.jpg)
เนื่องจากคดีดังกล่าวไม่เพียง สว.ที่ได้รับเลือกถูกฟ้องว่าเข้ามาได้เพราะฮั้ว แต่มีฝ่ายการเมืองจากพรรคภูมิใจไทย ๙๑ คน ติดร่างแหถูกเรียกสอบด้วย ในจำนวนนั้นมีทั้งกรรมการบริหาร รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ด้วยตนเอง
ตามระเบียบ กระบวนการสอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาดจะใช้เวลา ๒๔๐ วัน หรือ ๘ เดือน แต่เมื่อ ๒๙ กันยาที่ผ่านมา ประธานฯ อิทธิพร บุญประคอง แจ้งว่าถึงขั้นตอน “การให้ความเห็นของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาและข้อโต้แย้งแล้ว”
ซึ่งหมายความว่ากว่าจะสิ้นสุดถึงการวินิจฉัยโดยกรรมการคณะใหญ่ คงต้องใช้เวลาอย่างมาก ๙๐ บวกอีก ๙๐ วัน (รวม ๖ เดือน) นั่นละ เท่ากับมีเวลาถึงเดือนมีนาคม ๖๙ สำหรับกระบวนการพิจารณาทั้งหมด ณ วันนี้เรื่องอยู่ที่คณะอนุฯ วินิจฉัยชุดที่ ๓๖
(หมายเหตุคณะอนุฯ วินิจฉัยนี้ตั้งมาแล้ว ๓๕ ชุด ๆ ละ ๕ คน) แต่ปรากฏว่ากรรมการ ๔ คนในชุด ๓๖ มาจากชุดก่อนๆ ที่ยังไม่หมดวาระ ได้แก่ อนุชา จันทร์สุริยา จากชุด ๑ นันทศักดิ์ พูลสุข ของชุด ๒ อัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต แห่งชุด ๒๓ และ ธัชสกล พรหมจมาศ ของชุด ๓๑
การวินิจฉัยของคณะอนุฯ แม้จะให้เวลา ๓ เดือน แต่มีระเบียบระบุว่า “ให้พิจารณาด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรม” แล้วจัดทำความเห็น (แบบ สตว.๘) ส่งต่อให้คณะกรรมการใหญ่ “โดยเร็ว” ซึ่งอาจลากไปถึงกำหนดตามระเบียบ วันที่ ๑๕ ธันวา ๖๘ ก็ได้
ข้อที่ต้องสังเกตุ อนุฯ ทั้งสี่คนข้างต้น คนหนึ่ง (อนุชา) เป็นที่ปรึกษาประธาน กกต.อยู่ อีกสามคนก็เวียนวนอยู่ในข่ายงาน กกต.ทั้งนั้น อีกทั้งอนุกรรมการอื่น อย่าง เชาวนะ ไตรมาส เคยเป็ยเลขาธิการศาล รธน. และเข้าสมัครเป็น ตลก.รธน. แต่ไม่ผ่าน
ประเด็นของเรื่องที่ไอลอว์พยายามชี้ อยู่ที่ในเดือนธันวาปีนี้ จะมี กกต.หมดวาระเพิ่มอีก ๒ คน รวมกับที่หมดวาระไปแล้วตลอดปี ๖๘ สามคน เท่ากับว่าก่อนสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้าจะต้องมีการตั้ง กกต.ใหม่ ๕ ใน ๗ คน ถ้าหากอนุฯ ชุดนี้ “คิดช้า”
ไม่สามารถส่งเรื่องคดีฮั้ว สว.ไปให้กรรมการชุดใหญ่ได้ก่อน ต้องให้ สว.๖๗ พิจารณาตั้งกรรมการเลือกตั้งใหม่ ๕ คนเข้าไปแทนชุดเก่าที่หมดอายุ แปลไทยเป็นไทยจะได้ความว่า ให้ สว.ที่โดนคดีฮั้วตั้งผู้พิพากษา (กกต.) ไปตัดสินคดีของตน
