วันเสาร์, พฤศจิกายน 02, 2567

เจาะ 7 รัฐสมรภูมิ “สวิงสเตท" (swing state)” ชี้ชะตาเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024


ที่มา บีบีซีไทย

เจมส์ ฟิตซ์เกอรัลด์
บีบีซีนิวส์
1 พฤศจิกายน 2024

ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปีนี้ มีประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนประมาณ 240 ล้านคน แต่มีเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้นที่อาจกลายเป็นตัวชี้ขาดว่า ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีเพียงไม่กี่สมรภูมิที่เรียกว่า “สวิงสเตท (swing state)” หรือรัฐที่พรรคการเมืองได้รับคะแนนสนับสนุนสูสีกัน ซึ่งทั้งนางกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน อาจได้รับชัยชนะในรัฐเหล่านั้นได้

สวิงสเตทที่กุมกุญแจสู่ทำเนียบขาวนั้นมีทั้งหมด 7 รัฐ ได้แก่ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน

ดังนั้น การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของทั้ง 2 พรรค จึงมุ่งเป้าหมายไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจในรัฐเหล่านี้

รัฐแอริโซนา
จำนวนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี: 11 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
จำนวนประชากร: 7.4 ล้านคน
ผู้ชนะในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2020: ไบเดน ชนะไป 10,000 เสียง

ด้วยแรงสนับสนุนจากรัฐแห่งนี้ ส่งผลให้พรรคเดโมแครตคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีในปี 2020 มาได้ด้วยคะแนนเฉียดฉิว ซึ่งเป็นครั้งแรกผู้สมัครตัวแทนของพรรคนี้ได้รับเลือกนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990

รัฐแอริโซนามีพรมแดนติดกับเม็กซิโกเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร และกลายเป็นจุดโฟกัสในการดีเบตระดับชาติที่เกี่ยวกับประเด็นการอพยพเข้าเมือง ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ลงคะแนนเสียงกังวลมากที่สุดเช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมาเคยทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์อยู่หลายครั้ง แม้ว่าในไม่กี่เดือนที่ผ่านมายอดผู้ข้ามแดนเข้ามาจะลดลงแล้วก็ตาม

ขณะเดียวกัน ทรัมป์เองก็กล่าวโจมตีแฮร์ริสซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยการหยิบยกสถิติผู้อพยพที่สูงเป็นประวัติการณ์ภายใต้การดูแลของเธอ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนมอบหมายงานให้เพื่อบรรเทาวิกฤตที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนของสหรัฐฯ

ทรัมป์ก็ยังให้คำมั่นด้วยว่าจะดำเนินการ “ปฏิบัติการเนรเทศครั้งใหญ่ที่สุด” ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ หากเขาได้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง

รัฐแอริโซนายังเผชิญกับความขัดแย้งอย่างรุนแรงในประเด็นการเข้าถึงสิทธิยุติการตั้งครรภ์ หลังจากผู้แทนจากพรรครีพับลิกันของรัฐพยายามนำคำสั่งห้ามทำแท้งซึ่งเป็นกฎหมายเก่าแก่กว่า 160 ปี กลับมาใช้ แต่ไม่สำเร็จ

นับตั้งแต่ปี 2022 พบว่าประเด็นนี้ทำให้เกิดการแบ่งขั้วมากยิ่งขึ้น เมื่อศาลสูงสหรัฐฯ มีคำพิพากษาซึ่งถือเป็นการล้มล้างคำพิพากษาคดีในอดีตซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ Roe v Wade ที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว ซึ่งในครั้งนั้นชี้ว่า การทำแท้งไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ผลของคำพิพากษาล่าสุดถือเป็นการตัดสิทธิผู้หญิงในการทำแท้ง




รัฐจอร์เจีย
จำนวนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี: 16 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
จำนวนประชากร: 11 ล้านคน
ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2020: ไบเดน ชนะไป 13,000 เสียง

รัฐสมรภูมิแห่งนี้คือรัฐที่ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของทรัมป์พยายามขัดขวางชัยชนะการเลือกตั้งของนายไบเดนเมื่อปี 2020

ทรัมป์ถูกกล่าวหาในคดีอาญา 4 คดี (เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีเดียว ขณะที่คดีอื่น ๆ ยังดำเนินอยู่ไต่สวนอยู่) และหนึ่งในนั้นเกิดที่ฟุลตันเคาน์ตี้ของรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเลือกตั้ง โดยเขาและอีก 18 คน ถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดเพื่อพลิกความพ่ายแพ้ต่อนายไบเดนที่เกิดขึ้นอย่างหวุดหวิดในรัฐนี้ โดยทรัมป์ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และดูเหมือนว่าคดีนี้จะยังไม่ได้รับการพิจารณาในศาลก่อนการเลือกตั้งที่กำลังมาถึง

1 ใน 3 ของประชากรรัฐจอร์เจียเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสัดส่วนของคนผิวดำที่มากที่สุดในประเทศ และเชื่อกันว่ากลุ่มนี้มีส่วนสำคัญที่ช่วยพลิกผลการเลือกตั้งของนายไบเดนในรัฐนี้เมื่อปี 2020

แต่ก็มีรายงานออกมาว่า ผู้มีสิทธิเลือกผิวดำจำนวนหนึ่งรู้สึกผิดหวังกับนายไบเดน แต่ทีมหาเสียงของนางแฮร์ริสคาดหวังว่าจะสามารถปลุกเร้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มนี้ได้


(ทรัมป์ถูกกล่าวหาใน 4 คดี และหนึ่งในนั้นเกิดขึ้นในรัฐจอร์เจีย)

รัฐมิชิแกน
จำนวนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี: 15 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
จำนวนประชากร: 10 ล้านคน
ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2020: ไบเดน ชนะไป 150,000 เสียง


รัฐที่มี 1 ใน 5 ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือแห่งนี้ ได้เลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ชนะการเลือกตั้งในสองครั้งล่าสุด และแม้ว่าพวกเขาจะสนับสนุนนายไบเดนเมื่อปี 2020 แต่ต่อมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของหัวหอกการประท้วงการสนับสนุนอิสราเอลของประธานาธิบดีไบเดน ต่อกรณีสงครามในฉนวนกาซา

ในระหว่างการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตในรัฐมิชิแกนเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 100,000 คนได้เลือกกาช่อง “uncommitted” (คล้าย ๆ กับช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนของไทย) ในบัตรเลือกตั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่ต้องการเคลื่อนไหวให้รัฐบาลสหรัฐฯ หยุดส่งความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอล

นอกจากนี้ รัฐมิชิแกนยังมีสัดส่วนประชากรชาวอาหรับ-อเมริกันมากที่สุดในประเทศ ดังนั้นจึงอาจบอกได้ว่าเสียงที่เคยสนับสนุนนายไบเดนอาจกำลังแปรเปลี่ยน แต่นางแฮร์ริสเริ่มมีท่าทีที่แข็งกร้าวต่ออิสราเอล และผู้ประท้วงในฉนวนกาซาบางคนยังบอกกับบีบีซีด้วยว่า พวกเขาคาดหวังว่านางกมลาจะเห็นอกเห็นใจต่อจุดยืนของพวกเขามากขึ้น

ส่วนทรัมป์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของมิชิแกนในฐานะรัฐที่ปูทางไปสู่ชัยชนะ โดยเขาให้ความเห็นต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเรียกร้องให้อิสราเอลบรรลุปฏิบัติการเด็ดหัวกลุ่มฮามาสในกาซา “ให้ไว”


(นโยบายเกี่ยวกับตะวันออกกลางของประธานาธิบดีไบเดนถูกกระแสตีกลับอย่างหนักในมิชิแกน)

รัฐเนวาดา
จำนวนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี: 6 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
จำนวนประชากร: 3.2 ล้านคน
ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2020: ไบเดน ชนะไป 34,000 เสียง


รัฐเนวาดาหรือที่เรียกกันอีกชื่อคือ "ซิลเวอร์สเตท" ได้ลงคะแนนให้พรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่มีสัญญาณว่ามันอาจพลิกผันไปเป็นของพรรครีพับลิกันก็ได้

จากผลสำรวจล่าสุดโดย 538 ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจความคิดเห็นประชาชน ชี้ว่า มีครั้งหนึ่งที่ทรัมป์เคยมีคะแนนนำไบเดนอย่างมาก แต่ความได้เปรียบนั้นกลับหดตัวลงหลังแฮร์ริสกลายมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งหวังว่าผู้สมัครของพรรคจะสามารถดึงดูดคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่และมีความหลากหลายมากกว่า เพื่อปิดช่องว่างระหว่างผู้ชิงชัยของทั้ง 2 พรรค

โดยผู้สมัครทั้งสองกำลังห้ำหั่นกันเพื่อเอาชนะใจประชากรชาวละตินในรัฐเนวาดา อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นและเพิ่มตำแหน่งงานจำนวนมาก นับตั้งแต่ไบเดนขึ้นเป็นประธานาธิบดี แต่รัฐเนวาดายังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ช้ากว่าที่อื่นอย่างมาก และมีอัตราการว่างงานสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ รองจากรัฐแคลิฟอร์เนีย และเขตการปกครองพิเศษโคลัมเบียหรือกรุงวอชิงตัน จากข้อมูลของสำนักงานสถิติของสหรัฐฯ

หากทรัมป์ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง เขาสัญญาว่าจะลดภาษีทั่วประเทศและลดกฎระเบียบต่าง ๆ ให้เหลือน้อยลง


(รัฐเนวาดาเลือกพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แต่หลังโควิด-19 รัฐนี้ฟื้นตัวจากวิกฤตได้ช้ามากกว่าที่อื่น ๆ)

รัฐนอร์ทแคโรไลนา
จำนวนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี: 16 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
จำนวนประชากร: 10.8 ล้านคน
ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2020: ทรัมป์ ชนะไป 74,000 เสียง


ดูเหมือนว่าผลการสำรวจความคิดเห็นจะชี้ว่า แฮร์ริสอาจตรึงความนิยมในรัฐนอร์ทแคโรไลนาไว้ได้ หลังเธอขึ้นมาเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตซึ่งในตอนนี้นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งออกมาบอกว่า “มีโอกาส 50:50” ที่เธอจะคว้าชัยในรัฐนี้

นี่จึงสะท้อนให้เห็นว่า เหตุใดทรัมป์เลือกเดินสายไปที่นั่นเพื่อจัดการหาเสียงกลางแจ้งเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดความพยายามลอบสังหารตัวแทนจากรีพับลิกันผู้นี้เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา

“รัฐนี้เป็นรัฐขนาดใหญ่มาก ๆ ที่จะชนะ” เขาบอกกับฝูงชน

ในคืนสุดท้ายของการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ทางพรรคตัดสินใจมอบเวทีให้กับ รอย คูเปอร์ ผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนา

แต่เนื่องจากรัฐนอร์ทแคโรไลนามีเขตติดต่อกับรัฐจอร์เจีย ทำให้ทั้งสองรัฐมีประเด็นหาเสียงเลือกตั้งคล้าย ๆ กัน เช่นเดียวกับแอริซานา ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐที่เรียกว่า ซันเบลท์สเตท (Sun belt state) หรือกลุ่มรัฐในแถบตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งมีอากาศค่อนข้างอุ่น ไม่ไร้แดด

แม้ทรัมป์จะครองเสียงสนับสนุนจากรัฐนอร์ทแคโรไลนาเมื่อปี 2020 แต่ก็เฉือนชนะไปด้วยคะแนนมากกว่า 70,000 เสียง ซึ่งทำให้ทางเดโมแครตมีความหวังมากว่าอาจจะคว้าชัยชนะได้ใน “รัฐสีม่วง” (หมายถึงรัฐที่สามารถลงคะแนนให้รีพับลิกันหรือเดโมแครตก็ได้)

รัฐเพนซิลเวเนีย
จำนวนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี: 19 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
จำนวนประชากร: 13 ล้านคน
ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2020: ไบเดน ชนะไป 82,000 เสียง


(เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ทรัมป์รอดจากความพยายามลอบสังหารระหว่างการหาเสียงในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย)

ทั้งสองพรรคพยายามหาเสียงอย่างแข็งขันในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นที่ที่โดนัลด์ ทรัมป์ รอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารครั้งแรก

รัฐนี้พิสูจน์แล้วว่ามีความสำคัญในการเลือกตั้งปี 2020 โดยให้คะแนนหนุนนายไบเดน ซึ่งเขามักจะพูดเชื่อมโยมปูมหลังของเขาเข้ากับชนชั้นแรงงานในเมืองสแครนตันซึ่งเป็นที่ที่เขาเติบโตมา

ปัญหาเศรษฐกิจเป็นประเด็นหาเสียงอันดับต้น ๆ ของรัฐนี้ เช่นเดียวกับรัฐอื่น ๆ อีกมายมาย โดยอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นมากภายใต้การบริหารของนายไบเดน ซึ่งต่อมาเริ่มลดลงในภายหลัง

รัฐเพนซิลเวเนียยังไม่ค่อยรู้สึกถึงแรงค่ากดดันจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นเหมือนกับชาวอเมริกันในที่อื่น ๆ แต่ข้อมูลของ Datasembly ชี้ให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อทำให้ราคาสินค้าต่าง ๆ ในร้านค้าต่าง ๆ ของรัฐนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่ารัฐอื่น ๆ ของสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ บีบีซีได้รายงานว่า ผู้คนกำลังดิ้นรนอย่างหนักเช่นไรในเมืองอิรี ซึ่งเป็นเขตสำคัญสำหรับส่วนที่เหลือของรัฐเพนซิลเวเนีย โดยพบว่า 1 ใน 8 คน ไม่มีความมั่นคงทางอาหาร


อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วสหรัฐฯ อาจส่งผลเสียต่อคะแนนความนิยมของนางแฮร์ริส เนื่องจากผลสำรวจความเห็นชี้ให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งอาจใช้เรื่องนี้มาตัดสินใจลงคะแนนเสียงในคูหา

ด้านทรัมป์พยายามโจมตีกมลา โดยแขวนเธอคู่ไว้ผลลัพท์ทางเศรษฐกิจของไบเดน


(พรรครีพับลิกันเลือกเมืองมิลวอกีสำหรับการจัดประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อปี 2024)

รัฐวิสคอนซิน
จำนวนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี: 10 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
จำนวนประชากร: 5.9 ล้านคน
ผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2020: ไบเดน ชนะไป 21,000 เสียง


รัฐวิสคอนซินก็เป็นหนึ่งรัฐที่ผู้ชนะเป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2016 และ ปี 2020 ด้วยส่วนต่างคะแนนเสียงมากกว่า 20,000 เศษ ๆ ในแต่ละครั้ง

ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่า รัฐชายขอบแห่งนี้ ตัวแทนจากพรรคที่ 3 อาจส่งผลสะเทือนให้กับผู้สมัคร 2 พรรคใหญ่ได้ด้วยการหาเสียงที่ต่อต้านนโยบายของทั้งสองพรรค

ผลสำรวจความเห็น เผยให้เห็นว่า ผู้สมัครอิสระอย่างนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ได้รับเสียงสนับสนุนจำนวนมากซึ่งอาจส่งผลเสียต่อคะแนนเสียงของทรัมป์และแฮร์ริส โดยเคนเนดียุติการหาเสียงเมื่อปลายเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา และสนับสนุนรับรองทรัมป์

ด้านเดโมแครตพยายามเขี่ย จิลล์ สเตอิน ผู้สมัครของพรรคกรีน ให้ออกจากการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยบอกว่า พรรคดังกล่าวไม่ทำตามกฎหมายเลือกตั้งของรัฐ และยื่นเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งต่อ คอร์เนล เวสต์ นักวิชาการเอียงซ้ายด้วย

ทรัมป์กล่าวว่ารัฐนี้ “มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากเราชนะวิสคอนซิน เราก็ชนะยกกระดาน” ในการประชุมแห่งชาติของพรรครีพับลิกันซึ่งจัดขึ้นเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา ในเมืองมิลวองกีซึ่งเป็นเมืองเดียวกันกับประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตเสนอชื่อแฮร์ริสเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดี


(กมลา แฮร์ริส ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนของพรรคในการชิงชัยประธานาธิบดี ขณะที่เธอหาเสียงอยู่ที่เมืองมิลวอกี)