วันจันทร์, มิถุนายน 02, 2568

“ทักษิณ” ผู้สร้างหรือผู้ทำลาย “ว้า”



“ทักษิณ” ผู้สร้างหรือผู้ทำลาย “ว้า”

ภาสกร จำลองราช
31/05/2025
สำนักข่าวชายขอบ

ไม่ว่าจะรักหรือจะเกลียดคุณทักษิณ ชินวัตร กันอย่างไร ก็ต้องยอมรับในท่าทีที่คุณทักษิณออกมายิงหมัดตรงใส่ว้าแดงที่คุมพื้นที่แหล่งผลิตยาเสพติดนั้น โดนใจคนไทยจำนวนไม่น้อย

“ถ้าพม่าบอกว่าจัดการไม่ได้เพราะเป็นชนกลุ่มน้อย เราคงต้องขออนุญาตจัดการเอง มันเป็นศัตรูของเรา มันอยู่ในพื้นที่ไหน ถ้าเขาจัดการให้ไม่ได้ เราต้องขออนุญาต ใช้วิธีจัดการของเรา ต้องมีวิธีที่สากลรับได้ แล้วก็ต้องจัดการเรื่องแหล่งโดยด่วน”

ที่โดนใจคนจำนวนไม่น้อยก็เพราะว่า ทุกวันนี้บ้านเมืองไทยกำลังถูกกองกำลังแห่งสหรัฐว้า (United Wa State Army -UWSA)เซาะกร่อนบ่อนทำลายจนสะบักสะบอม แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากกองทัพ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) รวมถึงรัฐบาลไทย แสดงท่าทีให้เห็นถึงการปกป้องคนในชาติ

นอกจากแหล่งผลิตยาเสพติดที่คุณทักษิณตั้งท่าโหนกระแสแล้ว ยังมีเรื่องการรุกล้ำดินแดนตามแนวตะเข็บ 3 จังหวัดคือแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่และเชียงราย อย่างน้อย 8-9 จุด ซึ่งทหารว้าเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการโดยไม่เกรงใจกองทัพไทย ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อนเพราะถูกทหารว้าห้ามเลี้ยงวัวเลี้ยงควายในป่าที่เคยใช้

แม้มีการเจรจาลับกันไปหลายรอบระหว่างทหารไทยกับทหารว้า แต่สุดท้ายทหารว้าก็ยอมถอยเพียงจุดเดียวคือบริเวณหนองหลวงในเขตอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ส่วนจุดอื่นๆที่หมิ่นเหม่โดยเฉพาะแหล่งต้นน้ำ ทหารว้ายังคงยืนหยัดตั้งฐานทหาร

แต่ที่กำลังสร้างความโกรธแค้นให้กับคนไทยมากที่สุดคือกรณีที่ทหารว้าดึงคนจีนเข้ามาทำเหมืองเถื่อนทั้งเหมืองทองและแรร์เอิร์ธ บริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสายในเขตรัฐฉาน จนลำน้ำทั้งสองสายปนเปื้อนไปด้วยสารพิษและใช้การไม่ได้ แต่ท่าทีของกองทัพ สมช.และรัฐบาลไทยกลับไม่กล้าแตะต้องหรือส่งสัญญาณใดๆไปยังกองกำลังว้าให้หยุดพฤติกรรมที่กำลังทำร้ายคนไทยในทันที

ในทางตรงกันข้าม ทางการไทยกลับใช้วิธีแก้ปัญหาที่แสน “หน่อมแน้ม”และปลายเหตุด้วยการเตรียมสร้างเขื่อนดักตะกอนเพื่อดักสารโลหะหนัก และทุ่มงบประมาณให้ทหารขุดรอกและทำพนังกั้นตะลิ่งในแม่น้ำทั้งสอง แทนที่จะมุ่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

แต่ท่าทีขึงขังของคุณทักษิณที่มีต่อว้าแดงครั้งนี้ก็ควรถูกตั้งคำถามอยู่พอสมควร เพราะเมื่อย้อนไปในอดีตเมื่อกว่า 20 ปีก่อน ตอนที่คุณทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นโยบายที่คุณทักษิณดำเนินการเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กองกำลังว้าเติบใหญ่มาจนถึงวันนี้

ในช่วงปี 2544-2545 ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และพล.ท.วัฒนชัย ฉายเหมือนวงศ์ เป็นแม่ทัพภาค 3 มีความพยายามปราบปรามยาเสพติดอย่างหนัก ซึ่งทหารว้ามีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองยอนในรัฐฉานใต้ โดยการสนับสนุนของกองทัพพม่าที่ต้องการให้กองกำลังว้ามาปักหลักคานอำนาจกองกำลังรัฐฉานใต้ RCSS/SSA( Restoration Council of Shan State/Shan State Army)

ช่วงนั้นทหารไทยกับทหารพม่าเผชิญหน้ากันบ่อยครั้ง ถึงขนาดเปิดสนามรบเมื่อทหารพม่ารุกล้ำเข้ามาแดนไทยเพื่อต้องการปราบปรามทหาร RCSS/SSA โดย พล.ท.วัฒนชัยยื่นคำขาดให้ทหารพม่าถอนออกจากพื้นที่ด่วน แต่ทหารพม่าไม่ยอมถอยจึงเกิดปะทะกันครั้งใหญ่

คุณทักษิณแก้ปัญหาการเผชิญหน้าด้วยการไปเยือนพม่าและสร้างสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารพม่า ขณะที่ พล.อ.หม่อง เอ ผู้นำพม่าขณะนั้น ได้ตอบรับด้วยการมาเยือนไทย

แต่สถานการณ์ชายแดนไทย-พม่าก็ยังคงตึงเครียด ในเดือนเมษายน 2545 ทหารไทยจับกุมทหารว้า 2 คนที่เชียงราย และ 1ใน 2 คนเป็นลูกชายระดับหัวหน้าว้า ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันและปะทะกันเพราะว้าต้องการให้ปล่อยตัวเชลย จนประชุม TBC สถานการณ์จึงคลี่คลาย

สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนพม่าดำเดินอย่างต่อเนื่อง กองทัพบกไทยได้ฝึกแผนป้องกันประเทศในพื้นที่กองทัพภาค 3 โดยใช้ทหารกว่า 3 หมื่นนาย พร้อมรถถัง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กองทัพพม่ากำลังรบกับกองกำลังรัฐฉานใต้และทหารของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNU) โดยทหารพม่ากล่าวหาว่าไทยสนับสนุนกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งสองกลุ่มนี้พร้อมสั่งปิดชายแดน

วันที่ 29 พฤษภาคม 2545 คุณทักษิณให้สัมภาษณ์ว่า พื้นฐานความเข้าใจของทั้งสองรัฐบาลยังดีมาก แม้มีการกระทบกระทั่งรุนแรงแต่ยังอยู่วิสัยพูดกันได้ และมอบให้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปพูดคุยกับกองทัพไทยว่า “อย่าโอเวอร์รีแอค”กับสถานการณ์มากเกินไป อย่ามองว่าจะเกิดการสู้รบกัน ความจริงเป็นเรื่องของชนกลุ่มน้อยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เราต้องวางตัวเป็นกลาง

คำสัมภาษณ์ของคุณทักษิณเป็นการส่งสัญญาณทางนโยบาย ทำให้กองทัพต้องถอยออกมา

การปราบปรามยาเสพติดครั้งใหญ่คราวนั้น ทำให้ว้าแดงได้รับผลกระทบอย่างหนักเพราะมีรายได้หลักจากยาเสพติด และย่อมส่งผลกระทบไปถึงกองทัพพม่าซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกองกำลังว้า

นโยบายของคุณทักษิณมุ่งแต่เรื่องการค้าชายแดน ทำให้ละเลยด้านความมั่นคง และกลายเป็นช่องว่างในชายแดน

เดือนสิงหาคม 2545 พล.อ.สุรยุทธ์ ถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ได้ตอบสนองนโยบายของคุณทักษิณอย่างเต็มกำลัง

นับตั้งแต่นั้นมาทหารดีมีฝีมือที่เคยทำงานเป็นรั้วของชาติต่างถูกสับเปลี่ยนโยกย้าย บางส่วนก็ขอย้ายตัวเองไปอยู่ที่อื่น เพราะนโยบายของกองทัพและรัฐบาลเปลี่ยนไป จนทำให้ชายแดนไทยอ่อนยวบยาบมาจนถึงวันนี้

ขณะที่กองกำลังว้าเติบใหญ่ขึ้นทุกวันเนื่องจากสามารถผลิตยาเสพติดออกขายมีรายได้มโหฬาร จนสามารถตั้งโรงงานผลิตอาวุธของตัวเองได้ และสามารถส่งต่อให้กองกำลังชาติพันธุ์ต่างๆนำไปใช้สู้รับกับกองทัพพม่า กลายเป็นหอกที่ย้อนกับไปหากองทัพพม่า

กองกำลังว้าก็ไม่ต้องการให้กองทัพพม่าแข็งแกร่งและประเทศพม่าเป็นเอกภาพ เพราะไม่เป็นประโยชน์กับว้า เพียงแต่กองกำล้งว้าเล่นบทหลายหน้า เช่นเดียวกับ จีนที่สนับสนุนว้ามาโดยตลอด แต่ก็เล่นบทหลายหน้าเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้กลุ่มว้ายังหารายได้จากธุรกิจผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ การพนันออนไลน์ การตัดไม้ การทำเหมืองแร่

ด้วยรายได้อันมหาศาลต่อเนื่องมากว่า 20 ปี กลุ่มว้ายังร่วมมือกับมาเฟียจีนดำเนินกิจการต่างๆในการฟอกเงิน เช่น ซื้อตึกขนาดใหญ่ในอาณาจักรคิงส์โรมันส์ของจ้าว เหว่ย ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ รวมทั้งเข้ามาฟอกเงินในประเทศไทย

ที่ผ่านมากลุ่มว้าสามารถทำธุรกิจสีดำตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า และไทย-ลาว ได้อย่างสะดวก เพราะใช้เงินที่มีอยู่มากมายติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐสองฝั่งชายแดนได้อย่างลึกล้ำ แถมยังแผ่รุกเข้ามาถึงโครงสร้างการเมืองการปกครองระดับบนของประเทศนั้นๆด้วย

เพราะฉะนั้นการที่คุณทักษิณประกาศท่าทีแข็งกร้าวใส่กองกำลังว้า จึงเป็นที่โดนใจคนไทยจำนวนไม่น้อย ขณะเดียวกันคนอีกจำนวนมากก็ไม่เชื่อใจหรือเชื่อน้ำยาคุณทักษิณ

ขนาดกองกำลังว้าโยนสารพิษจากเหมืองแร่ลงแม่น้ำกก-แม่น้ำสายทุกๆวัน แต่รัฐบาลที่มีลูกของคุณทักษิณเป็นนายกฯก็ยังแสดงบทอ่อนน้อมอยู่กับกองกำลังว้าและพม่า ปล่อยให้พลเมืองไทยนับล้านมีชีวิตที่เสี่ยงอยู่กับสารพิษจากฝีมือว้า

บางทีโวหารและลีลาก็เป็นเพียงศิลปะที่ใช้เรียกคะแนนชั่วครู่ชั่วยาม

——

หมายเหตุ-ขอบคุณข้อมูลย้อนหลังบางส่วนจาก PODCAST มติชน
ภาพคุณทักษิณ ชินวัตร จาก Defense gov News Photos by Helene C. Stikkel.

https://transbordernews.in.th/home/?p=42773