การเมืองในระบบพรรคการเมืองไทย มีลูกเล่นลูกไม้มากกว่าการเสนอนโยบายที่ทำได้และตอบสนองปากท้องประชาชน เพื่อการแข่งขันชิงคะแนนเลือกตั้งเท่านั้น การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของพรรค กล้าธรรม (นัส) ชี้ให้เห็นว่า
ผู้ออกเสียงไม่สำคัญเท่า ‘พลังดูด’ ส.ส. อันทำให้ “ผงาดขึ้นแท่นมาเป็นพรรคใหญ่อันดับสาม ของซีกรัฐบาล” ได้ หลังจากผ่านการเลือกตั้งครั้งเดียว แถมเป็นสนามเลือกตั้งซ่อมเสียด้วย ที่นครศรีธรรมราช ทำให้กล้าธรรมมี ส.ส.ในสังกัด ๒๖ คน
และคนที่ ๒๗ กำลังตามมาอย่างง่ายดาย เพียงพรรคประชาชน ต้นสังกัดของ ส.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ยอมจำนน ‘ไล่ออก’ ส.ส.นางสาวคนนี้เท่านั้น แต่จากจุดยืนที่แกนนำพรรคประชาชนเผยหน้าตักให้เห็นจะแจ้งว่า ใช้ลูกไม้อย่างนั้นยากอยู่
ในเมื่อ ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคบอกแล้วว่า กำลังให้สำนักตรวจสอบวินิจฉัยว่าจดหมายแสดงความจำนงยุติทำการเมืองร่วมกับพรรคของ ส.ส.กฤษฎิ์ นั้นแสดงว่าลาออกหรือไม่ แม้นว่าการใช้ถ้อยคำจะพยายามเลี่ยงความหมายนั้นก็ตาม
พรรคกล้าธรรม ในความดูแลของ ธรรมนัส พรหมเผ่า ใช้กลยุทธเช่นนี้ดูดเอา ส.ส.จากพรรคเล็กเข้ามาอยู่ในชายคาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ คน แต่ละคนจากพรรค พลังสังคมใหม่ พรรคใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน
และแม้แต่คนหนึ่ง เอกราช ช่างเหลา จากพรรคภูมิใจไทย นอกนั้นอีก ๒๐ คน เป็น ส.ส.ที่ธรรมนัสหอบหิ้วออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ เช่นกันกับ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค เนื่องจาก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ‘บ่อลัก’ แล้ว
เท่ากับว่าเวลานี้พรรคกล้าธรรมมี ส.ส.อยู่ในมือ ๒๖+๑ เป็นอันดับ ๓ ในหมู่พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน แม้กระทั่งวานนี้ (๑๔ พ.ค.) ธรรมนัสยอมรับข่าวลือที่ว่า น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการเพื่อไทย กับ การุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.จะย้ายมาร่วม
“ผมยืนยันว่าไม่ได้โม้ จะมีอีกหลายคนที่มาร่วมอุดมการณ์กับพรรคกล้าธรรม” ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ ผู้ชมผู้ฟังได้ยินกันมาหลายครั้งเรื่องร่วมอุดมการณ์นี้ แต่ก็ไม่สามารถชี้ชัดได้แน่ว่าอุดมการณ์นั้นเป็นอย่างไร ในบริบทของระบบเลือกตั้ง
(https://www.matichon.co.th/politics/news_5182957 และ https://www.facebook.com/story=1144543297717306&id=100064849386139)