FLASHBACK : Zohran Mamdani vows to arrest Netanyahu if he visits New York City. On January 1, 2026, He will become the mayor of New York City! No entry for netanyahu🔥?

Globe Eye News
@GlobeEyeNews
·Sep 13

Zohran Mamdani vows to arrest Netanyahu if he visits New York City.

⚡️🇺🇸🇮🇱JUST IN: Zohran Mamdani, the leading Democratic candidate for New York City mayor:

"If Netanyahu comes to deliver a speech at the United Nations General Assembly in New York next year while I am mayor, I will move to honor the ICC arrest warrant issued in The Hague against… pic.twitter.com/EHe6f1G6Le

— Suppressed News. (@SuppressedNws1) September 30, 2025

Zohran Mamdani said he would arrest Netanyahu if he visits New York City.

Today he has become the mayor of New York City! No entry for netanyahu🔥 pic.twitter.com/ELsKLF1kPf

— The Resonance (@Partisan_12) November 5, 2025

Pavin Chachavalpongpun
21 hours ago
·
เมื่อวานได้ใช้เวลาส่วนหนึ่ง นั่งไล่ฟังสุนทรพจน์ของนายกเทศมนตรีคนใหม่ของนครนิวยอร์ค โซห์ราน มัมดานี บอกเลย ฟังแล้วหลงเสน่ห์มาก ทั้งสาระ ท่วงท่า และ determination ความรู้สึกประทับใจนี้ สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากในนิวยอร์กและสหรัฐฯ รู้สึกเลยค่ะ เพราะชัยชนะของเค้าไม่ได้มาจากการเมืองแบบเดิมๆ แต่มาจากพลังแห่งความหวังและการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ ซึ่งเขาเน้นย้ำอยู่เสมอในการปราศรัย
...สิ่งที่มัมดานีมักพูดถึงและเป็นหัวใจหลักของความประทับใจนี้คือ การต่อสู้กับวิกฤตค่าครองชีพและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เค้าเป็นนักสังคมนิยมประชาธิปไตย (Democratic Socialist) ที่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและจริงใจในการสื่อสารกับชนชั้นแรงงานและชุมชนผู้อพยพ หัวข้อหลักที่เราจะได้ยินจากเขาเสมอ คือ 1) เรื่องค่าครองชีพ ที่เน้นย้ำว่านิวยอร์กเป็นเมืองที่ชนชั้นแรงงานสร้างขึ้น แต่ตอนนี้กำลังผลักดันให้คนเหล่านี้ออกไปจากเมืองด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่ว นโยบายเด่นคือ การตรึงค่าเช่าสำหรับอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมราคา และการสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูก 2) การขนส่งสาธารณะ โดยผลักดันให้มีรถเมล์ฟรีและรวดเร็วขึ้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนทำงาน 3) การเก็บภาษีคนรวย โดยประกาศอย่างชัดเจนว่าจะหาเงินทุนสำหรับนโยบายสวัสดิการเหล่านี้ด้วยการเพิ่มภาษีบรรษัทและภาษี 2% สำหรับผู้ที่มีรายได้สูงสุดในนิวยอร์ก โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเงินมาทำศูนย์ดูแลเด็กฟรีทั่วเมือง และ 4) ความยุติธรรมทางสังคม เค้ามักพูดถึงการสร้าง Department of Community Safety เพื่อจัดการกับวิกฤตสุขภาพจิตและคนไร้บ้าน แทนที่จะพึ่งพาตำรวจเพียงอย่างเดียว รวมถึงการยืนหยัดต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ Islamophobia และการแบ่งแยกที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะการกล่าวถึงการต่อต้านอำนาจของโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างตรงไปตรงมา (สับทรัมป์ในหลายโอกาสมาก)
...ความประทับใจของดิชั้นจึงน่าจะเกิดจากความกล้าหาญในการท้าทายสถาบันการเมืองเก่าและการนำเสนอนโยบายที่กล้าหาญและเป็นรูปธรรม ที่ให้ความหวังว่ารัฐบาลสามารถทำให้ชีวิตของคนทำงานดีขึ้นได้จริง ซึ่งแตกต่างจากการเมืองที่เน้นเพียงแค่การประนีประนอมหรือตัวเลขเศรษฐกิจขนาดใหญ่เท่านั้นค่ะ สิ่งที่มัมดานีสอนเราในเชิงหลักการและการเมืองแบบไม่ยอมอ่อนข้อต่อชนชั้นนำ นั่นก็คือ การเมืองที่แท้จริงคือการยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวบนหลักการ แม้ว่าสิ่งนั้นจะสวนทางกับผลประโยชน์ของชนชั้นนำที่มีอำนาจมากที่สุดก็ตาม การที่เค้าชูนโยบาย "Tax the Rich" อย่างเปิดเผย ไม่ใช่แค่การเสนอนโยบาย แต่คือการส่งสัญญาณที่ไม่เกรงกลัวกลุ่มทุนหรืออภิสิทธิ์ชนที่อาจขู่ว่าจะย้ายฐานเศรษฐกิจออกจากเมือง
...ทีนี้เมื่อมองมาที่พรรคประชาชน มัมดานีเป็นเหมือนภาพสะท้อนว่า การที่พรรคการเมืองเลือกที่จะยืนยันในหลักการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (เช่น การปฏิรูปกองทัพ หรือการแก้ไข ม.112) แม้จะทราบดีว่าหลักการเหล่านั้นจะนำมาซึ่งการถูกโจมตี ถูกกีดกัน หรือแม้แต่เสี่ยงต่อการถูกยุบพรรค (ซึ่งโดนไปแล้ว) ความประทับใจที่เกิดขึ้นในกลุ่มฐานเสียงพรรคประชาชนก็น่าจะมาจากความรู้สึกเดียวกันกับมัมดานี นั่นคือ ความกล้าหาญที่จะท้าทาย 'โครงสร้างอำนาจที่มองไม่เห็น' และเลือกที่จะเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ที่ถูกกดทับ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มอำนาจเดิมและชนชั้นนำก็ตาม แต่ก็เอาเถอะค่ะ บางครั้งพรรคส้มก็ผีเข้าผีออก จะเอาไปเปรียบทุกอย่างกับมัมดานีซึ่งเห็นผลความสำเร็จแบบเป็นรูปธรรมแล้วก็อาจจะเว่อร์ไปหน่อย แต่ประเด็นนี้คือ การต่อต้านระบอบ ถ้าไปให้ถึงที่สุด โอกาสชนะมันมีค่ะ เหมือนมัมดานี นี่เป็นประเด็นที่ดิชั้นกับพี่ใบตองแห้ง Atukkit Sawangsuk ได้คุยกันในรายการ "ประชาธิปไตย2สี" ที่จะแพร่ภาพพรุ่งนี้ค่ะ ของช่องมติชน