
Matichon Online - มติชนออนไลน์
13 hours ago
·
"การที่ประชาธิปไตยบ้านใหญ่ รัฐราชการ และประชาธิปไตยพรรคการเมืองนำบ้านใหญ่ จับมือโดยไม่ไว้วางใจกัน ถึงจุดหนึ่งก็สู้กัน สถานการณ์บ้านใหญ่สามารถเข้าไปยึดคุม ส.ว.ได้ เข้าแทรกแซงองค์กรอิสระที่ได้ ในขณะเดียวกันประชาธิปไตยพรรคการเมืองใหญ่ไม่สามารถครองอำนาจในสภาได้เหมือนเก่า เพราะไม่ได้ชนะในเสียงข้างมาก แต่ตั้งเป็นรัฐบาลผสม ไม่มีใครสามารถกุมอำนาจเด็ดขาดได้ ตนคิดว่าเราจะอยู่กับการต่อสู้ และสภาวะแบบนี้ไปอีกสักพักใหญ่
“เราควรฝันประชาธิปไตยที่ดีกว่านี้ อย่าให้เป็นแบบฟิลิปปินส์ที่การเมืองถูกบ้านใหญ่ยึดคุมหมดแล้ว เป็นประชาธิปไตยที่บ้านใหญ่สมบูรณ์ที่สุด ระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ สิ่งที่เราเห็นในปัจจุบัน เกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์ทั้งนั้น”
รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวตอนหนึ่งในวงเสวนา หัวข้อ “ประชาธิปไตยบนทางแพร่ง” ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
.....
‘อย่าให้เป็นแบบฟิลิปปินส์’ ประจักษ์ ยกเคส บ้านใหญ่คุมการเมือง ชวนฝันถึงปชต.ที่ดีกว่านี้

23 พฤษภาคม 2568
มติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม เวลาประมาณ 13.30 น. ที่ห้อง 102 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ร่วมกับ สำนักพิมพ์มติชน และ สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน จัดเสวนา หัวข้อ “ประชาธิปไตยบนทางแพร่ง” โดยมีวิทยากรได้แก่ ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผู้เขียน ‘ประชาธิปไตยใส่ชฎา’ ตีพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน และ รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผู้เขียน ‘ประชาธิปไตยไทยที่ถดถอย’ ตีพิมพ์โดย สำนักพิมพ์มติชน ดำเนินรายการโดย ดร.อาสา คำภา สถาบันไทยคดีศึกษา ม.ธรรมศาสตร์
บรรยากาศทั่วไป มีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังโดยลงทะเบียนบริเวณหน้างานและเลือกซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์มติชน
ในการนี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ธงชัย วินิจจะกูล, ศาสตราจารย์ ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ และนาย กษิดิศ อนันทนาธร ร่วมรับฟังเสวนาดังกล่าวด้วย
โดยในตอนหนึ่ง รศ.ดร.ประจักษ์กล่าวถึงประเด็น ‘บ้านใหญ่’ ที่นิยมเรียกกันในปัจจุบันว่า ในอดีตคำนี้ไม่ใช่คำฮิต เดิมทีรู้จักกันในชื่อ “เจ้าพ่อท้องถิ่น” เป็นกลุ่มอำนาจที่สืบทอดกันทางสายตระกูล ยุคที่กลุ่มบ้านใหญ่รุ่งเรืองที่สุดคือช่วงประชาธิปไตยครึ่งใบ เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคการเมืองในเวลานั้นยังอ่อนแอ
“ประชาธิปไตยกลายเป็นเวทีที่พวกเจ้าพ่อยึดได้เป็นหลัก ก่อนหน้านี้ไม่มีช่องทางอื่นเข้าสู่อำนาจ ปัจจุบันนี้โอกาสเปิดกว้าง เขาก็เข้าไปได้ ยิ่งมีตำแหน่งรัฐมนตรียิ่งเข้าไปหล่อเลี้ยงสิ่งเหล่านี้ไว้ คนเหล่านี้อยู่กันต่างพรรค แต่เป็นบ้านเดียวกัน ระบบเครือข่ายอุปถัมภ์ส่วนตัวสำคัญสำหรับเขา” รศ.ดร.ประจักษ์กล่าว
รศ.ดร.ประจักษ์กล่าวว่า ‘ประชาธิปไตยบ้านใหญ่ รัฐราชการ และประชาธิปไตยพรรคการเมืองนำบ้านใหญ่’ ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด รัฐราชการไม่เคยกลัวบ้านใหญ่ บ้านใหญ่ต้องการเข้าไปมีส่วนแบ่ง ครม. แบ่งปันอำนาจกัน รัฐราชการ เป็นการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ปกครองแบบบนลงล่าง ส่วนบ้านใหญ่ต้องแคร์ประชาชน ใช้เงินในการซื้อเสียง สร้างบ้าน สร้างโรงเรียน แต่ไม่มีนโยบายระดับชาติ
สำหรับ พรรคไทยรักไทย เข้ามาทำการเมืองแบบ ‘ประชาธิปไตยพรรคใหญ่’ ไม่ใช่การเมืองแบบบ้านใหญ่ เขาอยากเลือกตั้งแล้วสามารถครองเสียงทั้งสภาได้
“ข้อบกพร่องของประชาธิปไตยบ้านใหญ่ คือไม่มีประสิทธิภาพทางการเมือง ส่งมอบนโยบายไม่ได้ ไร้เสถียรภาพ พรรคไทยรักไทยเข้ามาเปลี่ยนแปลงตรงนี้ สามารถส่งมอบนโยบายได้ มีเสถียรภาพมากขึ้นที่สามารถครองเสียงข้างมากได้” รศ.ดร.ประจักษ์กล่าว

รศ.ดร.ประจักษ์กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันเราอยู่ในสถานการณ์ที่ การเลือกตั้งครั้งล่าสุดมีพลังสังคมใหม่เกิดขึ้น และมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น ซึ่งก็สามารถได้คะแนนเสียงไปจากประชาชน ทำให้ สมการเดิมเริ่มเปลี่ยนแปลง ในปัจจุบันประชาธิปไตยบ้านใหญ่ รัฐราชการ และประชาธิปไตยพรรคการเมืองนำบ้านใหญ่ ต้องมาผสมผสานกันและทำงานร่วมกัน เพื่อ ขจัดภัยคุกคามใหม่ที่มาเสนอวาระปฏิรูปที่ต้องการเปลี่ยน เพราะพลังสังคมใหม่ไม่ต้องการทั้งประชาธิปไตยบ้านใหญ่ รัฐราชการ และประชาธิปไตยพรรคการเมืองนำบ้านใหญ่
“ในขณะเดียวกันเขารู้สึกว่า ประชาธิปไตยไทยไปได้ไกลกว่าประชาธิปไตยแบบพรรคการเมืองใหญ่ แบบนโยบายประชานิยมแบบเดิม ทั้ง 3 อย่างมีข้อบกพร่องไม่ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบัน และอยากให้สังคมไปไกลกว่าเดิม” รศ.ดร.ประจักษ์กล่าว
รศ.ดร.ประจักษ์กล่าวว่า การที่ประชาธิปไตยบ้านใหญ่ รัฐราชการ และประชาธิปไตยพรรคการเมืองนำบ้านใหญ่ จับมือโดยไม่ไว้วางใจกัน ถึงจุดหนึ่งก็สู้กัน สถานการณ์บ้านใหญ่สามารถเข้าไปยึดคุม ส.ว.ได้ เข้าแทรกแซงองค์กรอิสระที่ได้ ในขณะเดียวกันประชาธิปไตยพรรคการเมืองใหญ่ไม่สามารถครองอำนาจในสภาได้เหมือนเก่า เพราะไม่ได้ชนะในเสียงข้างมากได้ แต่ตั้งเป็นรัฐบาลผสม ไม่มีใครสามารถกุมอำนาจเด็ดขาดได้ ตนคิดว่าเราจะอยู่กับการต่อสู้ และสภาวะแบบนี้ไปอีกสักพักใหญ่
“เราควรฝันประชาธิปไตยที่ดีกว่านี้ อย่าให้เป็นแบบฟิลิปปินส์ที่การเมืองถูกบ้านใหญ่ยึดคุมหมดแล้ว เป็นประชาธิปไตยที่บ้านใหญ่สมบูรณ์ที่สุด ระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ สิ่งที่เราเห็นในปัจจุบัน เกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์ทั้งนั้น” รศ.ดร.ประจักษ์กล่าว