วันอาทิตย์, เมษายน 06, 2568

#ผู้เชี่ยวชาญด้านตรวจสอบบัญชี ตั้งข้อสงสัย 3 คนไทยร่วมถือหุ้นตั้งแต่ก่อตั้ง #ไชน่าเรลเวย์นัมเบอร์10 ไม่เคยรับงานรับเหมาก่อสร้าง แต่รับงานภาครัฐหลายโครงการได้อย่างไร





https://x.com/onenews31/status/1908087666551423313

.....


Thorn Sasivimolkul ·
15 hours ago
·
DSI รับตึก สตง.เป็นคดีพิเศษ ชี้นอมินีคนไทยเงินเดือนแค่หมื่นกว่าบาท ส่อทำธุรกรรมอำพรางถือหุ้น หลังตรวจสอบพบไม่เคยทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาก่อน แต่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่แล้วรับงานภาครัฐ มั่นใจเอกสารพยานหลักฐานไม่หาย
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 เม.ย. 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธานประชุมวางแนวทางการสอบสวนสืบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ครั้งที่ 1 ร่วมกับทีมพนักงานสอบสวน ประกอบด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นางสาวกนกไรวินท์ บุรินทร์นันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชี และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณี DSI รับคดีตึก สตง.ถล่มเป็นคดีพิเศษว่า ในฐานะที่ดูเรื่องการอำนวยความเป็นธรรมในเคสดังกล่าว ตนจึงมารับฟังข้อมูลให้ประชาชน ซึ่งทุกคนต้องการความยุติธรรม การที่จะให้ความยุติธรรมได้ขณะนี้ ก็เป็นคดีที่อาจจะเกิด สาเหตุอันหนึ่งก็จะอ้างแผ่นดินไหว
แต่เหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่ 320 ล้านไร่ของประเทศไทย ก็พบว่ามีเฉพาะในที่ดินของ สตง.ที่ตั้งอยู่กลางเมืองหลวงประมาณที่ทั้งหมด 11 ไร่เท่านั้นเอง ตอนนี้พบว่ามีคนเสียชีวิตไปแล้ว 15 ราย แล้วก็มีบาดเจ็บอีก และยังต้องตามหาอีก 103 คน มันเป็นความสูญเสียที่เราอยากจะให้มีการช่วยเหลือ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ แม้จะมีโอกาสไม่มากนักในการช่วยเหลือ
แต่อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวน พนักงานสอบสวนจำเป็นจะต้องมีพยานหลักฐานหรือพยานบุคคลที่มีชีวิตอยู่ ก็ต้องไปสอบสอน แต่พยานบุคคลยังต้องการพยานเอกสาร พยานวัตถุที่จะใช้ในการพิสูจน์ ต้องใช้เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ตึกถล่มแล้วทำให้คนเสียชีวิต ถ้าเราปล่อยให้อาคารนี้ชำรุดไปเลย แต่เราจะโยนความผิดไปให้กับหลักฐานที่เราหาไม่ได้
บุคคลที่เรายังเชื่อว่ามีชีวิตรอดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด อีกอย่างหนึ่งคือรับทราบว่าได้ตั้งคนที่สามารถที่จะทำงานนี้ให้มีประสิทธิภาพได้ แต่ก็มีหลาย ๆ เรื่อง เช่น คนที่ควบคุมทะเบียนการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล คือกระทรวงพาณิชย์ และการประกอบธุรกิจบุคคลต่างด้าว คือกระทรวงพาณิชย์
แต่พอเป็นกิจการร่วมค้าหรือ Joint Venture กระทรวงพาณิชย์กลับบอกว่า ไม่มีทะเบียน พอไม่มีทะเบียนอ้างว่าไม่ใช่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแพ่ง ซึ่งทำให้เราก็ต้องไปดูว่าคนที่จะรับผิดชอบวันนี้กลับเป็นกรมสรรพากร เพราะจะต้องไปตอนเสียภาษี แล้วสรรพากรก็ไม่มีหน่วยงานโดยตรงที่จะรับผิดชอบเรื่องทะเบียน ดังนั้น จึงอยากจะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลองเข้าไปตรวจสอบ คือบางอย่างถ้าไม่มีหน่วยงานใดมีทะเบียนไว้ มันก็เลยจะทำให้ต้องมีการตรวจสอบ
เช่น กรณีต่างด้าวจะมาทำงานเมืองไทย เขาทำไม่ได้อยู่แล้ว เขาต้องมีคนไทย 51% ต่างด้าว 49% ซึ่งในกรณีเช่นนี้ มันเลยทำให้ต้องมีการตรวจสอบ จึงอยากจะให้พนักงานสอบสวน สอบสวนเสร็จต้องตอบปัญหาสังคมได้ เพราะจากการที่พนักงานสอบสวนได้รายงานว่ามีการไปทำกิจการร่วมค้า หรือ Joint Venture ที่ตรวจพบขณะนี้กับ 11 บริษัทซึ่งเป็นคนไทย ก็เลยอยากจะถามว่า การไปได้งานถึง 29 โครงการแล้วจำเป็นต้องไปตรวจทำสรรพากรต่าง ๆ อาจจะมีมากกว่านี้หรือเปล่า มันอาจจะเป็นลักษณะนี้มานานแล้ว และบางส่วนอาจจะต้องไปแก้ไข
มีการรับเป็นคดีพิเศษแล้ว และมีการรวบรวมหลักฐาน ตอนนี้ได้หลักฐานอะไรมาบ้าง พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้ตั้งผู้เชี่ยวชาญ และที่สำคัญพนักงานสอบสวนก็ต้องแสวงหาข้อเท็จจริง หลักฐาน และนอกจากนั้น พอได้ข้อเท็จจริงและหลักฐานก็ต้องรวบรวมหลักฐาน เพราะว่าสิ่งที่พนักงานสอบสวนจะยืนอยู่ได้ก็คืออยู่ได้ด้วยพยานหลักฐาน แล้วในเรื่องนี้ก็อาจจะดูเรื่องผู้ที่ทำอย่างนี้ต้องการผลประโยชน์ ต้องการเงิน ก็ไปดูเรื่องจะเป็นความผิดฐานฟอกเงินไหม อันนี้เป็นการบอกว่าอยากให้ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด แล้วก็ทำเรื่องนี้ให้ด่วนก่อน
ส่วนผลของการรวบรวมหลักฐานจะเป็นความผิดอันอื่น ๆ หรือไม่ จะต้องส่งให้องค์กรที่รับผิดชอบ รวมทั้งบางหน่วยงานให้เกิดการประสานงาน เช่น ขอให้เป็นประสานกับหน่วยที่รับผิดชอบในที่อาคารนี้ ไม่ว่าจะเป็น กทม.หรือ สตง. รวมถึงก็บอกว่าถ้าไปประสานกับ ป.ป.ช.ได้ ถ้าเกิดการทุจริตในเนื้องาน อาจจะต้องให้ ป.ป.ช.ไปรับลูกต่อ
แต่ว่าในส่วนที่เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนฯ ก็ขอให้เร่งรัดทำ อย่างน้อยที่สุดอยากให้สอบสวนโดยเร็วตามกฎหมาย แล้วก็มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ สามารถอำนวยความยุติธรรมให้ไม่อคติ แล้วได้เน้นย้ำเสมอว่า DSI ต้องกล้าหาญบนพื้นฐานพยานหลักฐาน
เมื่อถามว่า เนื่องจากบริษัทต่างชาติไม่สามารถรับงานภาครัฐได้ จึงต้องอาศัย Joint Venture แล้วเป็นคนดำเนินการ ทำตัวเหมือนนายหน้าหักค่าหัวคิวจากบริษัทต่างชาติจริงหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐาน ซึ่งแผนประทุษกรรมก็อาจเป็นได้ แต่ในเคสนี้ขอให้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานในส่วนหนึ่ง ก็คือเรามีกติกาของบ้านเมือง ว่าต่างชาติจะรับงานราชการได้ต้องมีบริษัทที่มีคนไทยร่วมด้วย ซึ่งต้องตรวจสอบหลักฐานทุกชนิดที่มีอยู่ รวมถึงบริษัทไทยได้ด้วย ซึ่งเท่าที่ได้รับรายงานตอนนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวน
เมื่อถามว่า เวลาผ่านมาพอสมควรแล้ว ทั้งเอกสารและคนที่เป็นกรรมการบริษัทตัวจริงอาจหนีไปแล้วหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เขามีวิธีการ คือการสอบสวน นอกจากรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อได้ข้อเท็จจริงพิสูจน์ความผิดแล้ว เขาต้องนำตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษด้วย การติดตามตัวเขาก็มีชุดสืบสวนก็สะกดรอยอยู่แล้ว ทราบว่าเขารายงานทำไปได้เยอะแล้วนะ ส่วนหลักฐานบางอย่างมันจะอยู่ในส่วนราชการต่าง ๆ และรวบรวมมาได้ และที่สำคัญเขาได้ตั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน ภาษี และก็บัญชีมาช่วยดู ก็จะทำให้เกิดความมั่นคงขึ้นในเรื่องพยานหลักฐาน
ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยว่า อย่างที่ทราบกันดีว่า DSI ได้รับกรณีความผิดว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเป็นคดีพิเศษ ส่วนคดีที่ดูควบคู่กันไปด้วยคือความผิดเกี่ยวกับเรื่องว่าด้วยการเสนอราคาเกี่ยวกับหน่วยงานของรัฐ มีความผิดในเรื่องการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว คือดูว่าในส่วนที่คนไทยที่ถือหุ้นอยู่ต้องพิสูจน์ว่าคนไทยนั้นมีการถือหุ้นโดยอำพรางหรือเปล่า อันนี้เป็นประเด็นหลักที่ได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ทาง ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และประกอบไปด้วยหน่วยงานต่าง ๆ ของกรม ไม่ว่าจะเป็นกองความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค แล้วก็มีกองคดีความมั่นคง ซึ่งรับผิดชอบเรื่องนอมินี
ส่วนเรื่องการตรวจสอบ ได้ไปตรวจสอบที่บ้านของนายประจวบ อยู่ที่อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด แต่ว่าตัวเขาไม่อยู่ โดยได้สอบสวนภรรยาเขา ภรรยาเขาบอกว่ามีรายได้น้อยมาก เพราะทำงานรับจ้าง ทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้าง แต่ได้เงินเดือนแค่ประมาณหมื่นกว่าบาทเท่านั้นเอง ซึ่งตรงนี้ดูแล้วแนวโน้มเบื้องต้นไม่สอดคล้องกับการที่เขาไปถือหุ้นในนิติบุคคลในหลาย ๆ นิติบุคคล อันนี้ก็เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความที่น่าเชื่อ แล้วเรารวบรวมงานหลักฐานไว้ในสำนวนการสอบสวนแล้ว ตรงนี้มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะดูว่าเป็นการถือหุ้นอำพราง หรือนอมินี
ก็ในส่วนนี้คณะพนักงานสอบสวนก็ได้ทำโครงสร้างรายชื่อกิจการร่วมค้า ที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯนั้นได้เข้าร่วมในกับนิติบุคคลหลาย ๆ ที่ แต่ว่าในช่วงแรกเนี่ยเราก็ต้องโฟกัสไปที่กิจการร่วมค้าที่ไปร่วมกับบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ชนะในการแข่งขันราคา ในกรณีของตึก สตง.เป็นเบื้องต้น ตรงนี้อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอยู่
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุ บริษัทมักหลบหนีพร้อมนำเอกสารไปด้วย ประชาชนจะมั่นใจถึงเรื่องการตามหาเอกสารหลักฐานเหล่านี้ยังไง พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า เราจะพยายามเร่งให้เร็วที่สุด และเรามีอำนาจในการแสวงหาพยานหลักฐานต่าง ๆ แต่ตอนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ในรายละเอียด และมีความมั่นใจว่าจะได้เอกสาร ซึ่งเอกสารสามารถส่งมาได้หลายทาง
ด้านนางสาวกนกไรวินท์ บุรินทร์นันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชี ระบุว่า จากการติดตามผู้ถือหุ้นทั้งหมด 3 คน คือ นายโสภณ นายประจวบ และนายมานัส พบว่าทั้ง 3 คนนี้ประกอบกิจการตั้งแต่การเริ่มก่อตั้งนิติบุคคลเลย แล้วก็ร่วมกันเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งในขณะแรกก็จะมีนายมานัสถือหุ้นถึง 306,000 หุ้น ณ วันที่ก่อตั้ง แล้วท้ายที่สุดก็มีการโอนหุ้นไปให้กับนายโสภณ ทำให้หุ้นของตัวเองเหลือแค่เพียง 3 หุ้น ตรงนี้กำลังติดตามอยู่ว่าการโอนหุ้นระหว่างกันนั้นเป็นการซื้อขายหุ้นโดยแท้จริงหรือไม่อย่างไร
ประกอบกับบุคคลทั้ง 3 ที่เป็นผู้ถือหุ้น เท่าที่ทราบขณะนี้ยังไม่เคยประกอบอาชีพในเรื่องของการรับเหมาก่อสร้างมาก่อน เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ขนาดนี้แล้วรับงานภาครัฐ รวมไปถึงในเรื่องของบุคคลทั้ง 3 ที่มีนายโสภณเข้ามาเป็นผู้บริหารงานนะคะ ร่วมกันกับคนจีน 1 ท่าน ซึ่งตอนนี้ก็ดำเนินการตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมอยู่
ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ในภาพรวมคือทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับโจทย์มาจากทางรัฐบาล และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงท่านนายกรัฐมนตรี ว่าสาเหตุที่มันเกิดขึ้นที่แท้จริงมันคืออะไร เพราะฉะนั้น ต้องค้นหาความจริงให้ปรากฏว่าในส่วนที่เขามาทำเป็นนอมินีแล้วก็สร้างตัวเองมา Joint Venture หรืออ้างตัวเองว่าเป็นคนไทย เป็นการแสดงเอกสารการเป็นเท็จเพื่อจะเข้าประมูลงานกับภาครัฐทั้งหมดที่เราเจอทั้งหมด 29 โครงการ ในปัจจุบันนี้จะเป็นเงินประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาทในโครงการตามสัญญา
ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวต่อว่า ถ้าพิสูจน์ได้ทั้งหมดนี้ว่าเอกสารแท้จริงแล้วเป็นของคนต่างด้าวไม่สามารถทำได้ คือเขาแสดงตัวเองว่าเป็นคนไทย เป็นคนไทยที่ยังไม่มีประสบการณ์ แล้วมาร่วมกับคนไทยที่มีประสบการณ์ด้านการประมูลงาน โดยที่คนไทยเขารู้เห็นเป็นใจหรือไม่ แล้วก็เอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะมีการตรวจสอบว่า ที่คุณทำ ทำได้ไหม แล้วทำจริงไหม แล้วก็เป็นเอกสาร เป็นบริษัทกิจการร่วมค้าที่มาจากต่างประเทศทั้งหมด อันนี้จะค้นพบให้ได้ทั้งหมด เพราะว่าท้ายสุดแล้วในโครงการทั้งหมดมันเป็นโครงการก่อสร้างเกือบทั้งหมด
รวมทั้งโครงการที่ 29 ที่เป็นโครงการรถไฟความเร็วสูง เรื่องนี้จะขอเวลาสอบสวน 2 เดือน เพราะว่ามันมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ แล้วมันจะเชื่อมต่อเป็นจิ๊กซอว์ ไล่เรียงเหตุการณ์ได้ว่า เริ่มจากทำไมถึงเป็นต่างด้าว ทำไมถึงอำพรางปลอมเป็นคนไทย แล้วทำไมต้องอำพรางตัวเอง มาประมูลกิจการในบ้านเรา แล้วทำไมตัวเขาเองไม่ประมูลเอง และก็ถ้าคุณเป็นคนไทยทำไมคุณต้องมาร่วมกับคนที่มีชื่อเสียง ทำให้รัฐเชื่อมั่นในเรื่องของการประมูลงาน จนส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องเลวร้าย ที่เป็นตึกเดียวที่อยู่ห่างที่สุดของแผ่นดินไหวแล้วถล่ม เป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดจากแผ่นดินไหวแล้วถล่มลงมา
ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวต่อว่า โครงการก่อสร้างอาคาร สตง.มีราคากลางอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท แต่ประมูลได้ราคา 2,136 ล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ 15% ซึ่งเกินกฎเกณฑ์ที่ประเทศไทยกำหนด แต่ภาษาวงการก่อสร้างเรียกว่าเป็นการ “ฟันงาน” เพื่อจะบีบตัวเองลงมา ทั้งที่จริง ๆ แล้วราคากลางของการก่อสร้างตึก สตง.ราคากลางเข้มข้นมาก ราคา 2,500 ล้านบาท ถือว่าเป็นมาตรฐานเกณฑ์ขั้นต่ำแล้ว แต่ทำไมยังดีดราคาลงมาได้เกือบ 300-400 ล้านบาท เป็นสิ่งที่ต้องค้นหาความจริงว่าบริษัทได้มีการนำเอาความอันเป็นเท็จมาแสดง หรือแสดงข้อเท็จจริงอย่างไรที่ทำให้รัฐหลงผิดและอำพรางไปเป็นเช่นนั้น
ส่วนกรณีของนายโสภณ นายประจวบ และนายมานัส พบว่าทั้ง 3 คนนี้มีลักษณะของนอมินี และวิเคราะห์ได้ว่าเป็นรูปแบบของการอำพรางถือหุ้น เพราะจากที่ไปลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วพบว่ายังคงเป็นเหมือนในข่าวคือ เขาเป็นบุคคลที่ไม่สามารถจะมีหุ้นได้จริง
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวในช่วงท้ายว่า สำหรับ 11 บริษัทที่เข้ามาร่วมเป็นกิจการร่วมค้ากับบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ จะถูกตรวจสอบ สอบสวนด้วยกันทั้งหมด เพราะหากพบความผิด แล้วผิดคนเดียวก็น่าจะเป็นเรื่องยากในหลักการ พร้อมระบุว่ากรรมการในบริษัทอื่น ๆ เหล่านี้ยังไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เพียงวันนี้แสดงให้เห็นว่าโครงการมีแผนประทุษกรรมเป็นไปในลักษณะนี้ ส่วนที่เข้าไปรับงานกับภาครัฐทางเราจะดำเนินการตรวจสอบให้เห็นถึงภาพรวมเพื่อสื่อให้เห็นข้อเท็จจริง
https://www.prachachat.net/general/news-1788150

https://www.facebook.com/photo/?fbid=9845314025489964&set=a.306162686071860