คำพูดของนายกฯ ก็ชัดเจนดี ทำให้น่าเชื่อว่าจะไม่มีอะไรตุกติก แต่ก็นะ มันได้มีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแล้วจนได้ เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนหาข้อสรุปว่าจะใช้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญแบบใด รูปแบบกรรมาธิการหรือว่าสมัชชา (สสร.)
ในการประชุมกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ ๗ พ.ย. ช่วงเช้ามีการอภิปรายเสนอแนวคิดต่างๆ กันอย่างคึกคัก ถึงเวลาเที่ยงจะทำการลงมติว่าจะรับข้อเสนออันไหน จึงต้องมีการนับองค์ประชุม ปรากฏว่ามีกรรมาธิการอยู่ในห้องประชุมเพียง ๒๐ คน จาก กมธ.ทั้งสิ้น ๔๓ คน
ไม่ครบองค์ประชุม ต้องเลื่อนไปนัดประชุมใหม่เช้าวันที่ ๑๒ พ.ย. โดยจะเริ่มลงมติกันเลย พบว่ากรรมาธิการที่ไม่ได้อยู่ลงมติเป็นสมาชิกวุฒิสภาและ สส.ฝ่ายรัฐบาล เลยเป็นที่ติฉินว่าทั้งกรรมการฝ่ายรัฐบาลและ สว. รวมหัวกันเตะถ่วงการแก้ รธน.
ขัตติยา สวัสดิผล หนึ่งในกรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทยถามหา ‘สามัญสำนึก’ ในการทำหน้าที่กรรมาธิการของผู้ขาดประชุมว่าอยู่ตรงไหน รัฐบาลและวุฒิสภา “เลือกใช้เกมการเมืองถ่วงเวลา” น่าห่วงว่าการแก้ รธน. “ว่าจะเดินถึงปลายทางหรือไม่”
ด้าน สว.นั้น พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ กรรมาธิการจากวุฒิสภาชี้แจงว่า “ไม่ได้มีเจตนาเตะถ่วงใดๆ ทั้งสิ้น” เพียงแต่ยังไม่เห็นความชัดเจน จากร่างฯ ของ พริษฐ์ วัชรสินธุ ที่ใช้เป็นร่างหลัก “ไม่ใช่ว่าอ่านแล้วจะเข้าใจได้ทันที เพราะมีการเชื่อมโยงกันหลายมาตรา”
นายพิสิษฐ์บอกว่า “สว.หลายคนมีความกังวล...ก็เลยไม่กล้าโหวต” อย่างนี้ก็มีด้วย สว.สีน้ำเงินของไทย ที่มาจากการฮั้วเลือกกันเองเข้ามา
(https://ch3plus.com/news/political/morning/451173, https://prachatai.com/journal/2025/11/115411 และ https://prachatai.com/journal/2025/11/115412)
