.jpeg)
iLaw
22 hours ago
·
นี่คือภาพของการพิจารณาคดีอดีตเผด็จการของประเทศชาด Hissène Habré ซึ่งเกิดขึ้นที่เซเนกัล เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2558 ให้ข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซ้อมทรมาน และเป็นอาชญากรสงคราม มีสื่อมวลชน ช่างภาพ และผู้ที่สนใจเข้าฟังเต็มห้องพิจารณาคดีขนาดใหญ่ และการพิจารณาคดีถูกถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอมาออกข่าว และบันทึกมาถ่ายทอดเป็นสารคดีด้วย https://youtu.be/KV18LCTolek?si=xRJK8IWmABfUyxe-
นี่คือหนึ่งในตัวอย่างของการใช้หลักการพิจารณาคดีโดยเปิดเผย สำหรับคดีที่สาธารณชนสนใจ มีความหมายทางการเมืองและประวัติศาสตร์ การตั้งศาลในประเทศอื่นอาจถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมโดยจำเลย แต่ศาลก็ใช้การพิจารณาคดีที่เปิดเผย เพื่อเป็นเครื่องมือเดียวในการรักษาความโปร่งใสของศาล ให้อยู่ในสายตาและการตรวจสอบของทุกฝ่าย
จึงขอยกภาพนี้มาให้ดูกันอีกครั้ง เช่นเดียวกับภาพถ่ายจากการพิจารณาคดีในศาลอีกมากมายของหลายประเทศ ในวันที่ศาลอาญาของประเทศไทย นอกจากจะไม่ให้ถ่ายภาพ ไม่ให้บันทึกเสียง ยังเริ่มสั่งห้ามการเผยแพร่สิ่งที่เกิดขึ้นในการพิจารณาคดี รวมทั้งเนื้อหาของคดี ข้อต่อสู้ของสองฝ่าย รวมทั้งผลคำพิพากษาด้วย https://tlhr2014.com/archives/74945
.
การพิจารณาคดีโดยเปิดเผย จะช่วยรับรองว่า หากมีการใช้กฎหมาย หรือกระบวนการพิจารณาคดีดำเนินไปอย่างไม่ถูกต้อง หรือมีการดำเนินคดีที่ลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างโจ่งแจ้ง ความไม่ถูกต้องนั้นจะปรากฏต่อสายตาสาธารณะ อาจจะเป็นข่าวหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปได้ https://www.ilaw.or.th/articles/4666
สำหรับในกฎหมายไทย การพิจารณาคดีโดยเปิดเผยได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ในส่วนที่ 4 สิทธิในกระบวนการยุติธรรม มาตรา 40 (2) ระบุไว้ว่า
“มาตรา 40 บุคคลย่อมมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ดังต่อไปนี้
(2) สิทธิพื้นฐานในกระบวนการพิจารณา ซึ่งอย่างน้อยต้องมีหลักประกันเรื่องการได้รับพิจารณาโดยเปิดเผย …”
อย่างไรก็ดี ภายหลังข้อความนี้ได้หายไปในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 พร้อมๆ กับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกตัดให้สั้นลง
การพิจารณาคดีโดยเปิดเผยยังได้รับการระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป. วิอาญาฯ) ในมาตรา 172 ว่า “การพิจารณาคดีและสืบพยานในศาล ให้ทำโดยเปิดเผยต่อหน้าจำเลยเว้นแต่บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น”
.
สำหรับในต่างประเทศ การพิจารณาคดีโดยเปิดเผย ถือเป็นหลักพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรมที่ได้รับการยอมรับกันและบัญญัติไว้ในกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 6 (6th Amendment) ให้การรับรองไว้ว่า
“ในการดำเนินคดีอาญาทั้งปวง ให้จำเลยทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็วและเปิดเผย โดยคณะลูกขุนที่เป็นกลาง ของรัฐและเขตซึ่งเหตุแห่งคดีเกิดขึ้น…”
‘In all criminal prosecutions, the accused shall enjoy the right to a speedy and public trial, by an impartial jury of the state and district wherein the crime shall have been committed…’
ในยุโรป การพิจารณาคดีโดยเปิดเผยได้รับการรับรองไว้ในอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (European Convention on Human Rights หรือ EUHR) ซึ่งถือว่าเป็นหลักเกณฑ์สิทธิมนุษยชนที่ประสบความสำเร็จในการบังคับใช้เป็นอย่างมาก เพราะมีการจัดตั้งศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (European Court of Human Rights) ขึ้นมาวินิจฉัยและอนุสัญญากำหนดให้ผลการตัดสินของศาลสิทธิมนุษยชน มีผลผูกพันกับรัฐสมาชิกด้วย โดย EUHR ระบุถึงสิทธิในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมไว้ในมาตรา 6 วรรค 1 ว่า
“everyone is entitled to a fair and public hearing – บุคคลทุกคนมีสิทธิในการพิจารณาอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม”
การพิจารณาโดยเปิดเผยยังได้รับการรับรองในกติกาข้อตกลงระหว่างประเทศด้วย ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสิทธิมนุษยชนสากลตั้งแต่การสิ้นสุดลงของสงครามโลกครั้งที่ 2 มาตรา 10 ได้ให้การรับรองการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยไว้ใกล้เคียงกับที่ปรากฏใน EUHR ว่า
“everyone is entitled in full equality to a fair and public hearing – บุคคลทุกคนมีสิทธิในการพิจารณาอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม”
เช่นเดียวกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR) ซึ่งวางหลักสิทธิทางการเมืองพื้นฐาน เช่น สิทธิในการแสดงออก และไทยเองได้เข้าร่วมเป็นภาคีโดยการภาคยานุวัติตั้งแต่ปี 2539 ได้ให้การรับรองการพิจารณาโดยเปิดเผยเอาไว้ โดยมาตรา 14 ของ ICCPR ระบุไว้ว่า
“everyone shall be entitled to a fair and public hearing – บุคคลทุกคนมีสิทธิในการพิจารณาอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม”
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1088297426677209&set=a.625664036273886
https://www.youtube.com/watch?v=KV18LCTolek
·
นี่คือภาพของการพิจารณาคดีอดีตเผด็จการของประเทศชาด Hissène Habré ซึ่งเกิดขึ้นที่เซเนกัล เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2558 ให้ข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซ้อมทรมาน และเป็นอาชญากรสงคราม มีสื่อมวลชน ช่างภาพ และผู้ที่สนใจเข้าฟังเต็มห้องพิจารณาคดีขนาดใหญ่ และการพิจารณาคดีถูกถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอมาออกข่าว และบันทึกมาถ่ายทอดเป็นสารคดีด้วย https://youtu.be/KV18LCTolek?si=xRJK8IWmABfUyxe-
นี่คือหนึ่งในตัวอย่างของการใช้หลักการพิจารณาคดีโดยเปิดเผย สำหรับคดีที่สาธารณชนสนใจ มีความหมายทางการเมืองและประวัติศาสตร์ การตั้งศาลในประเทศอื่นอาจถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมโดยจำเลย แต่ศาลก็ใช้การพิจารณาคดีที่เปิดเผย เพื่อเป็นเครื่องมือเดียวในการรักษาความโปร่งใสของศาล ให้อยู่ในสายตาและการตรวจสอบของทุกฝ่าย
จึงขอยกภาพนี้มาให้ดูกันอีกครั้ง เช่นเดียวกับภาพถ่ายจากการพิจารณาคดีในศาลอีกมากมายของหลายประเทศ ในวันที่ศาลอาญาของประเทศไทย นอกจากจะไม่ให้ถ่ายภาพ ไม่ให้บันทึกเสียง ยังเริ่มสั่งห้ามการเผยแพร่สิ่งที่เกิดขึ้นในการพิจารณาคดี รวมทั้งเนื้อหาของคดี ข้อต่อสู้ของสองฝ่าย รวมทั้งผลคำพิพากษาด้วย https://tlhr2014.com/archives/74945
.
การพิจารณาคดีโดยเปิดเผย จะช่วยรับรองว่า หากมีการใช้กฎหมาย หรือกระบวนการพิจารณาคดีดำเนินไปอย่างไม่ถูกต้อง หรือมีการดำเนินคดีที่ลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างโจ่งแจ้ง ความไม่ถูกต้องนั้นจะปรากฏต่อสายตาสาธารณะ อาจจะเป็นข่าวหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปได้ https://www.ilaw.or.th/articles/4666
สำหรับในกฎหมายไทย การพิจารณาคดีโดยเปิดเผยได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ในส่วนที่ 4 สิทธิในกระบวนการยุติธรรม มาตรา 40 (2) ระบุไว้ว่า
“มาตรา 40 บุคคลย่อมมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ดังต่อไปนี้
(2) สิทธิพื้นฐานในกระบวนการพิจารณา ซึ่งอย่างน้อยต้องมีหลักประกันเรื่องการได้รับพิจารณาโดยเปิดเผย …”
อย่างไรก็ดี ภายหลังข้อความนี้ได้หายไปในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 พร้อมๆ กับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกตัดให้สั้นลง
การพิจารณาคดีโดยเปิดเผยยังได้รับการระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป. วิอาญาฯ) ในมาตรา 172 ว่า “การพิจารณาคดีและสืบพยานในศาล ให้ทำโดยเปิดเผยต่อหน้าจำเลยเว้นแต่บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น”
.
สำหรับในต่างประเทศ การพิจารณาคดีโดยเปิดเผย ถือเป็นหลักพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรมที่ได้รับการยอมรับกันและบัญญัติไว้ในกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 6 (6th Amendment) ให้การรับรองไว้ว่า
“ในการดำเนินคดีอาญาทั้งปวง ให้จำเลยทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็วและเปิดเผย โดยคณะลูกขุนที่เป็นกลาง ของรัฐและเขตซึ่งเหตุแห่งคดีเกิดขึ้น…”
‘In all criminal prosecutions, the accused shall enjoy the right to a speedy and public trial, by an impartial jury of the state and district wherein the crime shall have been committed…’
ในยุโรป การพิจารณาคดีโดยเปิดเผยได้รับการรับรองไว้ในอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (European Convention on Human Rights หรือ EUHR) ซึ่งถือว่าเป็นหลักเกณฑ์สิทธิมนุษยชนที่ประสบความสำเร็จในการบังคับใช้เป็นอย่างมาก เพราะมีการจัดตั้งศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (European Court of Human Rights) ขึ้นมาวินิจฉัยและอนุสัญญากำหนดให้ผลการตัดสินของศาลสิทธิมนุษยชน มีผลผูกพันกับรัฐสมาชิกด้วย โดย EUHR ระบุถึงสิทธิในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมไว้ในมาตรา 6 วรรค 1 ว่า
“everyone is entitled to a fair and public hearing – บุคคลทุกคนมีสิทธิในการพิจารณาอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม”
การพิจารณาโดยเปิดเผยยังได้รับการรับรองในกติกาข้อตกลงระหว่างประเทศด้วย ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสิทธิมนุษยชนสากลตั้งแต่การสิ้นสุดลงของสงครามโลกครั้งที่ 2 มาตรา 10 ได้ให้การรับรองการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยไว้ใกล้เคียงกับที่ปรากฏใน EUHR ว่า
“everyone is entitled in full equality to a fair and public hearing – บุคคลทุกคนมีสิทธิในการพิจารณาอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม”
เช่นเดียวกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR) ซึ่งวางหลักสิทธิทางการเมืองพื้นฐาน เช่น สิทธิในการแสดงออก และไทยเองได้เข้าร่วมเป็นภาคีโดยการภาคยานุวัติตั้งแต่ปี 2539 ได้ให้การรับรองการพิจารณาโดยเปิดเผยเอาไว้ โดยมาตรา 14 ของ ICCPR ระบุไว้ว่า
“everyone shall be entitled to a fair and public hearing – บุคคลทุกคนมีสิทธิในการพิจารณาอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม”
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1088297426677209&set=a.625664036273886
https://www.youtube.com/watch?v=KV18LCTolek