วันศุกร์, เมษายน 25, 2568

ข้อสรุปของกรรมาธิการทหาร ว่า “กอ.รมน. ภาค ๓ มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับต่ำ” ต้องใช้กับผู้ทรงอิทธิพลขนาดสั่งแม่ทัพภาค ๓ ศาลและตำรวจพิษณุโลกได้

มิใยที่ Thanapol Eawsakul ให้ความเห็นกรณีทัพภาค ๓ และ กอ.รมน.ฟ้อง พอล แชมเบอร์ คดี ๑๑๒ และขอหมายจับจากศาลพิษณุโลก และศาลก็อนุมัติให้ง่ายดาย  “ไม่ใช่เพราะอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกหรอกครับ แต่เพราะว่ามันมีธงอยู่แล้ว”

หากการเป็นเช่นนั้น ข้อสรุปของประธานกรรมาธิการทหาร ว่า “กอ.รมน. ภาค ๓ มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับต่ำกว่าประถมศึกษา” แล้วแจ้งความเท็จ ใช้อำนาจโดยมิชอบ ข้อสรุปนี้ก็ต้องใช้กับผู้ทรงอิทธิพลขนาดสั่งแม่ทัพภาค ๓ ศาลและตำรวจพิษณุโลกได้

การไต่สวนของกรรมาธิการฯ ซึ่งมี วิโรจน์ ลักขณาอดิสร เป็นประธาน พบว่า กอ.รมน.ของทัพภาค ๓ กระทำความผิดหลายอย่าง นอกจากหลักฐานประกอบคำฟ้อง ไม่ใช่ข้อเขียนหรือคำปาฐกถาของ ดร.พอล แต่เป็นประกาศโฆษณาของสถาบัน ISEAS สิงคโปร์แล้ว

ยังเข้าข่าย “แจ้งความเท็จ” ตามมาตรา ๑๗๒ และ ๑๗๕ แห่งประมวล กม.อาญา “ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ตามมาตรา ๑๗๒ แห่ง พ.ร.ป. ป.ป.ช. “ไม่ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของหลักฐาน” ตาม ป.วิอาญา มาตรา ๑๓๔ และ “กลั่นแกล้งบุคคลอื่น” ตาม ม.๒๐๐ วรรคสอง แห่ง ป.อาญา

กรรมาธิการฯ จึงรวบรวมข้อเท็จจริงแจ้งให้ ปปช.ทำการตรวจสอบ และรายงานถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน. “กำชับการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย และไม่ลุแก่อำนาจ” อีกทั้งเสนอให้ ผบ.ตร.ออกระเบียบควบคุมการดำเนินคดี ม.๑๑๒ ด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น แม้นว่าช่วงนี้อยู่ในระหว่างปิดสมัยประชุมสภา แทนที่กรรมาธิการชุดนี้จะลดเวลาประชุมเป็นอาทิตย์เว้นอาทิตย์ หรือไปดูงานต่างประเทศเช่นที่นิยมกระทำกัน กลับเร่งงานประชุมทุกสัปดาห์ โดยประชุมทั้งเช้าและบ่าย ตอนบ่ายนั้นสำหรับแก้ปัญหาเรื่องการร้องเรียน

ส่วนตอนเช้า “จะเป็นการประชุมเพื่อจัดทำรายงานเพื่อนำไปสู่การยกเลิกเกณฑ์ทหาร...เพื่อศึกษาแนวทางในการเปลี่ยนจากระบบเกณฑ์ทหารไปเป็นระบบสมัครใจ” ทั้งที่ได้ศึกษาเรื่องนี้กันมาเยอะแล้ว ตัวกฎหมายก็ร่างไว้แล้ว พร้อมกฏกระทรวงและระเบียบต่างๆ

“เราจะมาศึกษาอัตราการจัดและยุทโธปกรณ์ ของหน่วยรบทุกหน่วยที่อยู่ในทุกเหล่าทัพ...เอาทั้งหน่วยรบ หน่วยช่วยรบ หน่วยสนับสนุนการช่วยรบ ซึ่งจะไล่ทั้งหมดตั้งแต่ทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ช่าง สื่อสาร พลาฯ กองเรือยุทธการ” ฯลฯ

#ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ไม่เท่ากับ ยกเลิกทหาร มันแค่เปลี่ยนวิธีการได้มาซึ่งทหาร เปลี่ยนระบบสวัสดิการ เปลี่ยนระบบอาชีพ...ซึ่งนอกจากจะไม่ลดศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจของกองทัพแล้ว ยังจะกลายเป็นได้คนที่มีคุณภาพดีมากขึ้นด้วยซ้ำ”

(https://www.facebook.com/analayo/posts/NvySZBZNsF, https://www.facebook.com/wirojlak/posts/L9nGSW7Hs และ https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/MtgzgYatF)