ภาพจาก European Commission
.....
.....
Kanoknai Thawonphanit
Yesterday
·
ไม่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้จะถูกฟ้องหรือไม่ ขอแสดงความเห็นก่อนที่จะไม่ได้ทำอีกต่อไปครับ
มีคดีหนึ่งอยากเล่าให้ฟัง คือคดี Illumina + GRAIL เกี่ยวกับการควบรวมในตลาด Healthcare market ซึ่งเป็นคดีดังมากในสหภาพยุโรป (EU) มีการวิเคราะห์และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
บริษัท Illumina (ประกอบธุรกิจจำหน่ายเครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลในระดับ DNA) ต้องการควบรวมกับบริษัท GRAIL (ประกอบธุรกิจเครื่องตรวจรักษาโรคมะเร็ง) ทั้ง 2 บริษัท มีถิ่นประกอบธุรกิจหลักใน USA แม้ว่าการควบรวมจะกระทบการแข่งขันภายในตลาดของหลายประเทศสมาชิก EU แต่ผู้ควบรวมไม่ได้ขออนุญาตจาก EU และหลายประเทศที่เป็นสมาชิก EU เพราะเข้าใจว่าการควบรวมไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องยื่นขออนุญาต (โดยดูจากรายได้ หรือ turnover เป็นหลัก)
Autorité de la concurrence (หน่วยงานที่บังคับใช้ กม แข่งขัน ฝรั่งเศส) ยื่นคำร้องต่อ EU Commission (หน่วยงานที่บังคับใช้ กม แข่งขัน EU) ขอให้ตรวจสอบการควบรวมนี้ เพราะ Autorité เข้าใจว่า ถ้าการควบรวมไม่เข้าเกณฑ์การยื่นขออนุญาตตาม กม แข่งขัน ฝรั่งเศส แต่การควบรวมอาจกระทบการแข่งขันภายในตลาดฝรั่งเศส Autorité สามารถยื่นคำร้องขอให้ EU Commission ตรวจสอบการควบรวมแทนได้ โดยอาศัยอำนาจตาม Article 22(1) of the EU Merger Regulation
เมษายน ค.ศ.2021 --- EU Commission รับคำร้องจากฝรั่งเศสไว้พิจารณา ต่อมาเบลเยียม กรีซ ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ เข้าร่วมเป็นผู้ยื่นคำร้องร่วมกับฝรั่งเศสด้วย
กรกฎาคม ค.ศ.2021 --- EU Commission เริ่มเปิดกระบวนพิจารณาในเชิงลึก หลังจากพิจารณาในขั้นต้นแล้วว่าการควบรวมนี้น่าจะมีผลจำกัดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ
สิงหาคม ค.ศ.2021 --- Illumina และ GRAIL ประกาศว่าได้ควบรวมกิจการแล้วอย่างสมบูรณ์ โดยไม่รอผลการพิจารณาจาก EU Commission
ตุลาคม ค.ศ.2021 --- EU Commission ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อสั่งให้ Illumina และ GRAIL รักษาระยะห่างระหว่างกัน (แต่ยังไม่ได้สั่งให้สลายการควบรวม)
กรกฎาคม ค.ศ.2022 --- ศาลชั้นต้นของ EU (General Court) พิจารณาคดีที่ผู้ควบรวมอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งรับพิจารณาการควบรวมโดย EU Commission ผู้ควบรวมเห็นว่า EU Commission ไม่มีอำนาจพิจารณาการควบรวมนี้ แต่ศาลชั้นต้นของ EU วินิจฉัยว่าคำสั่งรับพิจารณาการควบรวมโดย EU Commission ชอบด้วยกฎหมายตาม Article 22(1) of the EU Merger Regulation แล้ว EU Commission จึงมีอำนาจตรวจสอบการควบรวมนี้ (Case T-227/21)
กันยายน ค.ศ.2022 EU --- Commission สั่งห้ามการควบรวม เพราะมาตรการเยียวยา (remedies) ที่ Illumina เสนอมาไม่เพียงพอในการรักษาการแข่งขัน
กรกฎาคม ค.ศ.2023 --- EU Commission สั่งให้ Illumina และ GRAIL ชำระค่าปรับทางปกครอง โดยที่ Illumina ต้องจ่าย 432 ล้านยูโร และ GRAIL ต้องจ่าย 1,000 ยูโร (จ่ายน้อยเพราะเป็นครั้งแรกที่ EU Commission สั่งปรับ target company) เนื่องจากควบรวมไปก่อนโดยไม่รอผลการพิจารณา
มิถุนายน ค.ศ.2024 --- Illumina และ GRAIL ประกาศว่าได้สลายการควบรวมอย่างสมบูรณ์แล้ว
3 กันยายน ค.ศ.2024 --- ศาลสูงสุดแห่ง EU (The Court of Justice) พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นของ EU และสั่งเพิกถอนคำสั่งรับพิจารณาการควบรวมโดย EU Commission (Case C-611/22 P) ศาลให้เหตุผลว่า EU Commission จะรับคดีที่ประเทศสมาชิกยื่นคำร้องขอให้พิจารณาได้ก็ต่อเมื่อการควบรวมนั้นต้องเข้าเกณฑ์การยื่นขออนุญาตตาม กม แข่งขัน ของประเทศสมาชิกก่อน
6 กันยายน ค.ศ.2024 --- EU Commission เพิกถอนคำสั่งห้ามการควบรวม จ่ายค่าปรับคืน พร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ควบรวม
นี่ไม่ใช่คดีแรกที่ EU Commission ถูกศาลพิพากษาว่ามีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถึงแม้ผู้ประกอบธุรกิจจะสามารถฟ้องคดีละเมิดต่อศาล EU เพื่อเรียกค่าเสียหายจาก EU Commission ได้ แต่โดยปกติแล้วศาล EU ตั้งมาตรฐานการพิจารณาองค์ประกอบความรับผิดในคดีละเมิดโดยเจ้าหน้าที่ไว้สูงมาก เพราะถ้าปล่อยให้ EU Commission จ่ายค่าเสียหายได้โดยง่าย การทำงานของ EU Commission จะเป็นไปไม่ได้เลย เท่ากับเป็นการจูงใจให้ EU Commission อยู่เฉย ๆ ไว้ก่อน
และผมก็ไม่เห็นข่าวว่าเจ้าหน้าที่ของ Autorité de la concurrence ของฝรั่งเศสที่ส่งเรื่องไปยัง EU Commission โดยไม่มีอำนาจ จะถูกผู้ควบรวมเล่นงานด้วยคดีอาญาหรือฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นคดีละเมิดโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ในศาลฝรั่งเศส
กสทช และ กขค ก็เหมือน EU Commission คือต้องใช้อำนาจปกครองตามกฎหมายเพื่อทำหน้าที่รักษาตลาดให้มีการแข่งขันโดยการควบคุมพฤติกรรมของผู้ประกอบธุรกิจ
อย่างไรก็ดี หากฝ่ายปกครองมีการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมต้องถูกตรวจสอบโดยศาลที่มีอำนาจ บนพื้นฐานของกฎหมายที่เหมาะสม พร้อมกับบทลงโทษที่ได้สัดส่วนด้วย
การจะพิจารณาประเด็นว่าการออกหนังสือเตือนโดยสำนักงาน กสทช ไปยังผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ จนกระทบ True ID ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีประเด็นที่ต้องพิจารณาหลายประเด็นมาก เช่น อำนาจของคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง อำนาจของสำนักงาน กสทช อำนาจของกรรมการ (อ พิรงรอง) ซึ่งล้วนต้องอาศัยการตีความกฎหมายปกครองที่เป็นฐานอำนาจ
สิ่งที่สงสัยคือ นี่เป็นงานของศาลอาญาคดีทุจริตหรือไม่ และสามารถใช้มาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา โดยลำพังในการพิจารณาได้หรือไม่ หรือว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ศาลปกครองพิจารณาตรวจสอบการกระทำทางปกครองก่อน ถ้าคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตไม่ได้วินิจฉัยประเด็นขอบอำนาจของฝ่ายปกครอง “โดยละเอียด” หรือวินิจฉัยไม่ถูกต้อง คำพิพากษานั้นก็ไม่มีเหตุผลที่ควรรับฟัง และต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเต็มที่
อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่า การปล่อยให้ใช้ ม.157 ป.อาญา เล่นงานผู้ที่พยายามใช้กฎหมายเพื่อรักษาตลาดให้มีการแข่งขันอย่างเหมาะสม เปิดทางให้เขาต้องติดคุก มีคดีอาญาติดตัวไปตลอดชีวิต และต้องหลุดจากตำแหน่งกรรมการนั้น เท่ากับพยายามทำลายหน่วยงานรักษาการแข่งขัน เพื่อควบคุมตลาดเสียเอง ม.157 ป.อาญาจะกลายเป็นเครื่องมือทำลายการแข่งขัน นี่คือสิ่งที่สังคมควรได้รับใช่หรือไม่
และถ้าฝ่ายปกครองพยายามใช้กฎหมายเพื่อรักษาการแข่งขัน แต่ศาลที่มีอำนาจพิจารณาการกระทำทางปกครองวินิจฉัยว่าการกระทำนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฝ่ายปกครองมีความรับผิดอย่างไร จะต้องติดคุกและมีคดีอาญาติดตัวไปตลอดชีวิต หรือไม่
ถ้าสะใจกับการเห็นการลงโทษให้หนัก โดยไม่สนใจประเด็นการใช้มาตรวัดที่เหมาะสมเพื่อตรวจสอบการกระทำ ไม่สนใจการให้เหตุผลของศาล อ่านเพียงเอกสาร 3 หน้าก็ด่วยสรุปแล้วว่า อ พิรงรอง ต้องผิดและต้องลงโทษให้หนัก โดยไม่สนใจหลักความสัดส่วน
ถ้าต้องการกฎหมายแบบนี้ ถ้างั้นเราควรมีกฎหมายที่เขียนไปเลยว่า
ใครทำผิดกฎหมาย จับมันยิงเป้าให้หมด
ต้องการแบบนี้ใช่ไหม ถ้าใช่ ก็ไม่ต่างอะไรกับ สังคมของหมาข้างถนนที่กัดกันจนบาดเจ็บกันไปข้างนึง
ผมไม่ได้อยากเป็นหมาข้างถนนครับ
ไม่ว่าจะเป็นกรณีผู้ประกอบธุรกิจใช้ ม 157 ป อาญา ฟ้องหน่วยงานตรวจสอบ หรือกรณีเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานฟ้องกันเองโดยใช้ ม 157 โดยไม่จำเป็นและไม่มีขอบเขต ควรยกเลิกทั้งสิ้นครับ
https://www.facebook.com/kanoknaithawonphanit/posts/9161506560559238
