วันจันทร์, มกราคม 27, 2568
เรื่องกฟภ.ขายไฟให้เมืองสแกมเมอร์ในฝั่งเมียวดี หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องรัฐต่อรัฐ จริงๆแล้วไม่ใช่ กรณีชายแดนเมียนมาร์นั้น ต่างไปจากการขายไฟให้กับทางฝั่งลาว เพราะ “ในส่วนของรัฐพม่า รัฐบาลกลางไม่สามารถที่จะเข้ามาปกครองในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยอย่างรัฐกะเหรี่ยงได้ จึงไม่สามารถที่จะทำเป็นแบบรัฐต่อรัฐได้”
Pinkaew Laungaramsri
6 hours ago
·
เรื่องกฟภ.ขายไฟให้เมืองสแกมเมอร์ในฝั่งเมียวดี หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องรัฐต่อรัฐ จริงๆแล้วไม่ใช่ หากไม่เข้าใจสถานการณ์ชายแดนฝั่งเมียนมาร์ ก็ควรจะศึกษาหาความรู้สักหน่อย ค่อยมาวิจารณ์คนอื่น เจ้าหน้าที่กฟภ.ที่ดิฉันสัมภาษณ์เมื่อปีที่แล้ว ก็ระบุชัดเจนว่า กรณีชายแดนเมียนมาร์นั้น ต่างไปจากการขายไฟให้กับทางฝั่งลาว เพราะ “ในส่วนของรัฐพม่า ประเทศพม่าในเรื่องพื้นที่การปกครองเป็นลักษณะรัฐซ้อนรัฐ รัฐบาลกลางไม่สามารถที่จะเข้ามาปกครองในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยอย่างรัฐกะเหรี่ยงได้ จึงไม่สามารถที่จะทำเป็นแบบรัฐต่อรัฐได้”
รูปแบบการขายไฟ จึงเป็นการทำสัญญาผ่านตัวแทนหรือนอมินี หรือบริษัทของกะเหรี่ยง BGF (Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited หรือ SMTY) ไปขอสัมปทานจากรัฐบาลกลางเมียนมาร์มา แล้วมาเซ้งที่และขาย license ให้กับนอมินีฝั่งไทย กลุ่มนอมินีไทย เป็นฝ่ายที่เข้าไปลงทุนในพื้ินที่ BGF สร้างระบบไฟฟ้า บริหารจัดการเรื่องไฟในเมืองสแกมเมอร์ทั้งหมด เช่นติดตั้งเสา และอุปกรณ์สำหรับจ่ายไฟ ดูแลเมื่อระบบไฟมีปัญหา ฯลฯ ตลอดจนตามเก็บค่าไฟแล้วนำมาส่งให้กับกฟภ. การขายไฟในระบบแบบนี้ รัฐบาลกลางพม่าได้ค่าสัมปทาน บริษัทของ BGF ได้ค่าเซ้งที่ บริษัทนอมินีไทยค้ากำไรจากการชาร์จค่าไฟที่สูงลิ่วจากพวกอาชญากรจีน ส่วนกฟภ.นั้น เป็นเสือนอนกิน ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น รอรับค่าไฟจำนวนมหาศาลในแต่ละเดือนอย่างเดียว KK Park นั้น ใช้ไฟมากกว่า 10 เมกกะวัตต์ ชเวโก๊กโกะ 8 เมกกะวัตต์ ก่อนจะถูกตัดไฟในดือนมิย. ปีที่แล้ว เฉพาะรายได้ค่าไฟจาก KK Park แห่งเดียว ในเดือนพค. เพียงเดือนเดียวนั้น สูงถึง 30 ล้านบาท รายได้รวมทั้งปีลองคูณเข้าไปดูว่าจำนวนกี่ร้อยล้าน แล้วจะเข้าใจว่า เหตุใดการค้าขายไฟกับเมืองสแกมเมอร์จึงเป็นเรื่องหอมหวานสำหรับทุกฝ่าย
สัญญาสัมปทานเช่าพื้นที่เพื่อก่อสร้างระบบไฟฟ้าในเมืองสแกมเมอร์ที่รัฐบาลพม่าทำกับบริษัทของ BGF และ BGF เอามาเซ้งต่อให้นอมินีไทย เป็นสัญญาปีต่อปี และเป็นสัญญาสัมปทานระหว่างรัฐบาลพม่ากับ SMTY เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับไทย โปรดอย่าหลงประเด็น กลางปีที่แล้ว หลังจากโดนกดดันจากรัฐบาลจีน ในการสกัดอาชญากรรมสแกมเมอร์ รัฐบาลทหารพม่าก็เคยไม่ต่อสัญญาสัมปทานกับ SMTY ไปรอบนึงแล้ว ทำให้กฟภ.ต้องยุติการจ่ายไฟไปยังจุดที่ตั้งของเมืองชเวโก๊กโกะ (บ้านวังผา) และเมือง KK Park (บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง) แต่กฟภ. ไม่ได้ตัดไฟในพื้นที่อื่นๆอีกสองแห่งในเมียวดี และแน่นอน ยังคงร่ำรวยจากรายได้หลายร้อยล้านจากการขายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชายแดนดังกล่าว
หลังการตัดไฟในรอบนั้น ได้ทำเมืองสแกมเมอร์ทั้งสองซบเซาไปชั่วขณะ ในขณะที่เสียงเครื่องปั่นไฟ ดังกระหึ่มข้ามมาฝั่งไทย เอกชนที่ขายเครื่องปั่นไฟในเมืองแม่สอด ต่างล่ำซำจากการขายเครื่องปั่นไฟในช่วงนั้น แต่ที่น่าแปลกใจคือ ไม่นานหลังจากนั้น จู่ๆทั้งเมืองชเวโก๊กโกะ และเมือง KK Park ต่างกลับมาสว่างไสวอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับธุรกิจอาชญากรรมสแกมเมอร์ข้ามชาติที่ขยายตัวและหนักหน่วงมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
คำถามสำคัญจึงเป็นเรื่องที่ว่า ปัจจุบันเมืองสแกมเมอร์ทั้งสอง ใช้ไฟจากไหน หากไม่ใช่จากกฟภ.? เพราะพื้นที่ชายแดนตลอดแนวชายแดนไทย-พม่านั้น ล้วนพึ่งพาไฟฟ้าจากไทยทั้งสิ้น การที่รัฐมนตรีบางคนออกมาพูดพล่อยๆว่า ขายไฟฟ้าให้เมียนมาร์ไปแล้ว ส่วนเขาจะไปขายต่อให้ใครเป็นเรื่องของเขา ถือเป็นเรื่องที่ขาดความรับผิดชอบ และเห็นแก่ได้อย่างยิ่ง ไม่ควรที่จะมาบริหารและดูแลเรื่องความมั่นคงของประเทศ ความสงบสุขของประชาชน ตลอดจนการสร้างความปลอดภัยให้กับพื้นที่ชายแดน
การปล่อยปละละเลยให้สาธารณูปโภคของประเทศที่มาจากเงินภาษีของประชาชน กลายเป็นทรัพยากรที่อาชญากรข้ามชาตินำไปใช้ดำเนินกิจการในการล่อลวงและทำร้ายประชาชนของประเทศอย่างกว้างขวาง โดยรัฐและหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบโดยตรง ไม่ทำอะไร ถือเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง ที่น่าละอายยิ่งกว่า ไม่ใช่การที่สื่อเมียนมาร์ชี้นิ้วมาที่ไทยว่าขายไฟให้กับแก๊งค์คอลเซนเตอร์ เพราะมันเป็นเรื่องจริง แต่เป็นเรื่องกำไรและรายได้มหาศาลจากการค้าไฟฟ้ากับพวกอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้ ล้วนมาจากเงินเก็บและทรัพยากรของประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากมาย หลายคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว แต่รัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้ กลับพูดอย่างไร้ความรับผิดชอบว่า นี่คือมหาดไทย ไม่ใช่มหาดพม่า!
https://www.facebook.com/arunothai.ruangrong/posts/9159638097416503