The Reporters
11 hours ago
·
PARLIAMENT: ‘โรม‘ เปิดข้อมูลพบแก๊งคอลเซ็นเตอร์รอบไทยกว่า 75 แห่ง เตือนรัฐบาลเปลี่ยนวิธีคิดเร่งแก้ปัญหา ไม่เช่นนั้นการท่องเที่ยวป่นปี้ จี้ ผบ.ตร.ปัดกวาดบ้าน หลังส่อแววคนมีสีเอี่ยวค้ามนุษย์
วันนี้ (9 ม.ค. 68) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ว่า ยังไม่มีข้อชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร เพียงแต่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากฝ่ายความมั่นคงว่า มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมากว่า 40 แห่ง ฝั่งคิงโรมัน 5 แห่ง ฝั่งกัมพูชามีอีก 30 แห่ง เท่ากับว่ามีคอลเซ็นเตอร์รอบประเทศไทยกว่า 75 แห่ง ยังตอบไม่ได้ว่าจะมีแนวทางการแก้ปัญหานี้อย่างไร แต่ได้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ต้องขอบคุณสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งมีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม คณะกรรมาธิการฯ จะทำงานร่วมกับ สมช.ต่อไป ยอมรับว่าไม่มีทางครอบคลุมไปยังบริเวณตามแนวชายแดนได้ อาจจะเป็นเรื่องการจัดการบัญชีม้า หรือซิมม้าเท่านั้น
ทั้งนี้ผู้ที่มาตอบคำถามในที่ประชุมส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นเจ้ากรมชายแดนทหารมาตอบด้วยตนเอง กระทรวงการต่างประเทศเป็นอธิบดีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งดูเรื่องเมียนมาโดยตรง ภาพรวมเราได้รับความร่วมมือจากหน่วยงาน หากมองในฐานะหน่วยงาน หน่วยงานบอกว่าทำเต็มที่ในระดับปฏิบัติการเท่าที่ทำได้ แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือระดับนโยบาย หัวต้องขยับก่อน ไม่เเดินช่นนั้นก็เดินต่อไม่ได้ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงจะต้องบูรณาการให้มีการพูดคุยกัน ตนเองได้พูดกับ สมช.ว่าจะต้องมีคำแนะนำว่า จะยกระดับหรือบูรณาการอย่างไร ซึ่งปัจจุบันยังไม่เห็น
ส่วนที่มีการเปรียบเทียบระหว่างกรณี 4 ลูกเรือประมงไทยกับนักแสดงชาวจีนจนมีข้อเสนอว่า ทางการไทยควรจะติดต่อไปยังศูนย์กลางอำนาจของเมียนมา แต่เราไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของรัฐบาล และมิน อ่อง ลาย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ดีเท่ายุคของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี เชื่อว่าในทุกระดับของกองทัพน่าจะมีการติดต่ออยู่ นางสาวแพทองธารเคยพบมิน อ่อง ลายด้วย วันนี้เรารู้ว่ารัฐบาลเมียนมาต้องการเงิน เพื่อไปรบกับชมกลุ่มน้อย รัฐบาลไทยจึงอำนวยความสะดวก การขึ้นทะเบียนแรงงานจะต้องมีสถานเอกอัครราชทูตเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งขั้นตอนนี้จะสร้างรายได้ให้รัฐบาลทหารเมียนมากว่า 1 หมื่นล้านบาท กรณีนี้ชัดเจนว่ารัฐบาลไทยน่าจะมีสายสัมพันธ์ที่ดี เพราะอำนวยความสะดวกให้กับรัฐบาลเมียนมา เรามีกลไกหลายอย่างที่จะต่อรอง อยู่ที่ว่ารัฐบาลไทยจะทำหรือไม่
อย่างไรก็ตามวันนี้มีข่าวดาราจีนที่หายตัวไปตั้งแต่ 20 ธ.ค.67 ซึ่งดูจะซ้ำรอยกับนายซิงซิง นายรังสิมันต์ กล่าวว่ากรณีของนายซิงซิงมีการขายต่อไปยัง 3 บริษัทที่อยู่ในพื้นที่เมียนมา อีกทั้งยังมีข่าวคุณพ่อท่านหนึ่งที่ออกมาเรียกร้องให้กับลูกสาววัย 21 ปี เป็นเหตุที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายจะนำไปสู่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเรื่องการท่องเที่ยว รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีคิด อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องของประเทศนั้น ๆ ให้สถานเอกอัครราชทูตไปติดตาม ติดต่อเอาเอง ประเทศไทยเป็นแค่ทางผ่าน หากคิดแบบนี้ชื่อเสียงของประเทศไทยป่นปี้แน่นอน
เราต้องยอมรับความจริงว่า นักท่องเที่ยวเริ่มรู้สึกว่าการมาประเทศไทยไม่ปลอดภัย หากไม่ปลอดภัยแบบนี้ รัฐบาลไทยจะดำเนินการอย่างไร เราจะปล่อยปล่อยไปเรื่อย ๆ ให้การท่องเที่ยวพังแล้วค่อยว่ากัน ตนเองรับไม่ได้ การช่วยนายซิงซิงเป็นเรื่องดี แต่ยังมีอีกหลายคนที่รอคอยความช่วยเหลือ เราคงต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ยอมรับว่าคำตอบที่ได้ในการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ค่อนข้างน่าผิดหวัง แต่เรายังไม่ยอมแพ้จะเดินหน้าต่อ เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ แสวงหาข้อมูล และแสวงหาความร่วมมือในการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าคนมีสีในประเทศประเทศไทยได้ผลประโยชน์จากการส่งต่อนายซิงซิง ไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงอยากให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ตรวจสอบองค์กรตัวเองให้เรียบร้อย ช่วยปัดกวาดให้เรียบร้อย ส่วนตัวเชื่อว่าคนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้องแน่นอน
เมื่อถามว่า ประเด็นเกี่ยวกับคอลเซนเตอร์จะมีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ระบุว่า วิธีการของตนเองคือจะพยายามไม่พูดเยอะ เพราะจะได้เห็นกัน แต่ทุกเรื่องสามารถอยู่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ฝ่ายค้านอย่างเดียว แต่อยู่ที่พฤติกรรมของรัฐบาล หากรัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจน สามารถสร้างความไว้วางใจได้ คงไม่เหมาะสมที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องนั้น
แต่หากฝ่ายค้านพบว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่ยอมแก้ ไม่มีเจตจำนงจะแก้ และสร้างความเสียหาย จนนำไปสู่การที่สภาไม่ให้ไว้วางใจกับฝ่ายบริหารและรัฐมนตรี ก็สามารถนำไปอภิปรายได้ คงไม่อยากสรุปตอนนี้ว่ามีเรื่องใด แต่ยืนยันอีกครั้งว่า เราจับตามองท่านอยู่
"กรณีคอลเซ็นเตอร์อาจจะไม่ถึงขั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่อยู่ในอภิปรายทั่วไป ซึ่งก็เป็นน้องๆ อภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อแถลงนโยบายก็หยิบยกมา เพราะรัฐบาลสัญญากับประชาชนไว้เรื่องนี้ แต่ถึงเวลากลับตรงกันข้าม ภาพลักษณ์ของประเทศไทยถูกทำลายลงไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีมาตรการอะไรเลย"
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศเอาจริงเรื่องปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ จนเกิดข้อครหาว่า นายทักษิณพูดอะไร รัฐบาลรับลูกหมด นายรังสิมันต์ ย้ำว่า ตอนนี้ตนเองอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหามาก การที่นายทักษิณพูด เราก็คงรู้ว่ากันว่านายทักษิณมีอิทธิพลอย่างไรกับรัฐบาล แต่ตนเองพยายามมองข้ามเรื่องนั้นไปก่อนในตอนนี้ เพื่อเอาวาระการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ
"ทำยังไงก็ได้เถอะครับ แก้ปัญหาเสียที ความเสียหายกว่าแสนล้านของประเทศไทยที่เงินไหลออก มันรุนแรงเกินไปแล้ว ตอนนี้เรื่องท่องเที่ยวจะตาม อยากให้รัฐบาลเอาจริง อย่าให้เสียของ ท่านอุตส่าห์ทุกทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลขนาดนี้ ช่วยทำให้เกิดประโยชน์ผลต่อประชาชนบ้าง" นายรังสิมันต์ กล่าว
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #คอลเซ็นเตอร์ #เมียนมา #รังสิมันต์โรม
https://www.facebook.com/photo?fbid=961455696176466&set=a.534942252161148
.....