ชวรัตน์ ชวรางกูร I Chawaratt Chawarangkul
14 hours ago
·
6 เหตุผลที่ประเทศไทยไม่ควรส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน
-
สื่อหลายแห่งทั้งในระดับนานาชาติและในประเทศไทยรายงานว่ารัฐบาลไทยกำลังพิจารณาส่งตัวชายชาวอุยกูร์จำนวน 48 คนกลับประเทศจีน ซึ่งพวกเขาถูกกักตัวในสถานกักตัวคนต่างด้าวในกรุงเทพฯ มานานกว่า 10 ปี การดำเนินการนี้อาจส่งผลให้มีการบังคับส่งตัวบุคคลเหล่านี้กลับประเทศจีน ก่อให้เกิดประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เสถียรภาพในภูมิภาค ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชนและพันธกรณีด้านมนุษยธรรม กฎหมายภายในประเทศ และข้อขัดแย้งทางจริยธรรม บทความนี้จะวิเคราะห์ 6 เหตุผลที่น่าสนใจว่าทำไมประเทศไทยควรพิจารณาการตัดสินใจครั้งนี้อย่างรอบคอบอีกครั้ง:
-
1. มีความเสี่ยงสูงที่จะมีการทรมานและการประหัตประหาร
มีหลักฐานมากมายที่แสดงว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศจีนเผชิญกับความเสี่ยงอย่างมากต่อการทรมาน การบังคับให้หายสาบสูญ และการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมอื่น ๆ รายงานจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Human Rights Watch รวมถึงประเทศต่าง ๆ อย่าง สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และแคนาดา ได้เน้นย้ำถึงการกดขี่อย่างเป็นระบบต่อชาวอุยกูร์ในประเทศจีน โดยเฉพาะในศูนย์กักกัน แม้ประเทศไทยเคยส่งตัวชายชาวอุยกูร์ 109 คนกลับประเทศจีนในปี 2015 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมของพวกเขา และไม่มีใครได้ยินข่าวใด ๆ เกี่ยวกับพวกเขาอีกเลย การส่งตัวกลับครั้งนี้จะเป็นการละเมิดพันธกรณีของประเทศไทยตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน (UN-CAT) ซึ่งห้ามการส่งกลับบุคคลไปยังประเทศที่พวกเขาอาจเผชิญความเสี่ยงต่อการทรมานอย่างชัดเจน
-
2. พันธกรณีด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน
ตามรายงานของสหประชาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชน ชาวอุยกูร์เป็นชนกลุ่มน้อยที่มีเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์และศาสนา ซึ่งเผชิญกับความเสี่ยงอย่างมากต่อความปลอดภัยและความเป็นอยู่ รายงานระบุว่าชาวอุยกูร์ต้องเผชิญกับการกักขังหมู่ การกดขี่ทางวัฒนธรรม และการจำกัดเสรีภาพทางศาสนา โดยบางประเทศถือว่าการกดขี่ชาวอุยกูร์ในซินเจียงเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การส่งตัวบุคคลเหล่านี้กลับอาจทำให้พวกเขาเผชิญอันตรายมากขึ้น บั่นทอนความพยายามของนานาชาติในการปกป้องประชากรที่เปราะบาง และละเมิดหลักการห้ามส่งกลับไปสู่อันตราย (non-refoulement) ซึ่งเป็นกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศที่รับรองว่าไม่มีผู้ใดควรถูกส่งกลับไปยังประเทศที่พวกเขาจะเผชิญอันตรายต่อชีวิต การรักษาสิทธิมนุษยชนและพันธกรณีด้านมนุษยธรรมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ประเทศไทยรักษามาตรฐานสากล และลดความเสี่ยงต่อการกระทำผิดระหว่างประเทศที่อาจนำไปสู่ผลทางกฎหมาย เช่น การถูกดำเนินคดีโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) นอกจากนี้ ในฐานะสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) การตัดสินใจส่งตัวอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง ลดอิทธิพลของประเทศไทยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมระหว่างประเทศในเรื่องการละเลยพันธกรณี
-
กฎหมายภายในของไทยเอง เช่น พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย (2565) มาตรา 13 ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามส่งบุคคลกลับไปยังประเทศที่พวกเขาอาจเสี่ยงต่อการถูกทรมานหรือการปฏิบัติที่เลวร้าย การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจะถือเป็นการละเมิดกฎหมายฉบับนี้โดยตรง เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในด้านกฎหมาย และทำให้ความเชื่อมั่นของสาธารณชนในหลักนิติธรรมลดลง
-
3. ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
หากประเทศไทยตัดสินใจส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน อาจเผชิญผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เช่น การถูกคว่ำบาตรทางการค้า การลดลงของการลงทุนจากต่างประเทศ และรายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลง อันเป็นผลมาจากการถูกประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากนานาชาติ ประเทศอาจสูญเสียความช่วยเหลือด้านการพัฒนาหรือถูกลงโทษทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำลายชื่อเสียงทางธุรกิจและนำไปสู่การถูกโดดเดี่ยวจากพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญทั่วโลก นอกจากนี้ การจัดการกับความไม่สงบและผลกระทบอื่น ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง อาจทำให้ทรัพยากรที่ควรนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนไป ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและโอกาสการเติบโตของประเทศไทย
-
การส่งตัวชาวอุยกูร์ 48 คนกลับประเทศจีนไม่ใช่เพียงประเด็นภายในประเทศ แต่เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติอย่างลึกซึ้ง การรักษาพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ การปกป้องสิทธิมนุษยชน และการพิจารณาผลกระทบระยะยาวในเชิงจริยธรรมและในทางปฏิบัติ จะช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีความรับผิดชอบและมีความเห็นอกเห็นใจต่อประชาคมโลก ด้วยการปกป้องชาวอุยกูร์ ประเทศไทยสามารถสร้างความสอดคล้องทั้งกับกฎหมายภายในและพันธกรณีด้านมนุษยธรรมในวงกว้าง พร้อมทั้งเป็นตัวอย่างสำคัญสำหรับนโยบายคุ้มครองผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงในอนาคต.
-
4. ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความมั่นคงของชาติ
การตัดสินใจของประเทศไทยในเรื่องนี้มีแนวโน้มที่จะได้รับการจับตามองจากทั่วโลก การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับอาจสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศประชาธิปไตยตะวันตกและองค์กรระหว่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน เช่น สหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ในทางกลับกัน การปฏิเสธที่จะส่งตัวกลับจะช่วยยกระดับชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะประเทศที่เคารพสิทธิมนุษยชน และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับนานาชาติ
-
การส่งตัวชาวอุยกูร์เหล่านี้กลับโดยใช้กำลังบังคับอาจก่อให้เกิดความไม่พอใจและนำไปสู่การทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มเกิดแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของชาติไทย เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อกิจกรรมของกลุ่มหัวรุนแรงภายในและภายนอกประเทศ การสรรหาบุคคลเข้าร่วมกลุ่มหัวรุนแรง หรืออาจเกิดการโจมตีที่เป็นอันตราย การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในของประเทศ และทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะประเทศที่สงบสุขและมีเสถียรภาพต้องเสื่อมเสียไปด้วย
-
5. ผลกระทบต่อภูมิภาคและโลก
การส่งตัวชาวอุยกูร์อาจทำให้ความตึงเครียดที่มีอยู่ในภูมิภาคเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน อธิปไตย และการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประชาคมระหว่างประเทศอาจตั้งคำถามเกี่ยวกับพันธกรณีของประเทศไทยในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพันธมิตรในภูมิภาคและความร่วมมือในหลายประเด็น รวมถึงการค้าและความมั่นคง
-
การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับอาจมีผลกระทบในระดับภูมิภาค โดยอาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงในประเทศเพื่อนบ้านที่มีประชากรมุสลิมจำนวนมาก การล้มเหลวในการปกป้องผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์อาจกระตุ้นการประท้วง ความไม่สงบ และการก่อร่างสร้างแนวคิดสุดโต่งในเอเชียและที่อื่น ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อความไม่มั่นคงในภูมิภาค และทำให้ความพยายามของโลกในการรักษาสันติภาพและความร่วมมือยุ่งยากขึ้น
-
6. พันธะทางจริยธรรม
จากมุมมองทางจริยธรรม ประเทศไทยมีความรับผิดชอบทางศีลธรรมในการปกป้องประชากรที่เปราะบางซึ่งกำลังหนีภัยประหัตประหาร การบริหารบ้านเมืองด้วยจริยธรรมหมายถึงการให้ความสำคัญกับชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหนือความสะดวกทางการทูต การรักษาหลักการจริยธรรมจะเป็นประโยชน์ต่อชาวอุยกูร์ และทำให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำระดับนานาชาติในด้านการทูตที่มีจริยธรรม
-
การปฏิเสธที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์กลับ จะช่วยเสริมสร้างพันธสัญญาร่วมของอาเซียนในการร่วมมือกันในภูมิภาค ความมั่นคง และการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน รวมถึงการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในการจัดการกับปัญหาด้านมนุษยธรรมที่ซับซ้อน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้แสดงความเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้
-
ภาพ: CCTV+
#อุยกูร์ #SaveUyghurs #thailand
https://www.facebook.com/photo/?fbid=122151697874502991&set=a.122111214272502991