Voice TV
14h ·
ถึงเวลาชำระประวัติศาสตร์
จากกรณี ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต หลานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้มอบหมายให้ 'สมผล ตระกูลรุ่ง' ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 5 มี.ค. เพื่อดำเนินคดีต่อ
จำเลยที่ 1 ณัฐพล ใจจริง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผู้แต่งหนังสือ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ” และ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี”
จำเลยที่ 2 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จำเลยที่ 3 ชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือ ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
จำเลยที่ 4 อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี
จำเลยที่ 5 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม
จำเลยที่ 6 ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน
เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท
ในฐานความผิดละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท กรณีที่ 'ณัฐพล' เขียนวิทยานิพนธ์หัวข้อ “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามภายใตระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)” รวมทั้งหนังสือ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ. 2475-2500)” และหนังสือ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” โดยชี้ว่ามีข้อความบางตอนที่โจทก์อ้างว่าบิดเบือนทำให้ได้รับความเสียหาย
บางส่วนของคำฟ้องระบุความว่า วิทยานิพนธ์เรื่องการเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใตระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ. 2475-2500) การพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ล้วนเป็นสิ่งที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าไม่เป็นความจริง เป็นการปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร
ในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่า ทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันกษัตริย์ การกล่าวหรือไขข่าวด้วยข้อความอันฝ่าฝืนความจริงของจำเลย ได้กระทำทั่วราชอาณาจักร รวมถึงนอกราชอาณาจักร เพื่อทำลายชื่อเสียงของต้นราชสกุลรังสิต
ท้ายคำฟ้องยังระบุว่า “เนื่องจากจำเลยทั้งหกยังคงไขข่าวให้แพร่หลายซึ่งข้อความเป็นฝ่าฝืนความจริง อันทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจนยากที่จะเยียวยาแก้ไขได้ โจทก์จึงใคร่ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามจำเลยทั้งหกกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิด โดยให้จำเลยทั้งหกหยุดเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จซึ่งปรากฏอยู่ในวิทยานิพนธ์ หนังสือ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ. 2475-2500)” และหนังสือ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อไป ขอศาลโปรดอนุญาต ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด”
หลักสากลที่หายไปพร้อมเสรีภาพทางวิชาการ
ด้านความเคลื่อนไหวของฟากผู้ถูกฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ฐานะจำเลยที่ 2 ได้เผยแพร่แถลงการณ์ แสดงความเสียใจสถานบันศึกษา เนื่องด้วยประเด็นปิดกั้นเสรีภาพทางวิชาการ และถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมีเนื้อหาดังนี้
"ดิฉันมีความเสียใจที่ต้องตกเป็นจำเลยในคดีที่เกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ของ ณัฐพล ใจจริง
คดีนี้แยกเป็นสองส่วน
คือส่วนแรกที่เกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ ซึ่งดิฉันมีบทบาทเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
และส่วนที่สองคือ หนังสืออันเป็นผลผลิตของวิทยานิพนธ์ ซึ่งดิฉันไม่มีบทบาทใดๆ ทั้งสิ้น
การดำเนินคดีในส่วนแรก เป็นความท้าทายต่อหลักการของเสรีภาพทางวิชาการ การฟ้องดำเนินคดีดิฉันซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นการละเมิดหลักการทั้งสองและย่อมมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวงการวิชาการในอนาคตด้วย
คดีนี้ จึงเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาหลักการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทบาทของอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งมีหลักการเป็นสากลว่า ผลผลิตของวิทยานิพนธ์ย่อมเป็นความรับผิดชอบของผู้ทำวิทยานิพนธ์นั้น
คณะกรรมการผู้ทรงวุฒิได้ใช้เวลาตรวจสอบวิทยานิพนธ์แล้ว และมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า วิทยานิพนธ์สอบผ่าน และวิทยานิพนธ์ดีมาก ซึ่งเป็นงานวิชาการที่เปิดให้มีการโต้เถียงได้โดยเสรี
หากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความเป็นสถาบันวิชาการในระดับสากล ก็ควรต้องรับรองหลักการดังกล่าวอันเกิดขึ้นภายในสถาบันของตนด้วย และควรต้องมีบทบาทในการปกป้องดิฉันซึ่งทำหน้าที่อันชอบธรรมตามคำสั่งของมหาวิทยาลัย
แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ได้ยอมรับหรือกระทำตามหลักการที่มีความเป็นสากลนี้ และไม่ได้ดำเนินการปกป้องดิฉันในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งทำหน้าที่ตามคำสั่งของมหาวิทยาลัยอย่างที่ควร แต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกลับแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนบทบาทของดิฉันในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาดังกล่าว
และในทางตรงกันข้าม ดิฉันกลับได้รับการสนับสนุน กำลังใจ ไมตรีจิต และความช่วยเหลือจากอาจารย์อาวุโสของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แทน
ซึ่งดิฉันของขอบพระคุณ ณ ที่นี้ด้วย"
รื้อประวัติศาสตร์พิสูจน์ข้อเท็จจริง
ด้าน วิญญัติ ชาติมนตรี ฐานะทนายความ รศ.ดร.กุลลดา ให้สัมภาษณ์ 'วอยซ์' ถึงกระบวนการต่อสู้คดี ในส่วนของอดีตอาจารย์จุฬาฯ ว่า ที่ผ่านมาจุฬาฯเคยตั้งกระบวนการสอบวิทยานิพนธ์ ตามขั้นตอนกฎหมายของสถาบันทุกอย่าง และยังเชิดชูวิทยานิพนธ์ของณัฐพล ในระดับดีเยี่ยม แต่กลับถูกอ้างว่างานชิ้นนี้บิดเบือนข้อมูลทางประวัติศาสตร์
เมื่อคำฟ้องเป็นเช่นนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือต้องนำประวัติศาสตร์เรื่องนี้มาพูดกันอีกครั้ง เพื่อที่จะสืบทราบข้อเท็จจริง เนื่องจากเขาฟ้องว่าเผยแพร่ข้อความที่ฝ่าฝืนความเป็นจริง ดังนั้นโจทย์เองก็ต้องพิสูจน์ว่า 'กรมพระยาชัยนาฯ' ผู้สำเร็จราชการแทนขณะนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทบาทของทหารจริงหรือไม่
นอกจากนี้เห็นว่า 'รศ.ดร.กุลลดา' ก็เพียงทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีบทบาทเข้าไปมีบทบาทเนื้อหาของวิิทยานิพนธ์เลย อีกประเด็นที่ทนายวิญญัติตั้งข้อสังเกตคือ ก่อนหน้าที่จะเป็นคดีความ งานชิ้นนี้ก็ไม่ถูกทักท้วงอย่างใด แต่หลังจากที่มีนักวิชาการชื่อดัง ได้ออกมาทักท้วงว่ามีเนื้อหาที่ผิดจากข้อเท็จจริง กระทั่งจุฬาฯตั้งคณะกรรมการสอบ และไม่ได้ลงคำสั่งให้แก้ในส่วนสาระสำคัญ ที่โจทย์อ้างว่าเกี่ยวข้องกับปู่เขาเลย
อ่านบนเว็บไซต์
https://www.voicetv.co.th/read/PhXnLUkM-
#VoiceOnline
...
ฟ้าเดียวกัน
14h ·
สรุปสิ่งที่เกิดขึ้น
วันนี้ (9 พฤศจิกายน 2564)
1.การพิจารณาว่า ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ซึ่งเป็นเพียงแค่หลานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร นั้นมีสิทธิฟ้องร้องหรือไม่ ศาลยังไม่ตัดสิน แต่จะสั่งในคำพิพากษา
2.ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ขอถอนคุ้มครองชั่วคราว ทำให้ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ, ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ยังไม่เป็นหนังสือต้องห้ามจนกว่าศาลจะตัดสินว่าผิด ส่วนวิทยานิพนธ์ “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)” จุฬาสั่งห้ามเผยแพร่ไปก่อนหน้านั้นแล้ว
3.ถึงแม้ว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของจำเลยที่ 1 และ 2 เจ้าของลิขสิทธิ์วิทยานิพนธ์ ศาลเห็นว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดี จึงไม่ต้องเป็นจำเลยร่วม
4.เรื่องการส่งหมายถึงนายณัฐพล ใจจริง ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ศาลจะนัดฟังคำสั่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564
—
ตามที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต หลานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้ฟ้องร้องในฐานความผิดละเมิด ไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ต่อ
จำเลยที่ 1 ณัฐพล ใจจริง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผู้เขียนวิทยานิพนธ์ “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)” หนังสือ ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ และหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี
จำเลยที่ 2 กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
จำเลยที่ 3 ชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือ ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
จำเลยที่ 4 อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี
จำเลยที่ 5 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม
จำเลยที่ 6 ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ในกรณีตีพิมพ์และเผยแพร่
1.วิทยานิพนธ์ “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)”
2.หนังสือ ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ. 2475-2500)
3.หนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี : การเมืองไทยภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา 2491-2500
สรุปคำร้องได้ดังนี้
1.คำร้องขอวินิจฉัยข้อกฎหมายเบื้องต้น ของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และของจำเลยที่ 2 ศาลรับคำร้องไว้และรอไว้สั่งในคำพิพากษา
2.คำร้องที่ขอให้เรียกจุฬาฯ เข้ามาเป็นคู่ความร่วมกับฝ่ายจำเลย ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิ์ไล่เบี้ยเอากับจุฬาฯ ได้
3.โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว โดยอ้างเหตุว่า หนังสือมีการพิมพ์และจำหน่ายโดยทั่วไปแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะขอคุ้มครองชั่วคราว ศาลอนุญาตให้ถอนคำร้อง ขอคุ้มครองชั่วคราวของโจทก์
ส่งผลให้หนังสือยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ โดยยังไม่มีคำสั่งหรือข้อจำกัดในการคุ้มครองชั่วคราว
4.วันนี้ศาลได้ไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 นำพยานเข้าไต่สวนปาก มีนายณัฐพล ใจจริง จำเลยที่ 1 และนายณัฐพงค์ ทรายหมอ ทนายจำเลยที่ 3 ถึงที่ 6
ศาลนัดฟังคำสั่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09:30 น.