
พรรคประชาชน - People's Party
12 hours ago
·
[ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย! : เลิกจ้างไม่จ่ายเงินชดเชย ผิดกฎหมายชัดๆ แต่กระทรวงแรงงานไร้น้ำยา นายจ้างไม่เกรงกลัว ]
.
ในการประชุมสภาฯ วันนี้ (13 มี.ค. 2568) เซีย จำปาทอง - Sia Jampathong สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีบริษัทหลายแห่งประกาศปิดกิจการ เลิกจ้างแรงงาน แต่นายจ้างกลับไม่จ่ายเงินชดเชยให้ตามกฎหมาย โดยนายกฯ มอบหมายให้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มาเป็นผู้ตอบกระทู้แทน
.
เซียกล่าวว่า เมื่อปี 2567 มีโรงงานจำพวกที่ 2 และ 3 ตาม พ.ร.บ.โรงงาน เลิกกิจการไปมากกว่า 1,200 แห่ง หรือเฉลี่ยประมาณเดือนละ 100 แห่ง มีคนถูกเลิกจ้างมากกว่า 35,000 คน หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 3,000 คน และมีมูลค่าความเสียหายจากการลงทุนไปกว่า 48,000 ล้านบาท ตัวเลขที่ยกมานี้ไม่นับรวมกิจการประเภทอื่นๆ ที่ปิดกิจการหรือมีการเลิกจ้างพนักงานเป็นจำนวนมาก
.
การเลิกจ้างไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด คนที่ถูกเลิกจ้างย่อมได้รับผลกระทบ ไม่ว่าด้วยภาระค่าใช้จ่ายหรือหนี้สินส่วนบุคคล ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าภาษีสังคม บางคนอายุเริ่มมากขึ้น หางานใหม่ทำก็ลำบาก นายจ้างมักไม่รับคนที่มีอายุมากเข้าทำงาน
.
ถึงแม้นายจ้างจะสามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้ แต่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานระบุว่า หากนายจ้างจะเลิกจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายให้แก่ลูกจ้าง แต่ที่ผ่านมานายจ้างหลายรายกลับไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่สนใจ ไม่ปฏิบัติตาม และนายจ้างยังระบุด้วยว่า หากลูกจ้างอยากได้เงินค่าชดเชยก็ให้ไปฟ้องร้องยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานเอง!
.
แม้พนักงานตรวจแรงงานจะออกคำสั่งให้นายจ้างจ่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายจ้างจะยอมจ่ายตามคำสั่ง และกระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลก็ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายให้นายจ้างนำเงินมาจ่ายให้ลูกจ้างได้
.
หากนับรวมกันตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา มีลูกจ้างที่ไม่ได้รับเงินชดเชยตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานจำนวนมากถึง 43,690 คน รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 2,888 ล้านบาท ตนจึงขอถามรัฐมนตรีว่า จะดำเนินการบังคับให้นายจ้างดำเนินตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน นำเงินมาจ่ายให้ลูกจ้างกว่า 40,000 คนได้อย่างไร และรัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันการเลิกจ้างโดยไม่จ่ายเงินค่าชดเชยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกแน่ๆ อย่างไร
.
ด้านพิพัฒน์ตอบคำถามว่า ในขั้นตอนของกระทรวงแรงงานได้จ่ายเงินให้ลูกจ้างตามความรับผิดชอบของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานไปแล้วจำนวน 70% ของเงินเดือน อีกส่วนหนึ่งคือประกันสังคม ซึ่งก็ได้จ่าย 50% ของเงินเดือนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
.
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนได้ทำเรื่องเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี ขออนุมัติงบกลางเพื่อช่วยเหลือแรงงานบริษัทยานภัณฑ์ที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่จ่ายเงินชดเชย ซึ่ง ครม. ก็ได้ทำหนังสือเวียนไปถึงส่วนราชการหรือกระทรวงต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง โดยตนจะรอคำตอบจากการประชุม ครม. ต่อไป
.
.
[ ขอเบิกงบกลางเยียวยาลูกจ้าง รอมานานนับเดือน ครม. ก็ยังไม่อนุมัติ ]
.
เซียถามคำถามที่สองว่า สำหรับกรณีบริษัทยานภัณฑ์ที่รัฐมนตรีได้ทำเรื่องส่งไปให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ตนต้องขอชื่นชมที่มีการดำเนินการตามที่รับปากกับแรงงานไว้ แต่ที่ต้องถามต่อคือเมื่อมีการส่งเรื่องไปแล้ว รัฐมนตรีได้ติดตามต่อหรือไม่ว่าติดเงื่อนไขอะไร ทำไมรับปากกับลูกจ้างไว้ว่าไม่เกิน 7-14 วัน วันนี้ผ่านมาเดือนกว่าแล้วกลับยังไม่มีความคืบหน้า และยังรอหน่วยงานต่างๆ ชี้แจงกลับมาว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ในการขออนุมัติงบประมาณมาช่วยเหลือลูกจ้างอยู่
.
นอกจากนี้ ในเอกสารที่ส่งไปยัง ครม. ข้อที่ 2 รัฐมนตรีระบุว่า “ไม่มีความเร่งด่วน” รัฐมนตรีไม่ทราบหรือว่าลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างไม่มีรายได้ และมีคนเสียชีวิตไปแล้วด้วย มันหมายความว่าอย่างไร ปากท้องของประชาชนที่เดือดร้อนไม่สำคัญหรือ ตนจึงขอสอบถามว่าการขออนุมัติงบกลางที่รัฐมนตรีเคยรับปากไว้ มีระยะเวลาในการบรรจุเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อใด และขณะนี้ติดปัญหาอะไร
.
ในส่วนของพิพัฒน์ได้ตอบคำถามว่า กรณีที่ตนได้ทำเรื่องเข้า ครม. ไปนั้น ตนนำเสนอในสิ่งที่รับปากกับผู้ใช้แรงงานที่ได้รับความเดือดร้อนไว้ แต่ตนก็เร่งรัดตามหน้าที่ด้วยการพูดคุยและเจรจาเป็นการภายใน คงไม่สามารถชี้แจงได้ว่าในแต่ละส่วนงานหรือกระทรวงมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละกระทรวงที่จะตอบมา แต่ก็มีเงื่อนไขของเวลาที่โดยปกติแล้วจะตอบภายในไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งตนจะไปหารือกับทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่าเรื่องนี้มีความคืบหน้าอย่างไรต่อไป
.
ตนขอบคุณ สส.เซียที่เร่งรัด แต่การที่หน่วยราชการจะตอบมาเมื่อใดก็เป็นสิทธิของแต่ละกระทรวง ที่สำคัญคือต้องดูว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีความเห็นว่าอย่างไร การใช้งบกลางสำหรับเรื่องนี้เหมาะสมหรือทำได้หรือไม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนได้ยื่นเอกสารไป ตนเคยยื่นไปครั้งหนึ่งแล้ว และได้รับการตอบกลับมาว่าไม่เข้าข่ายที่จะใช้งบกลางได้ แต่ตนก็จะพยายามติดตามเรื่องนี้ต่อไป
.
.
[ แค่เยียวยาเฉพาะหน้าไม่พอ แต่ต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ]
.
เซียถามคำถามที่สามว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือมาตรการป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ตอนนี้ลูกจ้างบริษัทยานภัณฑ์ บริษัทเอเอ็มซี บริษัทอัลฟ่า และบริษัทบอดี้แฟชั่นกำลังชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล ตนได้รับแจ้งจากพี่น้องแรงงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังไปก่อกวนให้ย้ายที่ชุมนุม วันนี้ถ้ารัฐมนตรีบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจัง บังคับให้นายจ้างนำเงินค่าชดเชยมาจ่ายให้ลูกจ้างได้ ลูกจ้างก็ไม่มาชุมนุม แต่เมื่อกระทรวงแรงงานไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ วันนี้เขาถึงต้องมาหารัฐบาลเพื่อให้มีมาตรการในการติดตามนำเงินมาจ่ายลูกจ้าง เพราะฉะนั้นจึงขอฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานช่วยเข้าไปดูแลลูกจ้างด้วย
.
จากข้อมูลที่ตนกล่าวถึงก่อนหน้านี้ มีการออกคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินลูกจ้างมากกว่า 43,600 คน แต่นายจ้างก็ไม่จ่ายเงิน บางแห่งกลายเป็นบุคคลล้มละลาย บางแห่งใช้วิธีการโอนย้ายทรัพย์สิน ตนจึงขอสอบถามรัฐมนตรีว่าจะมีมาตรการบังคับอายัดทรัพย์ของนายจ้าง ป้องกันการโยกย้ายทรัพย์สินที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร และสิ่งที่รัฐมนตรีบอกว่าจะแก้ปัญหาให้ลูกจ้างที่เดือดร้อนด้วยการเร่งขออนุมัติงบกลาง ขอให้มีการเร่งรัด อย่ารอเวลาถึงหนึ่งเดือนเลย
.
ในส่วนของพิพัฒน์ได้ตอบคำถามว่า กรณีบริษัทบอดี้แฟชั่นนั้นศาลแรงงานภาค 1 พระนครศรีอยุธยา และศาลแรงงานภาค 6 นครสวรรค์ ได้มีคำสั่งพิพากษาแล้ว และกรมบังคับคดีมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์นายจ้าง 3 รายการและประกาศขายทอดตลาดแล้วจำนวน 6 ครั้ง แต่ยังไม่มีผู้ซื้อ เมื่อใดที่มีผู้ซื้อก็คงจะนำทรัพย์มาเฉลี่ยให้ผู้ใช้แรงงานได้ ส่วนการดำเนินคดี อัยการสั่งฟ้องแล้ว 10 คดี อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ 2 คดี และมีการออกหมายจับนายจ้างแล้ว ผู้ต้องหาสัญชาติไทยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ปัจจุบันฝากขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนอีก 2 รายที่เป็นชาวต่างชาติ ตอนนี้ได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือและขอออกหมายแดงในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
.
นี่คือตัวอย่างของส่วนที่กระทรวงแรงงานได้พยายามดำเนินการไปให้ถึงที่สุด และเมื่อถึงที่สุดแล้วก็จะมีการยึดทรัพย์นำมาขายทอดตลาดเพื่อเฉลี่ยทรัพย์ในส่วนต่างๆ ส่วนวิธีการป้องกัน ตนขอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่าคงไม่มีความสามารถในการป้องกันไม่ให้เกิดการปิดกิจการหรือการล้มละลายได้ เป็นเหตุสุดวิสัยของแต่ละธุรกิจ สามารถทำได้เพียงให้เจ้าหน้าที่สอดส่องดูแลว่ามีบริษัทใดบ้างที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปและจะมีการปิดกิจการ ก็จะหาวิธีเจรจากับนายจ้างว่าก่อนปิดกิจการต้องดูแลและเยียวยาผู้ใช้แรงงาน ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปทำอะไรกับผู้ชุมนุมทั้ง 4 บริษัท ตนจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูและเจรจาไกล่เกลี่ยให้ อะไรที่ตนรับผิดชอบได้ ตนก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ต่อไป
https://www.facebook.com/photo/?fbid=122142937238480817&set=a.122093105408480817
·

.
ในการประชุมสภาฯ วันนี้ (13 มี.ค. 2568) เซีย จำปาทอง - Sia Jampathong สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีบริษัทหลายแห่งประกาศปิดกิจการ เลิกจ้างแรงงาน แต่นายจ้างกลับไม่จ่ายเงินชดเชยให้ตามกฎหมาย โดยนายกฯ มอบหมายให้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มาเป็นผู้ตอบกระทู้แทน
.
เซียกล่าวว่า เมื่อปี 2567 มีโรงงานจำพวกที่ 2 และ 3 ตาม พ.ร.บ.โรงงาน เลิกกิจการไปมากกว่า 1,200 แห่ง หรือเฉลี่ยประมาณเดือนละ 100 แห่ง มีคนถูกเลิกจ้างมากกว่า 35,000 คน หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 3,000 คน และมีมูลค่าความเสียหายจากการลงทุนไปกว่า 48,000 ล้านบาท ตัวเลขที่ยกมานี้ไม่นับรวมกิจการประเภทอื่นๆ ที่ปิดกิจการหรือมีการเลิกจ้างพนักงานเป็นจำนวนมาก

.
การเลิกจ้างไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด คนที่ถูกเลิกจ้างย่อมได้รับผลกระทบ ไม่ว่าด้วยภาระค่าใช้จ่ายหรือหนี้สินส่วนบุคคล ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าภาษีสังคม บางคนอายุเริ่มมากขึ้น หางานใหม่ทำก็ลำบาก นายจ้างมักไม่รับคนที่มีอายุมากเข้าทำงาน
.
ถึงแม้นายจ้างจะสามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้ แต่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานระบุว่า หากนายจ้างจะเลิกจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายให้แก่ลูกจ้าง แต่ที่ผ่านมานายจ้างหลายรายกลับไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่สนใจ ไม่ปฏิบัติตาม และนายจ้างยังระบุด้วยว่า หากลูกจ้างอยากได้เงินค่าชดเชยก็ให้ไปฟ้องร้องยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานเอง!
.
แม้พนักงานตรวจแรงงานจะออกคำสั่งให้นายจ้างจ่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายจ้างจะยอมจ่ายตามคำสั่ง และกระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลก็ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายให้นายจ้างนำเงินมาจ่ายให้ลูกจ้างได้
.
หากนับรวมกันตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา มีลูกจ้างที่ไม่ได้รับเงินชดเชยตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานจำนวนมากถึง 43,690 คน รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 2,888 ล้านบาท ตนจึงขอถามรัฐมนตรีว่า จะดำเนินการบังคับให้นายจ้างดำเนินตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน นำเงินมาจ่ายให้ลูกจ้างกว่า 40,000 คนได้อย่างไร และรัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันการเลิกจ้างโดยไม่จ่ายเงินค่าชดเชยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกแน่ๆ อย่างไร
.
ด้านพิพัฒน์ตอบคำถามว่า ในขั้นตอนของกระทรวงแรงงานได้จ่ายเงินให้ลูกจ้างตามความรับผิดชอบของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานไปแล้วจำนวน 70% ของเงินเดือน อีกส่วนหนึ่งคือประกันสังคม ซึ่งก็ได้จ่าย 50% ของเงินเดือนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
.
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนได้ทำเรื่องเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี ขออนุมัติงบกลางเพื่อช่วยเหลือแรงงานบริษัทยานภัณฑ์ที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่จ่ายเงินชดเชย ซึ่ง ครม. ก็ได้ทำหนังสือเวียนไปถึงส่วนราชการหรือกระทรวงต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง โดยตนจะรอคำตอบจากการประชุม ครม. ต่อไป
.
.

.
เซียถามคำถามที่สองว่า สำหรับกรณีบริษัทยานภัณฑ์ที่รัฐมนตรีได้ทำเรื่องส่งไปให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ตนต้องขอชื่นชมที่มีการดำเนินการตามที่รับปากกับแรงงานไว้ แต่ที่ต้องถามต่อคือเมื่อมีการส่งเรื่องไปแล้ว รัฐมนตรีได้ติดตามต่อหรือไม่ว่าติดเงื่อนไขอะไร ทำไมรับปากกับลูกจ้างไว้ว่าไม่เกิน 7-14 วัน วันนี้ผ่านมาเดือนกว่าแล้วกลับยังไม่มีความคืบหน้า และยังรอหน่วยงานต่างๆ ชี้แจงกลับมาว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ในการขออนุมัติงบประมาณมาช่วยเหลือลูกจ้างอยู่
.
นอกจากนี้ ในเอกสารที่ส่งไปยัง ครม. ข้อที่ 2 รัฐมนตรีระบุว่า “ไม่มีความเร่งด่วน” รัฐมนตรีไม่ทราบหรือว่าลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างไม่มีรายได้ และมีคนเสียชีวิตไปแล้วด้วย มันหมายความว่าอย่างไร ปากท้องของประชาชนที่เดือดร้อนไม่สำคัญหรือ ตนจึงขอสอบถามว่าการขออนุมัติงบกลางที่รัฐมนตรีเคยรับปากไว้ มีระยะเวลาในการบรรจุเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อใด และขณะนี้ติดปัญหาอะไร
.
ในส่วนของพิพัฒน์ได้ตอบคำถามว่า กรณีที่ตนได้ทำเรื่องเข้า ครม. ไปนั้น ตนนำเสนอในสิ่งที่รับปากกับผู้ใช้แรงงานที่ได้รับความเดือดร้อนไว้ แต่ตนก็เร่งรัดตามหน้าที่ด้วยการพูดคุยและเจรจาเป็นการภายใน คงไม่สามารถชี้แจงได้ว่าในแต่ละส่วนงานหรือกระทรวงมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละกระทรวงที่จะตอบมา แต่ก็มีเงื่อนไขของเวลาที่โดยปกติแล้วจะตอบภายในไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งตนจะไปหารือกับทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่าเรื่องนี้มีความคืบหน้าอย่างไรต่อไป
.
ตนขอบคุณ สส.เซียที่เร่งรัด แต่การที่หน่วยราชการจะตอบมาเมื่อใดก็เป็นสิทธิของแต่ละกระทรวง ที่สำคัญคือต้องดูว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีความเห็นว่าอย่างไร การใช้งบกลางสำหรับเรื่องนี้เหมาะสมหรือทำได้หรือไม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนได้ยื่นเอกสารไป ตนเคยยื่นไปครั้งหนึ่งแล้ว และได้รับการตอบกลับมาว่าไม่เข้าข่ายที่จะใช้งบกลางได้ แต่ตนก็จะพยายามติดตามเรื่องนี้ต่อไป
.
.

.
เซียถามคำถามที่สามว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือมาตรการป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ตอนนี้ลูกจ้างบริษัทยานภัณฑ์ บริษัทเอเอ็มซี บริษัทอัลฟ่า และบริษัทบอดี้แฟชั่นกำลังชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล ตนได้รับแจ้งจากพี่น้องแรงงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังไปก่อกวนให้ย้ายที่ชุมนุม วันนี้ถ้ารัฐมนตรีบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจัง บังคับให้นายจ้างนำเงินค่าชดเชยมาจ่ายให้ลูกจ้างได้ ลูกจ้างก็ไม่มาชุมนุม แต่เมื่อกระทรวงแรงงานไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ วันนี้เขาถึงต้องมาหารัฐบาลเพื่อให้มีมาตรการในการติดตามนำเงินมาจ่ายลูกจ้าง เพราะฉะนั้นจึงขอฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานช่วยเข้าไปดูแลลูกจ้างด้วย
.
จากข้อมูลที่ตนกล่าวถึงก่อนหน้านี้ มีการออกคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินลูกจ้างมากกว่า 43,600 คน แต่นายจ้างก็ไม่จ่ายเงิน บางแห่งกลายเป็นบุคคลล้มละลาย บางแห่งใช้วิธีการโอนย้ายทรัพย์สิน ตนจึงขอสอบถามรัฐมนตรีว่าจะมีมาตรการบังคับอายัดทรัพย์ของนายจ้าง ป้องกันการโยกย้ายทรัพย์สินที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร และสิ่งที่รัฐมนตรีบอกว่าจะแก้ปัญหาให้ลูกจ้างที่เดือดร้อนด้วยการเร่งขออนุมัติงบกลาง ขอให้มีการเร่งรัด อย่ารอเวลาถึงหนึ่งเดือนเลย
.
ในส่วนของพิพัฒน์ได้ตอบคำถามว่า กรณีบริษัทบอดี้แฟชั่นนั้นศาลแรงงานภาค 1 พระนครศรีอยุธยา และศาลแรงงานภาค 6 นครสวรรค์ ได้มีคำสั่งพิพากษาแล้ว และกรมบังคับคดีมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์นายจ้าง 3 รายการและประกาศขายทอดตลาดแล้วจำนวน 6 ครั้ง แต่ยังไม่มีผู้ซื้อ เมื่อใดที่มีผู้ซื้อก็คงจะนำทรัพย์มาเฉลี่ยให้ผู้ใช้แรงงานได้ ส่วนการดำเนินคดี อัยการสั่งฟ้องแล้ว 10 คดี อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ 2 คดี และมีการออกหมายจับนายจ้างแล้ว ผู้ต้องหาสัญชาติไทยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ปัจจุบันฝากขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนอีก 2 รายที่เป็นชาวต่างชาติ ตอนนี้ได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือและขอออกหมายแดงในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
.
นี่คือตัวอย่างของส่วนที่กระทรวงแรงงานได้พยายามดำเนินการไปให้ถึงที่สุด และเมื่อถึงที่สุดแล้วก็จะมีการยึดทรัพย์นำมาขายทอดตลาดเพื่อเฉลี่ยทรัพย์ในส่วนต่างๆ ส่วนวิธีการป้องกัน ตนขอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่าคงไม่มีความสามารถในการป้องกันไม่ให้เกิดการปิดกิจการหรือการล้มละลายได้ เป็นเหตุสุดวิสัยของแต่ละธุรกิจ สามารถทำได้เพียงให้เจ้าหน้าที่สอดส่องดูแลว่ามีบริษัทใดบ้างที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปและจะมีการปิดกิจการ ก็จะหาวิธีเจรจากับนายจ้างว่าก่อนปิดกิจการต้องดูแลและเยียวยาผู้ใช้แรงงาน ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปทำอะไรกับผู้ชุมนุมทั้ง 4 บริษัท ตนจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูและเจรจาไกล่เกลี่ยให้ อะไรที่ตนรับผิดชอบได้ ตนก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ต่อไป
https://www.facebook.com/photo/?fbid=122142937238480817&set=a.122093105408480817