ที่ปรึกษานายกฯ อิ๊ง ว่าฝ่ายค้าน (บางพรรค) ตกข่าว เรื่องแก้ปัญหากำแพงภาษีสหรัฐ รัฐบาลนี้ดำเนินมาแล้ว “อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ‘ทรัมป์’ ยังไม่ได้รับตำแหน่ง” หูย อะไรมันจะมาก่อนกาลขนาดนั้นเชียว จิรายุ ห่วงทรัพย์ น่าจะมาสายเรื่องนี้เป็นอาทิตย์ก็ได้นะ
นั่นคือระยะเวลาที่พรรคประชาชนเขาออกมาเสนอแนะ ว่าถ้าพวกเขาเป็นรัฐบาลจะทำอย่างไรในการรับมือนโยบาย ‘ก้าวร้าว’ ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองของประธานาธิบดี (Tiny) ดอแนลด์ ทรั้มพ์
ต่อเมื่อมาตรการ Reciprocal tariffs เริ่มบังคับใช้นั่นละที่ มีการเรียกร้องให้รัฐบาลแพทองธาร “เร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force)” เพื่อรับมือ จากนั้นสองสามวัน ถึงได้เห็นหน้าตาคณะทำงาน ๙ คน นำโดย พันศักดิ์ วิญญรัตน์
ดูรายชื่อแล้วน่าจะเป็น ทีมประดิษฐ์นโยบายกลุ่มเจ็นเนอเรชั่นวายของอุ๊งอิ๊ง เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะเป็นความท้าทายต่อคำครหาการขาดศักยภาพของนายกฯ หญิงผู้ที่ดีแต่เฟี้ยส ได้พอสมควรเชียวละ ถึงแม้จะตั้งมาตั้งแต่สามเดือนที่แล้ว เมื่อ ๖ มกรา
แต่ว่าแนวทางการทำงานของทีมพันศักดิ์นี่เพิ่งมาออกชัดเจนเมื่อวานนี้เอง “ได้วางมาตรการรองรับในการเยียวยาและบรรเทาผลกระทบ ที่อาจมีต่อผู้ประกอบการส่งออกของไทยที่มีตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดหลัก” เชื่อว่าฝ่ายค้านและประชาชนทั้งประเทศ เฝ้าดูกันอย่างใจจรดจ่อ
ทว่าในรายละเอียดปรากฏแนวดำเนินการอย่างหนึ่ง คือเปิดเสรีสินค้านำเข้าจากสหรัฐบางอย่าง ที่ฝ่ายค้านเห็นแล้วร้องฮ้า ช้าก่อน นั่นมันกลายเป็นการ “คุ้มครองเจ้าสัว” โดย “เอารายได้และอาชีพของรายย่อยไปแลกแทน” ได้แก่
“จะพิจารณาเปิดเสรีนำเข้าข้าวโพด” และหมูเนื้อแดง ที่ รมว.คลัง พิชัย ชุณหวชิร เกริ่นเอาไว้ วรภพ วิริยะโรจน์ ของพรรคประชาชนชี้ว่า การนำเข้าข้าวโพดจะกระทบเกษตรกรชาวไร่ ๓ แสนครัวเรือน ส่วนหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง จะกระทบผู้เลี้ยงสัตว์ ๒ แสนครัวเรือน
“การทิ้งไพ่ในมือเพื่อต่อรองของรัฐบาลไทย จึงเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ ว่า รัฐบาลไทยกำลังจะเจรจาเอาผลประโยชน์ของใครไปแลกบ้าง ในการรับมือแผ่นดินไหวทางเศรษฐกิจ” วรภพว่าต้องใช้เป็นโอกาสในการทลายทุนผูกขาดไปในตัว
เขาแนะให้ เปิดเสรีภาคธนาคาร และ เปิดเสรีโทรคมนาคม ซึ่งอเมริกามองว่าสองอย่างนี้ ไทยทำการคุ้มครองทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม “การแข่งขันบริการทางการเงินในไทยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น” และปล่อยให้ค่ายมือถือควบรวมกันเหลือแค่สองราย
“ตัวอย่างง่ายๆ ปี ๖๗ สินเชื่อในธนาคารลดลง ๐.๔% แต่กำไรธนาคาร ปี ๖๗ กลับเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นถึง ๑๒%” ส่วนด้านโทรคมนาคม ถ้าเปิดเสรี “บางที Starlink อาจจะเข้ามาเปิดบริการในไทยก็ได้ ทั้งสำหรับพื้นที่ห่างไกลให้มีสัญญาณเน็ต
...ทั้งเพิ่มการแข่งขัน และเพิ่มไพ่ในการต่อรองให้ไทยได้ด้วย”
(https://www.facebook.com/TleWoraphop/posts/c2QkhL8rZGmC และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/KpDuu4wn6L)