วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 11, 2561

ยังถกกันไม่จน ‘สิทธิ’ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เผด็จการ ทำให้พรรคการเมือง ‘รุ่นใหม่’ หน้าม้าน


ลิบร่าน ยังถกกันไม่จน เรื่อง สิทธิ ในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เผด็จการ กับสิทธิในการ จิก พรีเซ็นเตอร์นั้น จนทำให้พรรคการเมือง รุ่นใหม่ หน้าม้าน

บอกแล้วไงว่าฟัดกันทางความคิดเป็นธรรมดาของประชาธิปไตย แต่ถึงกับต้อง หย่าร้าง ก็อาจไม่อบอุ่นกับลูกเต้า แม้บางทีจะดีกับต่างฝ่ายที่แยกทางกันไป

แต่อดไม่ได้ที่สอดไปฟังเขาจรรโลง ไอเดีย หลากหลาย อาจได้มาไม่หมด เอาแค่ที่คุ้นๆ เคยๆ เชื่อว่าพอเป็นกระสายให้แตกดอกออกหน่อ และต่อไปถึง เบ่งบาน จนได้

เริ่มที่ สุรพศ ทวีศักดิ์ ก่อนแล้วกัน แกว่า “ถ้าสังคมไทยแบ่งเป็นฝ่ายแบบนี้

ฝ่ายหนึ่งยืนยัน #สิทธิสนับสนุนเผด็จการ (สิทธิในการสนับสนุนการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ) อีกฝ่ายหนึ่งยืนยัน #สิทธิต่อต้านเผด็จการ (สิทธิในการยกเลิกระบบอำนาจที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพ เพื่อให้สามารถมีสิทธิและเสรีภาพได้จริง)

แล้วยังมีกลุ่มคนที่อ้างว่าพวกตนมี #สิทธิทำรัฐประหาร ถ้าการเมืองมีปัญหา มหากาพย์ของการต่อสู้ปกป้อง สิทธิ ตามความหมายของใครของมันแบบนี้ คงยืดเยื้อยาวนาน 55

ก็ได้เห็น Pruay Saltihead พูดบ้าง “ผมโอเคนะ ถ้าจะให้เสรีภาพกับคนที่จะแสดงความคิดเห็นสนับสนุนเผด็จการ แต่ขอนิดนึง เวลาพวกคุณจะใช้เสรีภาพในการพูดเพื่อสนับสนุนเผด็จการนี่ คุณช่วยบอกเผด็จการหน่อยได้มั้ยว่า

ไอ้อำนาจเผด็จการที่พวกเผด็จการจะใช้และเรากำลังสนับสนุนอยู่นี่ ช่วยใช้แต่เฉพาะผู้ที่สนับสนุนเผด็จการเท่านั้น อย่าไปใช้แก่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยหรือผู้ต่อต้านอำนาจเผด็จการ โอเคมั้ย”

เลยถึงที Nithinand Yorsaengrat บ้าง เธอร่ายยาวสองสามตอน อย่างได้เนื้อๆ เยอะ นับแต่ประเด็น ชอบเผด็จการ“ก็ต้องปล่อยเขาไป เขาควรมีสิทธิคิด เชื่อต่างจากเราได้

แต่หากเขาร่วมลงมือฆ่าคนคิดต่าง สนับสนุนการทำร้าย จับกุมคุมขัง เข่นฆ่าคนคิดต่าง มันย่อมไม่ใช่สิทธิ” นั่นหมายถึง “การสนับสนุนเผด็จการชุดนี้ในทุกกรณี คือการสนับสนุนการจับกุมคุมขัง เข่นฆ่า ทำร้ายคนคิดต่าง ดังนั้นการนิยมเผด็จการชุดนี้จึงไม่อาจเรียกว่าเป็นสิทธิ”

เอาละสิ ชักจะเริ่ม complex วกวนเล็กน้อยแล้วนิ นิธินันท์จึงยกเอาคำของ คำ ผกาหรือลักขณา ปันวิชัย มาสรุปว่า “ประชาธิปไตยไม่ทำร้ายคนคิดต่าง แต่เราจะไม่ใช้คำว่า สิทธิในการสนับสนุนเผด็จการ”

ก็ยังไม่ ชั๊ว อยู่ดี เพราะมี Thanapol Eawsakul อีกคน พูดน้อยต่อยแรง แกอ้างโวลแตร์เชียวละ “ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยเลยกับสิ่งที่ท่านพูด แต่ข้าพเจ้าขอปกป้องสิทธิ ในการพูดของท่านด้วยชีวิต” ซึ่งไม่วายแถม ปล. เข้าให้

ว่าถึงแม้ “มีคนบอกว่า ว อ ล แ ต ร์ ไม่ได้พูด แต่สาระสำคัญยังคงอยู่” เลยได้ Chamnan Chanruang มาย้ำ “ใช่ครับ Voltaire ไม่ได้พูดแต่ Evelyn คนเขียนหนังสือที่เกี่ยวกับเขาได้เขียนประโยคนี้ด้วยความผิดพลาด และเธอได้ออกหนังสือขออภัยที่ทำให้เข้าใจผิดว่าประโยคนี้เป็นของ Voltaire

จึงมี Apirux Wanasathop มากวนบ้าง “เชอปัง ที่ไปสนับสนุนเผด็จการ นี่ไม่จำเป็นต้องให้ พักสีส้ม มาปกป้องสิทธิในการพูดของเธอหรอกครัช ไม่จำเป็นเลย 112 สิครัช ที่ผู้ที่ปกป้องสิทธิในการพูดของเชอปังถอยกรูดๆ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มพูดหรือเพียงแต่ กระชิบว่าน่าเอามาถกกัน”

เอาละ กลับมาจากข้างทางอีกที นิธินันท์ โพสต์เรียกตรีนใหม่ว่า หลังจากขบข้อมูล “จนเข้าใจแล้วนั้น” ไอ้ที่เถียงๆ กันมานั่น “ดิฉันเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ” (หวังว่า ปกติ กับ ธรรมดา คงจะเหมือนกันเนอะ เพราะเธอชี้ว่า “กว่าความคิดต่างๆ จะตกผลึกเข้าที่ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องโต้เถียงกัน”)
 
นิธินันท์สรุปอีกที สี่ห้าข้อ เช่น คริสพลาดที่ไปจวกปวิน (ว่าล้ำเส้น) แล้วไสส่งโดยอ้างตนเป็น ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค “ปกป้องเฌอปรางและคะแนนเสียงของเหล่าโอตะโดยไม่คำนึงถึงนโยบายต่อต้านเผด็จการ” จนทำให้ความหนักอกตกอยู่กับ ธนาธร
 
สำหรับกรณีการแถลงสองสามหนของ ช่อโฆษกพรรค นิธินันท์ไม่เห็นว่า พูดผิดแต่การประกาศในนามพรรค “ก็เป็นเรื่องไม่จำเป็นต้องพูด” อย่างที่บุราณว่า “นิ่งเสียตำลึงทอง” ถ้าเพิ่มเติมสักนิดว่า “พรรคอนาคตใหม่ยืนยันชัดเจนว่าไม่สนับสนุนเผด็จการ อาจเข้าใจง่ายกว่า”
 
ลงท้ายที่ว่า “ความอ่อนด้อย ความผิดพลาดต่างๆ ทึ่เกิดขึ้นเป็นปกติของมนุษย์ที่มาร่วมงานกัน...ถ้าไม่ทำผิดแบบเดิมซ้ำซาก ดิฉันไม่เห็นเหตุที่จะตัดรอน”


น่าเสียดายก็ตรงที่ ปวิน ตัดไลน์ออกไปเสียแล้ว