ว่า “เป็นเกมอันตราย ที่จะนำไปสู่การทำลายตนเอง” เพราะกัมพูชาจะไม่ระคาย หากแต่บริษัท ปตท.ของไทยนั่นเองจะล้มละลาย ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกฯ กัมพูชาท้าทายอีกครั้ง “หากคุณกล้าจริง ก็ไล่คนงานกัมพูชาออกไปทั้งหมด
แล้วมาดูกันว่า สิ่งนี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างไร” รวมทั้ง “ขอเสนอให้รัฐบาลกัมพูชาพิจารณาอย่างจริงจังให้เปลี่ยนเส้นทางการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่มาข่มขู่เราได้อีกต่อไป”
ขณะที่ในไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากที่ ‘รัฐประหารเงียบ’ โดย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แห่งพรรครวมไทยสร้างชาติ มีอันเป็น ต้องฝ่อไปในที่สุด เมื่อข้อเสนอเปลี่ยนนายกฯ ปั่นไม่ขึ้น
วันนี้ (๒๑ มิถุนา) มีคำสั่งนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ออกมาหลายฉบับ “มอบหมายและมอบอำนาจ” ให้รองนายกรัฐมนตรีพี่ใหญ่สามคน ภูมิธรรม เวชยชัย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ ประเสริฐ จันทรรวงทอง จัดสรรแบ่งส่วนให้คุมกระทรวงต่างๆ กัน
ภูมิธรรมดูแลกลาโหม มหาดไทย ยุติธรรม กฤษฎีกา พุทธศาสนา และราชบัณฑิต สุริยะคุมต่างประเทศ ท่องเที่ยว คมนาคม แรงงาน วัฒนธรรม และปลัดสำนักนายกฯ ส่วนประเสริฐกำกับมากมายหลายกระทรวงและองค์การ
ได้แก่ อุดมศึกษา ดิจิทัล ทรัพยากรธรรมชาติ ศึกษาธิการ สาธารณสุข ประชาสัมพันธ์ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ความมั่นคงไซเบอร์ สุขภาพแห่งชาติ พัฒนาองค์ความรู้ และส่งเสริมวิสาหกิจ
มีข้อสังเกตุว่า รองนายกฯ ที่งัดข้อกับอุ๊งอิ๊ง และพยายามผลักดันตนเองขึ้นเป็นแคนดิเดทนายกฯ คนใหม่ ทั้งๆ ที่รู้ว่า ชัยเกษม นิติศิริ สุขภาพไม่อำนวยนั้น ถูกมองผ่านและข้ามหน้า ไม่ได้รับมอบหมายอะไรเลย
นอกเหนือจากนั้นพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้รับผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้มากเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้จะตัดสินใจร่วมรัฐบาลต่อไป แต่ก็ทำให้สมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า ๙ คนพากันลาออก และยัง “เลือดไหลไม่หยุด”
(https://www.thairath.co.th/news/politic/2865755#goog_rewarded, https://x.com/thestandardth/status/1936275538399969638 และ https://ch3plus.com/news/political/morning/442194)
