วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 02, 2568

คนที่อยากจะให้เค้าติดคุก ต้องถามว่าจิตใจทำด้วยอะไร 🙄😔😞 “ทิวากร” อายุครบ 50 ปี ในคุกมาตรา “112” ปีที่สอง


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
Yesterday
·
“ไม่ควรมาอยู่ที่นี่แม้แต่วันเดียว”: “ทิวากร” อายุครบ 50 ปี ในคุกมาตรา “112” ปีที่สอง ท่ามกลางการควบคุมที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
.
.
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2568 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “ทิวากร วิถีตน” บัณฑิตทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ และเกษตรกรชาวขอนแก่นวัย 50 ปี ที่ถูกคุมขังในทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ระหว่างฎีกาในคดีมาตรา 112
.
ทิวากรต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. 2567 ภายหลังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำพิพากษาแตกต่างจากคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่เคยตัดสินยกฟ้อง โดยกลับเป็นว่าเขามีความผิดและลงโทษจำคุกรวม 6 ปี
.
การพบกันครั้งนี้เป็นวาระก่อนครบวันเกิดอายุ 50 ปีของเขาในวันที่ 31 ตุลาคม วันเกิดครั้งที่สองที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในกำแพงเรือนจำ ทิวากรพูดถึงความรู้สึกที่ “ไม่ควรมาอยู่ที่นี่แม้แต่วันเดียว” ทั้งการถูกควบคุมเข้มงวดมากขึ้นหลังวันที่ 19 ก.ย. 2568 ที่มีการเข้าเยี่ยม การถูกเจ้าหน้าที่ยึดสมุดและปากกาที่ทำให้การเตรียมคดีชั้นฎีกาเกิดอุปสรรค ความคิดถึงพ่อแม่ที่ไม่ได้มาเยี่ยมราวสองเดือน และการยื่นขอประกันตัวที่ถูกปฏิเสธไปแล้ว 10 ครั้ง แต่เขายืนยันว่าจะยื่นต่อไปทุกเดือนจนกว่าจะหมดสิทธิตามกฎหมาย
.
ในภาพรวม ทิวากรยังคงมีกำลังใจดี ร่างกายแข็งแรงขึ้นจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ แม้จะมีอาการไอเล็กน้อย และยังคงเชื่อมั่นว่าจะชนะคดีในชั้นฎีกา ท่ามกลางความกังวลลึก ๆ ว่าคดีและตัวเขาอาจถูกใช้เป็น ตัวอย่างเชิงลงโทษ หรือ “เชือดไก่ให้ลิงดู”
.
แต่เขายังใช้เวลา 444 วันแห่งการคุมขังด้วยการอ่านหนังสือเกี่ยวกับเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน พร้อมย้ำอีกครั้งว่า “ไม่ควรจะมาอยู่ในคุกแม้แต่วันเดียว”

______________________________

เมื่อเดินเข้าไปในห้องเยี่ยม พบทิวากรที่มีทรงผมสกินเฮด โดยผมขาวแซมดำ ใบหน้าคล้ำ รูปร่างผอม ทิวากรยิ้มให้ ท่าทีดูมีความหวังขึ้นมาบ้างว่า อาจมีข่าวคืบหน้ามาบอก
.
เขาเริ่มต้นด้วยคำถามที่กลายเป็นเหมือนพิธีกรรมประจำทุกครั้ง สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนพี่น้องคนอื่น ๆ เป็นอย่างไรบ้าง คดีไปถึงไหนแล้ว ข่าวการเมืองเป็นอย่างไร
.
“ปีนี้เป็นวันเกิดครั้งที่สองที่ต้องอยู่ในเรือนจำ” เขาเริ่มต้นบทสนทนา ประโยคเดียวที่ติดอยู่ในหัวเขาคือ “ไม่ควรมาอยู่ที่นี่แม้แต่วันเดียว”
.
ทิวากรยืนยันว่าการถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 นั้นไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของคดี เพราะเขาไม่ได้กล่าวถึงพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาทโดยเฉพาะ หากแต่เป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบันฯโดยรวม แต่ศาลกลับตีความบทบัญญัติอย่างขยายกว้าง แทนที่จะตีความโดยเคร่งครัดตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย
.
กับชีวิตข้างในเรือนจำเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงอายุ 49 ปี ถึง 50 ปี การถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทำให้ความรับรู้ข่าวสารและสติปัญญาถูกลดทอน เขาเล่าว่าภายในเรือนจำมีการเผยแพร่เฉพาะสื่อแนวอนุรักษ์นิยม เช่น รายการสวดมนต์ เพลงสรรเสริญ และข่าวเชิงรักชาติ หนังสือที่อ่านได้มีจำกัด และในช่วงเวลา 16.00 น. ถึง 18.00 น. ก่อนเข้าห้องนอน จะไม่อนุญาตให้อ่านหนังสือ
.
สำหรับวันเกิดปีนี้ แม้ญาติบางคนจะซื้อเค้กมาเยี่ยม แต่เขาไม่อยากจัดงานวันเกิดในคุก เพราะตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยฉลอง “สิ่งเดียวที่อยากทำคืออยู่กับพ่อแม่ ซึ่งไม่ได้มาเยี่ยมราวสองเดือนแล้ว อยากรู้ว่าท่านทั้งสองเป็นอย่างไร”
.
ทิวากรยังกล่าวอีกว่าหากได้รับอิสรภาพ เขาอยากกลับไปทำงานที่ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพื่อสะสางงานที่ค้างไว้ตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับอาจารย์
.
ช่วงเวลาในเรือนจำผ่านไปอีกระยะ สิ่งที่ทิวากรคิดถึงนอกจากอิสรภาพนั่นคืออาหารที่อยากรับประทาน โดยเฉพาะ ‘ส้มตำ’ ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด
.
ก่อนบทสนทนาจบเรื่องราวเกี่ยวกับวันเกิด เขาฝากข้อความถึงครอบครัวว่า “ให้ดูแลตัวเองให้ดี อย่าประมาทกับชีวิต รักษาสุขภาพ และมีกำลังใจต่อสู้กับปัญหา ไม่ต้องเป็นห่วงผม”
.
เขายังเล่าถึงชีวิตในเรือนจำที่ยืนยันข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า ผู้คุมได้ยึดสมุดและปากกาที่ใช้จดบันทึกประเด็นพูดคุยกับทนายความ โดยให้เหตุผลว่าเป็นระเบียบ ห้ามนำเครื่องเขียนเข้าระหว่างการเข้าเยี่ยม ส่งผลให้การเตรียมคดีชั้นฎีกาเกิดอุปสรรคอย่างมาก
.
“เวลาพบทนาย ความจริงเราอยากจดบันทึกประเด็นสำคัญเพื่อใช้ต่อสู้คดี แต่เมื่อถูกห้าม ก็ต้องจำทุกอย่างไว้ในหัว ซึ่งเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อมีรายละเอียดพยานเอกสารและข้อเท็จจริงมากมาย” ทิวากรสะท้อนไว้อีกตอน
.
เขาอธิบายว่าหลังจากวันที่ 19 ก.ย. 2568 เป็นต้นมา รู้สึกว่าถูกควบคุมเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่อาบน้ำ ซึ่งจากเดิมสามารถล้างมือหรือแปรงฟันได้ในอ่างล้างมือ แต่ปัจจุบันกลับไม่อนุญาตให้ใช้ ต้องไปใช้สถานที่อื่นแทน นอกจากนี้เอกสารส่วนตัวบางส่วนที่เคยเก็บไว้ในล็อกเกอร์ก็ถูกผู้คุมสั่งให้นำออก
.
กับอีกเรื่องสำคัญ ยังไม่พ้นเรื่องของสิทธิประกันตัว ทิวากรนับว่าได้ยื่นขอแล้ว 10 ครั้ง และถูกปฏิเสธทุกครั้ง ศาลให้เหตุผลว่า ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่าจะใช้สิทธิตามกฎหมายยื่นขอประกันตัวต่อไปทุกเดือน เพราะเชื่อว่าการพิจารณาให้ประกันขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น มากกว่าพฤติการณ์ส่วนบุคคล
.
เมื่อพูดถึงความเชื่อมั่นในการต่อสู้คดี ทิวากรยังคงมั่นใจว่าจะชนะคดีในชั้นฎีกา แต่ก็ยอมรับว่าลึก ๆ มีความกังวลใจอยู่ว่าอาจถูกใช้เป็น ตัวอย่างเชิงลงโทษ เขากล่าวเปรียบเปรยว่า เหมือนการเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อให้ผู้อื่นไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์อีก
.
ทิวากรยังเล่าถึงเรื่องสุขภาพร่างกาย ระบุว่าช่วงนี้มีอาการไอ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปในเรือนจำ อาจเกิดจากสภาพอากาศภายใน แต่สุขภาพโดยรวมดีขึ้น เพราะได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ค่อยมีอาการหน้ามืดเช่นช่วงแรก ร่างกายดูจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้แล้ว แม้จิตใจจะยังไม่ยอมรับความจริงที่ว่าต้องอยู่ที่นี่
.
ทิวากรเอ่ยว่า การอยู่ในเรือนจำทำให้ “ถูกลดทอนสติปัญญาและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากโลกภายนอก” หากได้รับอิสรภาพจะต้องเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่พัฒนาไปไกลในช่วงเวลาที่ถูกจองจำ แต่เขาไม่ได้ปล่อยให้เวลาเลยผ่าน ยังคงฝึกตัวตนผ่านการอ่านหนังสือ
.
เขาเอ่ยถึงเล่มที่อ่านหลายรอบคือ The First American: The Life and Times of Benjamin Franklin และ Fight for Freedom: The American Revolutionary War ว่าด้วยแนวคิดเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และการต่อสู้ทางการเมือง
.
ในห้วงวันเกิดปีที่อายุ 50 ทิวากรฝากข้อความว่า “คิดถึงโซเชียล คิดถึงการเล่นมือถือ อินเทอร์เน็ต คิดถึงแฟนเก่า คิดถึงพ่อแม่มาก กำลังใจยังดีเสมอ” ทั้งยืนยันก่อนจากกันอีกครั้งว่า “ผมไม่ควรจะมาอยู่ในคุกแม้แต่วันเดียว”
.
.
อ่านเนื้อบนเว็บไซต์

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1232771002026701&set=a.656922399611567