ไม่ว่าจะเป็น บก.ลายจุด หรือ Tawipa Taranak ที่ออกมาโต้ ล้วนชี้ให้เห็นว่าเจษฏ์น่าจะประเภท ‘องุ่นเปรี้ยว’ เท่านั้นเอง “ระบอบประชาธิปไตยมันถูกพิสูจน์มาแล้วว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” ในความเห็นของสมบัติ บุญงามอนงค์นั่นใช่เลย
เจตน์ไม่ได้บอกว่าถ้าประชาธิปไตยชั่วแล้ว อะไรล่ะไม่ชั่ว กลับไพล่ไปโจมตี ‘คณาธิปไตย’ ที่เป็นดั่งปรสิตเกาะกินอยู่บนหลัง ลายจุดพาดพิงไปถึง “ยุคทหารปกครองเมือง” ที่เจตฏ์อาจมองไม่เห็นความชั่วร้าย “เพราะไม่อนุญาตให้มีการตรวจสอบ”
เจษฏ์โน้มน้าวว่า ถ้าไม่ตั้งคำถามกับประชาธิปไตย “มันจะกลับสู่วงจรเดิม ที่ว่าแดงไป น้ำเงินไป ทหารไป ก็จะเหลือแต่พรรคส้ม” ก็เพราะนับวัน อนุรักษ์นิยมล้นเกิน และคณาธิปไตยสุดโต่งชนิดที่เจษฏ์ออกหน้าแทนแล้วไม่ได้รับความนิยม จะล่มจม
“การปฏิเสธประชาธิปไตยเพียงเพราะบอกว่ามัน ‘ชั่ว’ คือตรรกะอันตราย ที่เปิดทางให้เผด็จการชนิดใดก็ได้อ้างตนเป็นทางเลือกที่ดีกว่า” ทวิภาย้อน “ระบบที่มีปัญหา ต้องแก้ไม่ใช่เลิก ถ้าประชาธิปไตยยังไม่สมบูรณ์ สิ่งที่ควรทำคือพัฒนา”
เจษฏ์บอกว่าคณะราษฎรเป็นคณาธิปไตย ที่เอาประชาธิปไตยมาถมไว้ให้คนไทย กะพร่องกะแพร่ง ล้มลุกคลุกคลาน Tawipa โต้กลับว่า “ที่ประชาธิปไตยไทยล้มลุกคลุกคลาน ไม่ใช่เพราะประชาชนไม่เข้าใจ แต่เพราะมีคนบางกลุ่มไม่เคยยอมให้มันเติบโต”
ซ้ำร้ายเวลานี้ “มีคน ๒ ประเภทที่ไม่โดนข้อหาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย” Kowit Phothisan ตั้งข้อสังเกตุ “๑) คนที่ก่อรัฐประหาร ๒) คนที่ประกาศว่าให้ยกเลิกประชาธิปไตย”
(https://www.matichon.co.th/politics/news_5190746, https://www.facebook.com/tawipaup.sajjathamrong/posts/zcnFqkF5 และ https://www.facebook.com/nationweekend/posts/jAT7aqwAk)
