วันศุกร์, พฤษภาคม 02, 2568

“กมธ.มั่นคงฯ” จี้ กอ.รมน. เอาผิด คนทำเอกสารจัดหมวดหมู่ เพจ “พรรคประชาชน” ถูกจัดในกลุ่มต่อต้านสถาบัน หลังหน่วยงานยอมรับเอกสารจริง แต่แจงเป็นการทำข้อมูลผิดพลาด



กมธ.บี้กอ.รมน. เอาผิดคนจัดหมวด หลังยอมรับเอง ทำข้อมูลพลาด ระบุเพจปชน. อยู่ในลิสต์ต้านสถาบัน

1 พฤษภาคม 2568
มติชนออนไลน์

“กมธ.มั่นคงฯ” จี้ กอ.รมน. เอาผิด คนทำเอกสารจัดหมวดหมู่ เพจ “พรรคประชาชน” ถูกจัดในกลุ่มต่อต้านสถาบัน หลังหน่วยงานยอมรับเอกสารจริง แต่แจงเป็นการทำข้อมูลผิดพลาด ขณะที่ “โรม” ชี้ผิดที่ซ้ำซากคล้ายจงใจป้ายสีฝ่ายการเมือง เผย “วินธัย” รับมีคณะทำงานพิเศษIO แค่พีอาร์กองทัพเท่านั้น ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสี ปัดอยู่เบื้อ’หลังบัญชี “เจ๊จุกคลองสาม”

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมกมธ.พิจารณาศึกษาปฏิบัติการข่าวสาร ( IO) ทางสื่อสังคมออนไลน์ของหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ส่งผลกระต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ว่า เอกสารของ กอ.รมน.ที่ได้มีการสรุปข่าว และประเมินสถานการณ์เป็นประจำ พบปัญหาที่เห็นคือ ทางกอ.รมน. ได้มีการสรุปข้อมูลข่าวสาร และกระจายต่อในลักษณะที่เป็นการกล่าวหา และใส่ความเท็จต่อบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหมวดหมู่ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม อยู่ในรายชื่อ ทั้งยังมีการรวมรายชื่อกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ โดยมีเพจพรรคประชาชนก็อยู่ในกลุ่มที่ต่อต้านสถาบันด้วย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับเอกสารดังกล่าวทางกอ.รมน. ยอมรับกับทางกมธ.ว่าเป็นเอกสารจริง โดยไม่มีข้อโต้แย้งว่าเป็นเอกสารปลอม แต่กอ.รมน.ปฏิเสธว่า เนื้อหาการจัดหมวดหมู่ว่า เป็นการกระทำที่ผิดพลาด เนื่องจากนำเนื้อหาข้อมูลทั่วไปมาจากอินเตอร์เน็ต โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีความผิดพลาดจริงต้องมีการลงโทษลงโทษผู้กระทำผิด เนื่องจากเป็นการกระทำผิดที่ซ้ำซากคล้ายจงใจ ป้ายสีฝ่ายการเมือง

“ที่บอกว่า การผิดพลาดหลายๆครั้ง มันดูจะไม่น่าเป็นความผิดพลาดแล้ว แต่เป็นความจงใจที่จะทำให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมืองที่เป็นซีกรัฐบาล หรือซีกฝ่ายค้าน ซึ่งเอกสารพวกนี้มีการเปิดเผย และส่งต่อให้หน่วยงานต่างๆ ซึ่งต้องมีการลงนาม ดังนั้น หากเอาผิดสามารถเอาผิดได้เลย หาก กอ.รมน. บริสุทธ์ใจ ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใส่ร้ายป้ายสีเพื่อความแตกแยกทางการเมือง ในเรื่องนี้ต้องมีบุคคลรับผิด ” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการใช้ IO มีโครงสร้างที่คณะทำงานพิเศษกองทัพบก ที่ปรากฏชื่อ พล.อ.ธรรมนูญ วิถี เป็นหัวหน้าคณะทำงานพิเศษ ในส่วนนี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ยอมรับกับ กมธ.ว่า คณะทำงานพิเศษกองทัพบก มีอยู่จริง แต่ปฏิเสธว่า ไม่มีการดำเนินการใดๆในลักษณะการใส่ร้ายป้ายสี เป็นการทำงานในลักษณะการประชาสัมพันธ์งานของกองทัพบกเท่านั้น ซึ่งมีการส่งต่อไปยังอินฟลูเอนเซอร์ และนักข่าว ที่ติดตามกองทัพอยู่เป็นประจำเท่านั้น

ประธานกมธ.ความมั่นคงฯ ยังได้ยกตัวอย่างบัญชี IO ที่อาจเชื่อมโยงกับทางกองทัพ เช่น บัญชี “เจ๊จุกคลองสาม” ที่ครั้งหนึ่งเคยแสดงอยู่หน้าจอ LCD ของกองทัพบก ที่พล.ต.วินธัย ชี้แจงว่าเป็นความผิดพลาด กองทัพไม่ได้อยู่เบื้องหลังบัญชีดังกล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังพบภาพที่เผยแพร่ข้อมูลตำรวจควบคุมฝูงชน ที่มองว่า ภาพดังกล่าวมุมที่เกิดขึ้นต้องมาจากตำรวจเป็นคนถ่ายเท่านั้น หรือภาพที่มีการอ้างถึงม็อบ vivo แต่เมื่อดจากมุมถ่ายภาพ ก็คือมุมจากทางตำรวจ ในส่วนนี้ทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ปฏิเสธว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ เบื้องต้นกมธ.ฯจึงตั้งข้อสังเกตว่าว่าอย่างน้อยต้องตรวจสอบในเรื่องนี้ ว่าผู้ที่นำข้อมูลลับของราชการมาเผยแพร่เป็นบุคคลในราชการตำรวจ และกองทัพ หรือไม่

“เมื่อฝ่ายความมั่นคง ปฏิเสธการเข้าไปเกี่ยวข้องกับ IO จึงหวังว่า หน่วยงานความมั่นคง จะทำหน้าที่ตามกฏหมาย โดยไม่ปล่อยให้ปฏิบัติการ IO เกิดขึ้นต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การประชุมวันนี้สืบเนื่องมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของ นายชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม. พรรคประชาชน และเป็นการเชิญครั้งที่ 2 ต่อจากการเชิญครั้งแรก ที่หลายหน่วยงานไม่ได้มา โดยครั้งนี้ หลายหน่วยงานตอบรับร่วมเข้าชี้แจงเป็นอย่างดี ทั้งกอ.รมน. กระทรวงกลาโหม ,กองทัพบก ,กองทัพเรือ ,กองทัพอากาศ ,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง (ป.ป.ช.) และ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สตง.) สำหรับรายบุคคลที่ไม่ได้มาชี้แจงในครั้งนี้ เช่น พล.อ. ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหาร, พล.ท.วณัฐ ลักษณ์สิริ ผู้อำนวยการสำนักการข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ,พล.ต. นิพัฒน์ เล็กฉลาด ผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก

ขณะที่ นายชยพล กล่าวเสริมว่า การที่ กอ.รมน.ไม่ยอมรับ เรื่องการทำ IO ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนโดยรวม แม้ข้อมูลนั้น จะอยู่ในเอกสารเดียวกัน แต่ก็มีการรับเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น จึงอยากให้สังคมเป็นผู้ตัดสิน ส่วนบัญชี “เจ๊จุกคลอง3“ ซึ่งมีการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลทางการเมืองหลายคน หน่วยงานที่เข้ามาชี้แจงระบุว่า ไม่ใช่หน่วยงานส่งข้อมูลให้โดยตรง แต่อาจเป็นการรั่วไหลของข้อมูลต่างๆ ซึ่งน่ากังวลว่า ข้อมูลที่รั่วไหลไป สู่เพจที่มีแนวคิดสนับสนุนวิธีการของกองทัพ นำไปใช้โจมตีบุคคลทางการเมืองต่างๆนั้น จึงสอบถามว่า หน่วยงานความมั่นคงจะสามารถติดตามบุคคลเหล่านี้มาดำเนินคดีได้หรือไม่ แต่ไม่ได้รับคำตอบ หรือการยืนยันใดๆ ว่าจะสามารถติดตามบัญชีในลักษณะแอคหลุมได้จริงหรือไม่

นายชยพล กล่าวต่อว่า มีรายงานภัยคุกคามภายในราชอาณาจักร ของจังหวัดสกลนคร ที่ระบุถึงการที่กองทัพไปดำเนินคดีกับบัญชีผู้ใช้หลายคน ที่ไม่ได้ใช้ชื่อจริงของตัวเอง ซึ่งโพสต์ในลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ต่อกองทัพ และกองทัพก็สามารถติดตามตัวจนเจอ รู้ชื่อนามสกุล เพื่อจับตัวนำมาดำเนินคดี จึงต้องตั้งคำถามว่า นี่คือการเลือกปฏิบัติหรือไม่ คือจะดำเนินคดี และติดตามอย่างจริงจัง เฉพาะบุคคลที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อกองทัพหรือไม่ และจงใจปล่อยข้อมูล ปล่อยให้บุคคลที่มีแนวคิดเดียวกันกับกองทัพลอยนวล กองทัพควรมีแนวคิดเช่นนี้หรือไม่ เพราะไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของกองทัพแน่นอน

นายชยพล กล่าวด้วยว่า การดำเนินการหลังจากนี้ จะต้องมีการดำเนินการร้องเรียน และส่งหลักฐานไปที่หน่วยงานใดบ้าง โดยเฉพาะหน่วยงานที่เป็นแขนขาสำคัญของโครงสร้างคณะทำงานพิเศษกองทัพบก และจะมีการตรวจสอบรายชื่อหน่วยงานย้อนหลัง ว่ามีหน่วยงานใดเป็นผู้รวบรวมข้อมูลส่งเข้ามา และใครเป็นผู้เซ็นต์รับรอง รวมถึงการขอรายชื่ออินฟลูเอ็นเซอร์ด้วย เพราะแม้เนื้อหาบางส่วนจะมาจากสื่อมวลชนกระแสหลัก แต่กองทัพก็ยอมรับว่า สื่อนั้น ผิดพลาด บิดเบือนข้อมูล ไม่มีข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับของกองทัพ จึงใช้ขอความร่วมมือให้อินฟลูเอ็นเซอร์สื่อสารแทนกองทัพ เพื่อเผยแพร่ข้อจริงที่กองทัพเห็นว่า คือข้อเท็จจริง และกองทัพยืนยันว่า ไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง.

https://www.matichon.co.th/politics/news_5163668