วันพฤหัสบดี, เมษายน 24, 2568

อันเนื่องมาแต่ถูกตอกย้ำว่า ‘ตระบัดสัตย์’ นายแบกเลยค้นศัพท์เทคนิคมาใส่ติ่งส้ม ว่าเป็น ‘Cognitive Dissonance’ แต่เสียท่าเอามาใช้อย่าง ผิดๆ เข้าตัวเองหมด

อันเนื่องมาแต่การที่ติ่งส้มนิยมเอ่ยถึงพรรคเพื่อไทยและลูกน้อง นายใหญ่ ว่า ตระบัดสัตย์ แล้วก็มีนายแบกรายหนึ่งริทำตัวเป็นนักวิชาการ วิจัยพฤติกรรมตอกย้ำเช่นนั้นว่าเป็น ‘Cognitive Dissonance’ หรือเรียกย่อๆ ว่า CD แต่เสียท่าเอามาใช้อย่าง ผิดๆ

ผู้รู้รายหนึ่งบอกเห็นแล้ว “อดรนทนไม่ไหวจริงๆ ต้องขอเขียนซะหน่อย” Faris PHar Yothasamuth เกริ่นในโพสต์ของเขาเกี่ยวกับศัพท์เทคนิคดังกล่าว ซึ่งถ้าแปลตรงตัวคงได้ว่า “ความไม่ลงรอยในการรับรู้” แต่เขาอธิบายเพิ่มเติมให้ถึงแก่น

ว่า “เป็นสภาวะทางจิตของคนๆ นึงที่ความคิด ความเชื่อ อุดมการณ์ หรือศรัทธา ที่ตัวเองมีมันขัดแย้งกันเอง หรือขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่รับรู้เข้ามาใหม่” เขาว่าอาการแบบนี้พบมากในกลุ่มคนที่เชื่อในอุดมการณ์ และ/หรือลัทธิอย่างลุ่มหลง

“เช่นคนที่นับถือบูชาบุคคลคนนึงมากๆ จนวันนึงรับรู้ข้อมูลว่าคนๆ นี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด ข้อมูลใหม่ที่รับรู้เข้ามานั้นมันขัดแย้งกับความเชื่อเดิม ทำให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจ เพราะมันทำให้ตัวเองรู้สึกว่าที่เคยเชื่อมานั้นผิด” ก็เลยพยายามปกป้องตัวเอง

นอกจากปฏิเสธข้อมูลซึ่งได้รับมาใหม่ที่แย้งความเชื่อดั้งเดิม แล้วยัง “สร้างคำอธิบายเพื่อทำให้ตัวเองสบายใจ” เขาว่าซีดีในทางการเมือง “พบมากในหมู่สลิ่มรักลุงตู่ที่คิดว่าตัวเองรังเกียจคนโกงนักหนา และเชื่อว่าลุงตู่มาปราบโกง”

ครั้นไม่ได้เป็นเช่นนั้น อาการซีดีทำให้สร้างชุดคำอธิบายหลอกตัวเอง “เช่น ลุงตู่ไม่โกงแต่คนรอบตัวโกง ลุงไม่โกงแต่ถูกใส่ร้าย พร้อมๆ กับป้องกันตัวเองด้วยการด่าทอ/โจมตีอีกฝ่าย ว่าเป็นทาสแม้วบ้าง สามกีบบ้าง ชังชาติบ้าง”

มาถึงกรณี “พรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจับมือกับคนพรรคลุงกับอดีต กปปส. เราก็เริ่มเห็นอาการนี้ในหมู่กองเชียร์เพื่อไทย ลักษณะ dissonance มันเห็นชัดเจนมาก เพราะก่อนหน้านี้เพื่อไทยและกองเชียร์ เชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย

ยึดมั่นในหลักการ รังเกียจลุง เกลียดเผด็จการทหาร แต่พอเพื่อไทยกลับลำ ๑๘๐ องศาไปร่วมกับคนที่เคยรังเกียจ นี่คือข้อเท็จจริงใหม่ที่ขัดแย้งกับความเชื่อเดิมของสาวกเพื่อไทยจังๆ” ส่วนหนึ่งออกอาการซีดี สร้างคำอธิบายขึ้นมาแก้ต่าง

“เช่น ก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้เอง, ก้าวไกลไม่มีใครคบ, เป็นไปตามกลไกรัฐสภา, เป็นการเมืองกินได้/เรียลๆ/realpolitik, เพื่อให้ประเทศเดินหน้า, เพื่อก้าวข้ามหล่มความขัดแย้ง ฯลฯ” แล้วยัง “สร้างแพะรับบาป โยนความผิดทุกอย่างไปให้พรรคส้ม”

ตัวอย่าง “จำตอนเคสประกันสังคมได้ไหม พอเห็นว่าเป็นไอซ์ก็ด่าไว้ก่อน ไม่สนว่าไอซ์แฉเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตน” เขาว่า “อาการนี้ถ้าให้วิเคราะห์มันก็มองได้ว่าเป็นอาการสันหลังหวะ...เพราะอาการบูชาพรรค/บุคคลจนเกิด CD เนี่ย

มันคือสิ่งที่สลิ่มเคยเป็น และแฟนเพื่อไทยก็กำลังรู้สึกแบบเดียวกัน”

(https://www.facebook.com/faris.yothasamuth/posts/1NJFmmo5uT)