กรณีซื้อเรือดำน้ำจากจีน มีแต่ตัวถังไม่มีเครื่อง เป็นอีกเรื่องที่รัฐบาล ‘ชินวัตร’ ต้องตามเช็ดขี้ให้กับรัฐบาลก่อน จะเป็นหน้าชื่นอกตรมหรือว่ารับช่วงดีลต่อกันมา เพราะเดี๋ยวนี้หัวหน้ารัฐบาลชุดสืบทอดอำนาจนั้น ไปเป็น ‘องคะ’ เสียแล้ว
นั้น เลขานุการคณะกรรมาธิการทหาร ออกมาย้ำเตือนรัฐบาลแพทองธารจะทำอ้อยอิ่งต่อไปอีกไม่ได้แล้ว การพยายามเลี่ยงปัญหา เป็นแม่งูเอ๋ย “ย้ายไปก็ย้ายมา” อีกต่อไปไม่ไหวแล้ว “ต้องเร่งตัดสินใจ” ให้แน่นอนเสียที
นับแต่ครั้ง สุทิน คลังแสง เป็นว่าการกลาโหม กองทัพเรือพยายามเลี่ยงประเด็นไปเรื่องซื้อเรือรบฟรีเกตขั้นเทพ ๒ ลำแทน เสร็จแล้วก็ไปไม่รอด จึงหนีปัญหาเรือดำน้ำไม่พ้น โดยเฉพาะหลังจากทั่นรองฯ ภูมิธรรม เวชยชัย ตากหน้าไปขอซื้อเครื่องยนต์จากเยอรมนี
เป็นความพยายามที่น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าจะไม่สำเร็จ ในเมื่อประเด็นของปัญหาอยู่ที่เครื่องยนต์เรือดำน้ำ MTU396 ที่จีนเคยใช้ติดตั้งในเรือดำน้ำรุ่นขายให้ไทย เยอรมนีบอกว่าผิดวัตถุประสงค์ขายให้จีนใช้ในกิจการพลเรือนเท่านั้น
เอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม.พรรคประชาชน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ติดเงื่อนไข Dual-Use Technology ของสหภาพยุโรป อีกทั้งจะติดเองในไทยก็ไม่ได้ เพราะไทยไม่มีเทคโนโลยีการเชื่อมตัวเรือดำน้ำ ไม่มีโรงงาน ไม่มีบุคลากร” รู้แต่แรกไม่ควรเสียเวลา
ดังนั้นเวลานี้รัฐบาลไทยมีทางเลือกสองอย่างซึ่งก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วเช่นกัน คือ ยอมเปลี่ยนเป็นใช้เครื่องยนต์ รุ่น CHD620 สร้างขึ้นใหม่มาใช้กับเรือดำน้ำรุ่นนี้ แต่ก็มีปัญหาว่ายังไม่เคยมีการติดตั้งทดลองใช้ที่ไหน ไทยเป็นหนูตะเภาให้ลอง
อีกทางที่มีคนบอกและฝ่ายค้านจี้มาแต่แรกว่า ยกเลิกสัญญาซื้อนี้เสีย เพราะการซื้อเรือดำน้ำต้องมากับเครื่องยนต์ ไม่มีที่ไหนในโลกซื้อแต่ตัวถัง หาเครื่องติดตั้งเอง มีแต่รัฐบาล “I hear tube.” เท่านั้นที่ทำแบบนี้ เหมือนมีบุญน้ำบุญคุณกันอยู่
เหตุผลง่ายๆ ในเมื่อจีนส่งมอบไม่ได้ เท่ากับผิดสัญญา ก็ต้องยกเลิกการซื้อขายไป และคืนเงินมัดจำล่วงหน้า ฝ่ายไทยอาจจะต้องคืนของขวัญที่จีนมอบให้คณะดูงานของทัพเรือที่ส่งไปตามคำเชิญของจีนอยู่เป็นเดือนด้วย
(https://www.facebook.com/ThePoliticsByMatichon/posts/3VwR6h9Jsai)