ถ้าบอกว่าสภาพการณ์ขณะนี้ พรรคน้ำเงิน ‘ดูด’ ใหญ่ แม้แต่ตัวเอ้พรรคเพื่อไทย นพดล-โกศล-พงศกร-จุติ กำลังย้ายทะเบียนบ้านไปภูมิใจไทย เป็นความผิดของพรรคประชาชน ใช่ไหม คงต้องตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ว่าใช่ครึ่ง ไม่ใช่ครึ่ง
ต้องขอยืมข้อคิดของ @MemeForward มาใช้ ที่ว่า ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ “แถลงเรื่องมาตราการช่วยน้ำท่วมแต่ไม่เป็นข่าว แต่สิ่งที่ได้พาดหัวข่าวคือเรื่องอุ้ม ภจท.” ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับ ว่า “ทีมสื่อสารของพรรคและตัวเท้งเองมีกลยุทธ์อะไรมั้ยที่จะตอบ”
โดยเฉพาะกรณี ให้ความเป็นธรรมแก่ อนุทิน ชาญวีรกูล ไปงานวันเกิด เนวิน ชิดชอบ ที่บุรีรัมย์ ทั้งที่น้ำท่วมหนักแล้วในบางจังหวัด แม้กระทั่ง ‘ปมดูด’ ว่าเหตุเพราะใกล้เลือกตั้งเต็มที ดูดกันอย่างนี้เป็นปกติ ทว่าแทนที่จะอ้างแค่นี้ ‘เท้ง’ ต้องไปถึงความจริงเบื้องลึกด้วย
พอดีได้พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้าเป็นผู้ตอบ ว่านอกจากเท้งจะบอก นายกฯ หนู คงไปทุกที่ไม่ได้ หากงัดรอยเท้าดิจิทัลของเขามาดู ตอนนายกฯ อิ๊ง เขาก็พูดแบบเดียวกันเป๊ะว่า ข้อสำคัญ “ต้องสั่งการแก้ปัญหาเป็นระบบและทันท่วงที”
‘ช่อ’ ยังแจงต่อด้วยว่า “นี่คือสิ่งที่เรียกว่า consistency (ความสม่ำเสมอ) และ integrity (ความซื่อสัตย์) ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการทำงานการเมืองแบบตรงไปตรงมา” ไม่ใช่เพราะ “เสียท่า ไร้เดียงสา ไม่น่าพูดให้เสียคะแนน” แต่อย่างใด
สำหรับปรากฏการณ์ที่พรรคภูมิใจไทยโตเอาโตเอานั้น หากใช้การวิเคราะห์การเมืองรายวันของ Pavin Chachavalpongpun มาอธิบาย ว่าแยบยลในชั้นเชิงการเมืองหลายอย่าง หนึ่ง “จุดยืน ‘ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด’ ที่เป็นประโยชน์ต่อขั้วอนุรักษ์นิยม”
สอง “การพึ่งพา ‘บ้านใหญ่’ และการเมืองแบบอุปถัมภ์” อันนี้ปวินบอกว่า มาจากการ ‘ดูด’ นักการเมืองที่มีฐานเสียงส่วนตัวในพื้นที่ต่างๆ...ซึ่งนักการเมืองเหล่านี้มักจะยึดโยงกับการเมืองแบบเก่า ที่เน้นผลประโยชน์ส่วนตัวและการใช้อำนาจรัฐ
ในการบริหารจัดการทรัพยากรท้องถิ่นมากกว่าการผลักดันการปฏิรูป” และสาม “การเป็นพันธมิตรกับ ‘ขั้วอำนาจพิเศษ’ หรือฝ่ายเจ้า” คือสามารถเชื่อมต่อนักการเมืองท้องถิ่นให้เข้ากับกลุ่มอำนาจเดิม กองทัพ และชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมได้ดี
พรรคนี้เป็นเครื่องมือสำคัญ “ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพให้กับรัฐบาล ที่อำนาจไม่ได้มาจากเสียงบริสุทธิ์ของประชาชน” เท่านั้น ยัง “กลายเป็นส่วนหนึ่งของ กลไกพิทักษ์สถานะเดิม (Status Quo) ที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง”
เหล่านั้นแสดงว่าพื้นฐานการเมืองไทยไม่ใช่มีแก่นอยู่ที่อุดมการณ์ หรือหลักการ ที่จะนำมาใช้กำหนดทิศทางนโยบาย หากแต่ขึ้นอยู่กับ “อำนาจเงิน อำนาจรัฐ และอำนาจเก่า” ซึ่ง “พรรคภูมิใจไทยใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็น่าคิดหนักว่าการเปลี่ยนแปลงการเมืองให้ตอบสนองต่อความรู้สึก ความต้องการดำรงชีวิตในแนวของคนรุ่นใหม่ คงเกิดขึ้นไม่ได้ในประเทศไทย หรือจะต้องใช้เวลาอีกยาวนานมากๆ
(https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/PjNaarHyCZ, https://www.facebook.com/khaosod/posts/FaAYth2Wa9 และ https://x.com/MemeForward/status/1975795110219858351)