วันอังคาร, เมษายน 13, 2564

‘เสี่ยหนู’ งูๆ ปลาๆ เรื่องวัคซีนแล้วยังแถ ผิดๆ "ข้อเท็จจริงก็คือรัฐบาลขาดสมรรถภาพในการสกัดโควิด"


เสี่ยหนูนี่ท่าจะเส้นใหญ่นะ ไม่ยอมลดละและแถไปข้างๆ คูๆ แสดงสติปัญญาแปดหมื่นสี่พันเซลส์แบบ ตู่อยู่เสมอ เรื่องวัคซีนนี่ก็อีก อ้าง หมอยงผู้เชี่ยวชาญว่า ซิโนแว็คได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่รัฐบาลจีนยอมรับประสิทธิภาพด้อยกว่าชนิดอื่น

(อาจถึง ๕๑% เช่นที่มีบางแห่งระบุ) นั่นแสดงว่า นพ.ยง ภู่วรวรรณ ได้มั่วไปก่อนหน้าเจ้าของวัคซีนแล้ว “คนพูดไม่รู้จริง” อย่างที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ว่าน่ะใช่แล้ว แต่คงไม่ใช่ ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิสร เพราะสมาชิกก้าวไกลรายนี้อ่านข่าวฝรั่งได้ถูกต้อง

เขาจึงย้อนเกล็ดรัฐมนตรีที่อ้างงูๆ ปลาๆ ว่า “วัคซีนสองตัวนี้ (แอสตร้าเซเนก้ากับซิโนแว็ค) ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกให้ใช้ได้” ที่แท้ ซิโนแว็คแม้จะยื่นขออนุมัติไว้แล้วแต่ถึงขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ ไม่มีการรับรองออกมา

“วัคซีน sinovac ของจีน เป็นวัคซีนที่ประหลาด เป็นวัคซีนที่ประเทศผู้ซื้อมั่นใจในประสิทธิภาพมากกว่าประเทศผู้ผลิต มีหมอมารับรองประสิทธิภาพใช้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมือน GT200” ถือแถน@pran2844 คอมเม็นต์ชนิดหมอใหญ่นกหวีดหน้าหงาย

แล้วยังถ้อยความส่อเสียดของรัฐมนตรี เช่น “บางคนแพทย์พูดให้ฟังดีๆ หลายครั้งไม่ยอมเข้าใจ ผมเลยต้องหยิบซอมาสีให้ฟัง” แต่เป็นซอด้วน (ไม่ด้วง) และถ้าถึงซึ่งข้อมูลข่าวสารอันถูกต้องนอกกะลาละก็ ย่อมเห็นว่ารัฐมนตรีนั่นเองต้องฟังเสียงฉิ่ง


ส.ส.วิโรจน์อ้าง พญ.ขวัญปีใหม่ พะนอจันทร์ โรงพยาบาลชื่อดังย่านทองหล่อยกตัวอย่างประเทศชิลี “ฉีดวัคซีนครอบคลุม ๓๗% ของประชากร...โดย ๙๓% ของวัคซีนที่ฉีดเป็นซิโนแวค แต่ก็ยังไม่พบว่าการระบาดลดลงเลย ในทางตรงข้ามกลับพบผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเรื่อยๆ”

ข้อที่เขาว่า “เป็นแค่วัคซีนแก้เขิน แก้ขัด หรือเป็น วัคซีนคนละครึ่ง ที่ฉีดไปแล้วครึ่งหนึ่งได้ผล อีกครึ่งหนึ่งไม่ได้ผล ตามที่ผมได้เคยเปรียบเปรยเอาไว้” อาจจะใช่ ควรแล้วที่เขาเหน็บแรง “ไม่ใช่เอาแต่จะเถียงเพื่อเอาตัวรอด เอาแต่จะแถเพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบ”

ถึงตอนนี้ประเทศไทยเพิ่งฉีดวัคซีนให้ประชากรเพียง ๕ แสนกว่าโด๊สเซส ได้แค่ ๐.๔% “เป็นสถิติเกือบบ๊วยในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ดีกว่าเวียดนาม และ ลาว เท่านั้น...และค่าเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ ๕%” ดังข้อมูลซึ่ง Siripan Nogsuan Sawasdee ไปค้นเอามาแพร่

ไม่เท่านั้น รมว.สาธารณสุข ดีกรีผู้รับเหมาก่อสร้างที่เพิ่งตะเพิด “ใครไม่ใช่หมออย่าพูดมาก” เอาใหม่ แถชิงโล่ห์กับนาย “วัคซีนเป็นเพียงปลายเหตุ หากใครเก่งนัก ก็ลองมาเป็นรัฐมนตรีดู” เห็นมีแต่คนตอบว่าต้องลาออกเสียก่อนสิ นั่งทับอุจาระอยู่ทำไม

“รัฐบาลควรตั้งสติ วางแผนแก้ปัญหาให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ โดยคำนึงถึงสมดุลระหว่างความสูญเสียจากโรคระบาดกับความล่มสลายทางเศรษฐกิจ และชีวิตของประชาชน” เป็นคำแนะนำจาก อจ.ศิริพันธุ์ ที่น่าฟังทั้งเนื้อหาและสำเนียง

ข้อเท็จจริงก็คือรัฐบาลขาดสมรรถภาพในการสกัดโควิด “จะเห็นว่าคลัสเตอร์ ๑ สนามมวย คลัสเตอร์ ๒ บ่อน + การลักลอบเข้าประเทศ และคลัสเตอร์ ๓ เลานจ์และสถานบันเทิงราคาแพง ล้วนเป็นพื้นที่ทำธุรกิจของอภิสิทธิชน ที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง”


ครั้นโป๊ะเช้งคลัสเตอร์ทองหล่อระเบิด ก็จำใจ “เด้งผู้การด้วง (พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส) ผกก.สน.ทองหล่อ ลูกเขยบิ๊กป๊อด (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) และทีม เข้ากรุ หลังถูกกระแสโจมตีหนัก” แต่ไม่ขลัง Atukkit Sawangsuk ฟันธง

“คอยดูจะเด้งสักกี่วัน หรือเด้งสักพัก พอเรื่องเงียบ ปลายปีก็ขึ้นรองผู้การ” แม้จะมีการตั้งคระกรรมการขึ้นตรวจสอบข้อเท็จจริง เช่นกันกับรัฐบาลตั้งคณะกรรมการเสาะหาวัคซีนทางเลือก หลายคนเกิดปฏิกิริยาทันใด ตั้งมากินเบี้ยประชุมกันอีก ผลสอบรู้ๆ กันแล้ว

(https://www.facebook.com/workpointTODAY/posts/1577272122642060, https://www.matichon.co.th/local/crime/news_2670770, https://www.facebook.com/siripan.nogsuansawasdee/posts/5734998116518127 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2668923)