ใครจะว่าทรัพย์สินที่กษัตริย์ใช้มีหลายประเภทก็แล้วแต่ ประเดี๋ยวจะมีการรวบรัดเอาไปขึ้นกับ ‘สำนักงานพระคลังข้างที่’ ให้มันสมบูรณาญาสิทธิราชเต็มที่เสียเลย รู้แล้วรู้รอดไป เขาร่าง พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ไว้รองรับแล้ว
ในบันทึกหลักการและเหตุผลของการเสนอแก้ไขเพิ่ม พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.๒๕๖๑ ระบุว่า “พระคลังข้างที่ เป็นหน่วยงานที่มีภาระหน้าที่ในการดูแลจัดการ พระราชทรัพย์ของพระมหากษัตริย์มาแต่โบราณกาล”
ฉะนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับโบราณราชประเพณี ก็เลยเปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มาเป็น ‘สำนักงานพระคลังข้างที่’ แทน ก็แค่นั้นเอง น่าจะเป็นเพราะเกรงว่าประชาชนจะยังเข้าใจผิด ว่ารัชกาลที่ ๑๐ มิได้ทรงรวบรัดเอาสมบัติที่กษัตริย์ใช้ทั้งหมด เป็นของส่วนพระองค์ กระมัง
เมื่อก่อนที่ ร.๑๐ ขึ้นครองราชย์ ทรัพย์สินท่พระมหากษัตริย์ทรงใช้มีสองประเภท คือทรัพย์สิน ‘ส่วนพระมหากษัตริย์’ กับ ‘ทรัพย์สินส่วนพระองค์’ ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น แม้จำเพาะพระมหากษัตริย์ทรงใช้ ก็ถือว่าเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน กระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแล
แต่รัชกาลที่ ๑๐ ทรงรวบเอาไปเป็นของส่วนพระองค์ทั้งหมด เรียกชื่อใหม่ว่า ‘ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์’ ณ บัดนี้เป็นเวลาเกือบจะ ๙ ปี นับแต่สมเด็จพระวชิรเกล้าฯ ขึ้นครองราชย์ (เมื่อ ๑๓ ตุลา ๒๕๕๙) จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อสำนักทรัพย์สินเสียใหม่ ให้สมบูรณ์นั่นแล
แต่กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ มีขั้นตอนน่าสนใจ พสกนิกรพึงรู้และจำใส่ใจเอาไว้เป็นอุทธาหรณ์ ก็คือมีรายงานสรุปเรื่อง “การรับฟังความคิดเห็น” ก่อนเสนอเป็นร่าง พรบ. ว่า “โดยที่ร่าง พรบ.นี้ มิได้มีผลกระทบต่อประชาชน
กรณีจึงให้มีการรับฟังความคิดเห็น จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักเลขาฯ) ๑ ครั้ง ในการประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๘