชน์

“แต่อันนี้ แรงจูงใจแรกคือเงินก็สกปรกอยู่แล้ว เลยต้องเอาไปฟอก และเอาเข้าไป (ยึดรัฐ) เพื่อสร้างโครงการที่มันจะเทาด้วย เพื่อให้ (ฟอก) เงินออกมา


ขั้นนี้ เงินมันสกปรกตั้งแต่แรก ไม่ใช่แค่ทุนสามานย์แบบยุคที่แล้ว อันนี้มันเกินสามานย์ไปอีก ทุนสามานย์ส่วนใหญ่มันถูกมองในแง่การผูกขาด หรือการเป็นทุนที่มีการปฏิบัติไม่ถูกต้องบ้างในหลักธรรมาภิบาล แต่อันนี้ ธรรมชาติของมันอยู่ในโลกอาชญากรรมข้ามชาติเลย

“ใช้ศัพท์อีกอัน เขาจะเรียก ‘โลกาภิวัตน์กลับด้าน’ คือ การเชื่อมโยงกันในโลกมันไม่ได้เชื่อมโยงกันเฉพาะทุนขาว ทุนเทา-ทุนดำมันก็เชื่อมโยงกัน

“แต่ทุนพวกนี้มันเข้ามาสู่รัฐแล้ว และมันเข้ามาฟอกขาวตัวเอง มันหนักกว่าเดิม เดิม (ทุน) มันแค่เข้ามาเอาอำนาจรัฐไปเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง หรือแค่กีดกันคนอื่น อันนี้ไม่ใช่ แม่งฟอกขาว ปั่นเงิน เอาเงินรัฐไปใช้ มันเละเทะที่สุดเท่าที่เคยเห็น

“มันไม่ใช่โกงแล้วเก็บเงินเข้าตัวเองอย่างเดียว มันมีต่างประเทศเข้ามาร่วมได้ด้วย ไอ้สแกมเมอร์มันเป็นแค่ยอดภูเขาเล็กๆ ในหลายยอด ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

“ประเด็นตรงนี้มันเกินไปกว่าผลประโยชน์ทับซ้อน เกินไปกว่าคอร์รัปชั่น เกินไปกว่าการเก็บเล็กเก็บน้อยแบบที่เราเคยรู้สึกที่ผ่านๆ มา แต่ว่า (พรรค) ส้มยังไปไม่ถึงตรงนี้เท่าไหร่ ยังเน้นการเปิดโปงคน จริงๆ มันไม่ใช่แค่คน มันคือเครือข่ายข้ามชาติ

“ฉะนั้น ตรงนี้มันทั้งขายชาติ ชั่วร้าย มันไปไกลกว่านั้นอีก ก็ต้องลุ้นว่าถ้าเรื่องชายแดนสงบลงเร็วขึ้น เรื่องนี้มันก็อาจจะฟูขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ

“ยิ่งท่าที (ของภาครัฐ) ที่ยังไม่เปิดอะไรมาก แล้วมัน (มีการให้ข่าว) เปิดคนขึ้นมาเรื่อยๆ และคน (ที่ถูกเปิดชื่อ) มันอยู่ในพรรคใดพรรคหนึ่ง มันก็เสี่ยงที่จะถูกกล่าวหาได้เยอะขึ้น จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวจริง ตอนนี้ก็รับเละรับทัวร์ไป”

https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_867258