เมื่อวันที่ ๕ ต้นเดือนนี้ มีข่าวดราม่านักท่องเที่ยวสาวชาวยิวคนหนึ่งที่เกาะพะงัน ของขึ้นโวยวาย “คุณไม่ต้อนรับฉันเหรอ จะบอกให้ เงินของฉันนี่ละที่ใช้สร้างประเทศนี้” ต้นเรื่องมาจากเธอถูกตำหนิว่าสวมรองเท้าในร้านแบบนั่งฟูกผ่อนคลาย
ทราบภายหลังว่าเธอได้รับอนุญาตไม่ต้องถอดรองเท้าเพราะเท้าเจ็บ และเธอโพสต์ตอบโต้เสียงตำหนิทั่วโซเชียลว่า ข้อเท็จจริงเบื้องหลังข้อความที่พูดก็คือ การเข้ามาเที่ยวประเทศไทยของเธอมีส่วนช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจไทย
ถึงอย่างไรก็ตามรวมความแล้วสาวยิวคนนี้ได้รับการตำหนิมากกว่าเห็นใจ เช่นกันกับชาวยิวจำนวนนับพันๆ ที่อำเภอปาย แม่ฮ่องสอน เมื่อต้นปีนี้ (กุมภา ๒๕๖๘) ซึ่งเป็นข่าวครึกโครม ว่าชุมชนชาวยิวกว่า ๓ พันคน ปักหลักอยู่อาศัยถาวรกันที่นั่น
รายงาน จส.๑๐๐ ว่า “พวกเขาเข้ามาสร้างคอมมูนิตี้มากมายเพื่อชาวยิว สร้างโบสถ์เผยแพร่ศาสนา ส่งเสียงดังกระทบวิถีชีวิตของชาวบ้าน รวมทั้งมาทำอาชีพบางอย่างที่เป็นการแย่งงานคนไทย” ซึ่งก็คือปักหลักเป็นนิคม ไม่ต่างกับชุมชนจีนห้วยขวาง
ทว่าความแตกต่างอยู่ที่ชุมชนจีน (จากแผ่นดินใหญ่) ถูกตั้งแง่รังเกียจ ขณะที่ชุมชนยิวจะออกไปในทางยะโส ทั้งที่ย่านชนะสงครามก็มีชาวยิวพลุกพล่านมานาน ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ปัญหาที่ปายนั้นเกิดจากชาวยิวที่นั่นเคยเป็นกำลังรบ
รัฐบาลยิวของนายกรัฐมนตรีนาทันยาฮู ทำสงครามในกาซ่าและเลบานอนแบบก้าวร้าว แย่งชิงพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ และเข่นฆ่าพลเมืองดะไม่เว้นเด็กอ่อนและคนชรา ทิ้งระบิดโรงพยาบาล ยิงจรวดใส่โรงเรียง อ้างว่ามีกำลังรบปาเลสไตน์ซ่อนอยู่
แน่นอนว่ามีชาวยิวจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์ของนาทันยาฮู แต่ข้อเท็จจริงเห็ฯอยู่ซึ่งหน้าทุกวี่วันว่า สงครามก้าวร้าวไม่เคยหยุดยั้ง แม้กระทั่งสหประชาชาติมีมติประณาม (เพียงถูกสหรัฐวีโต้) และไทยทำไม่รู้ไม่ชี้
นั่นก็เป็นสิทธิตามธรรมชาติของผู้เป็นเจ้าของร้านดังกล่าว เพราะเขาเห็นใจและปกป้องสิทธิในการดำรงชีวิตของชาวปาเลสไตน์ เช่นเดียวที่ชาวโลกเคยให้ความเห็นใจต่อการสูญเสียของชาวยิว โดยน้ำมือของฮิตเลอร์ เพื่อมิให้ใครพูดได้ว่านาซีทำถูกแล้ว
(https://prachatai.com/journal/2025/05/112960, https://www.youtube.com/watch?v=xOqjnpvEuOA, https://www.js100.com/en/site/news/view/148562 และ https://www.tnnthailand.com/tnnexclusive/189806/)
