
ปกป้อง จันวิทย์ - Pokpong Junvith
Yesterday
·
รัฐธรรมนูญแห่งอนาคต #2 : โมเดลจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมเต็มที่ แม้ถูกห้ามเลือก สสร. โดยตรง
"รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง" -- ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้คำตอบที่ไม่มีคนถามไว้เมื่อวานนี้
โจทย์ของสังคมการเมืองไทยในวันนี้คือ แล้วเราจะออกแบบกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร โดยที่ "ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ" (คำของศาลรัฐธรรมนูญเองในคำวินิจฉัยที่ 4/2564) มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และเป็นเวทีเปิดที่ทุกฝ่ายต่อรองกันได้อย่างเสมอหน้า จนสามารถนำไปสู่สัญญาประชาคมใหม่ที่ยอมรับร่วมกัน มีความชอบธรรม และตอบโจทย์แห่งอนาคตได้
จากที่คำตอบเดิมคือการชูธงผลักดันให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ทีนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญขวางกั้นเส้นทางนั้นแล้ว เราจะทำอย่างไรต่อเพื่อรักษาสปิริตการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนอยู่ในสมการและเป็นองค์ประธานเอาไว้ให้ได้
ในเชิงหลักการ ต้องยืนยันร่วมกันว่า กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญที่มีความชอบธรรมต้องเป็นประชาธิปไตย มีความยึดโยงกับประชาชนให้มากที่สุด ทำหน้าที่เป็นตัวแทนที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนส่วนใหญ่ และมีความพร้อมรับผิดชอบ (accountability) ต่อประชาชน นอกจากนั้น กระบวนการที่ดีต้องนับรวมทุกคน เปิดกว้างให้มากที่สุด โอบรับความหลากหลาย และมีหลักประกันให้กลุ่มคนที่มักไม่ถูกมองเห็น (The Invisibles) ด้วย
ภายใต้ข้อจำกัดใหม่ ทั้งภาคประชาสังคมและสมาชิกรัฐสภาควรร่วมกันยืนยันอำนาจประชาชนในฐานะผู้สถาปนารัฐธรรมนูญ ผ่านการออกแบบโมเดลการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยังคงยึดโยงกับประชาชนโดยตรง
เป็นโมเดลที่ทำให้ข้อห้ามของศาลรัฐธรรมนูญมิอาจตัดประชาชนออกไปจากกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ในทางปฏิบัติ
ผมขอทดลองเสนอโมเดลตั้งต้นเป็นตัวอย่างสำหรับการถกเถียงแลกเปลี่ยนกันต่อ และอยากชวนทุกคนช่วยกันคิดหานวัตกรรมการจัดทำรัฐธรรมนูญแบบใหม่ๆ เป็นทางออกในเรื่องนี้ ... คิดกันต่อ คิดกันให้ไปไกลกว่าที่ผมทดลองเสนอ
1. ให้แต่ละพรรคนำเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภาโดยเร็ว (เป็นเวอร์ชั่นหลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568) เพื่อเปิดทางให้เริ่มต้นกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้
2. เนื้อหาสาระหลักของข้อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่อยากให้พรรคการเมืองนำไปผลักดันต่อ คือ ให้มี "สภากำกับและติดตามการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ" โดยสมาชิกสภากำกับและติดตามการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ (สสรร.) มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน และใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง
ในเบื้องต้น ผมเสนอให้ สสรร. มีจำนวนทั้งสิ้น 120 คน กระจายตามสัดส่วนจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด ทั้งนี้ ทุกจังหวัดต้องมี สสรร. อย่างน้อย 1 คน และกำหนดจำนวน สสรร. สูงสุดที่พึงมีในแต่ละจังหวัด เช่น สสรร.กรุงเทพฯ มีจำนวนไม่เกิน 5 คน เพื่อมิให้สภาฯ มีขนาดใหญ่เกินไป และแต่ละจังหวัดมีจำนวน สสรร. ที่ไม่ห่างกันเกินไป (ไม่ Bangkok-centric เกินไป)
3. อำนาจหน้าที่หลักของ สสรร. คือการคัดสรรสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) รวมถึงอำนาจหน้าที่เพิ่มเติมอื่นๆ ดังต่อไปนี้
3.1 สสรร. มีอำนาจหน้าที่คัดสรรสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายใต้คุณสมบัติเฉพาะและสัดส่วนของแต่ละสาขาตามที่ สสรร. กำหนด ทั้งนี้ในกระบวนการดังกล่าว อาจเปิดพื้นที่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (เสนอชื่อแบบ write in ทางช่องทางออนไลน์ หรือที่ว่าการเขต/อำเภอภายในช่วงเวลาที่กำหนด) รวมถึงสมาชิกรัฐสภาร่วมเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมในสาขาต่างๆ ได้ ตามกติกาที่ สสรร. กำหนด
ถ้าเทียบเคียงกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญในอดีต เช่น ฉบับปี 2540 ผู้ดำรงตำแหน่ง สสร.ในโครงสร้างที่นำเสนอนี้จะมีอำนาจหน้าที่เสมือนคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายใต้สภาร่างรัฐธรรมนูญตามแบบเดิม ดังนั้น จำนวน สสร. ไม่จำเป็นต้องมากคน และเป็นสายวิชาการหรือผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และการบริหารงานเชิงสังคมและสาธารณะ เป็นหลัก และมีกลไกการทำงานร่วมกับ สสรร. ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนในทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศ
สสร. มีจำนวนอย่างน้อย 35 คน (อย่างมากไม่ควรเกิน 45 คน) ประกอบด้วยสาขาต่างๆ ดังนี้
ก. กฎหมายมหาชน ข. รัฐศาสตร์-รัฐประศาสนศาสตร์-นโยบายสาธารณะ ค. สังคมศาสตร์สาขาอื่นๆ ง. ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน การบริหารท้องถิ่น การบริหารธุรกิจ การร่างรัฐธรรมนูญ จ. ผู้มีประสบการณ์ด้านการบริหารหรือขับเคลื่อนงานเชิงสังคมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และ ฉ. กลุ่มความหลากหลาย (เชิงประเด็น) เช่น กลุ่มเยาวชน กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนพิการ กลุ่มหลากหลายทางเพศ กลุ่มฐานทรัพยากร
สสร.มีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งในกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้ สสร. รับฟังความคิดเห็นและมีการประชุมร่วมกับ สสรร. อย่างสม่ำเสมอ, นำผลการรับฟังและสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในแต่ละจังหวัดและสาธารณะเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งดำเนินการโดย สสรร. ไปพิจารณา และจัดวาระรับฟังการอภิปรายเสนอแนะต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและที่ประชุมวุฒิสภา อย่างน้อยในขั้นการกำหนดกรอบเนื้อหาในตอนต้นของกระบวนการยกร่าง ครั้งหนึ่ง, ขั้นหลังจากร่างแรกของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ ครั้งหนึ่ง และขั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ก่อนส่งไปลงประชามติ อีกครั้งหนึ่ง
3.2 สสรร. มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษา สสร. ตั้งแต่เริ่มต้นกำหนดกรอบเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ จนแล้วเสร็จ โดยให้ สสร. และ สสรร. จัดประชุมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
3.3 สสรร. มีอำนาจหน้าที่เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบการรับฟังและสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในแต่ละจังหวัดและสาธารณะเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมถึงเป็นเจ้าภาพในการรณรงค์สร้างความเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญในการลงประชามติด้วย
3.4 สสรร. มีอำนาจหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่ สสร. จัดทำขึ้น ก่อนส่งให้รัฐสภาอภิปรายโดยไม่มีการลงมติ แล้วนำส่งคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อจัดให้มีการออกเสียงลงประชามติต่อไป
4. ข้อกำหนดอื่นๆ ที่ควรใส่ไว้ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- ระยะเวลาการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรอยู่ในช่วง 6-12 เดือน
- แม้มีการยุบสภาหรือสภาหมดวาระ ทาง สสร.สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยไม่ถูกกระทบ เพื่อความต่อเนื่องในการทำงาน
- สสร.ควรมีอำนาจในการจัดทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีความเข้าใจในรัฐธรรมนูญที่ร่างใหม่อย่างดี และมีช่วงให้ลงมือทำได้ระหว่างที่ส่งรัฐธรรมนูญเข้าสู่กระบวนการออกเสียงประชามติ
- ควรกำหนดให้ สสร. ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งหรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง (เช่น ส.ส. ส.ว. รัฐมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ) เป็นระยะเวลาหนึ่ง (เช่น 3-5 ปี เป็นต้น) เพื่อป้องกันปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ
5. การออกเสียงประชามติ ให้ดำเนินการในวันเลือกตั้งทั่วไป โดยรวมการทำประชามติครั้งที่ 1 และ 2 ให้เป็นครั้งเดียวกัน มีคำถาม 2 คำถาม ข้อแรกเพื่อถามว่าประชาชนเห็นสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ข้อสองเพื่อถามว่าประชาชนเห็นด้วยกับเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ที่รัฐสภาเห็นชอบหรือไม่
.........
หมายเหตุ:
(1) ตัวอย่างการกำหนดจำนวน สสรร.แต่ละจังหวัด (รวมทั้งสิ้น 120 คน) เป็นไปดังนี้
1 คน : ตราด ระนอง สมุทรสงคราม สิงห์บุรี ชัยนาท นครนายก พังงา มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ลำพูน สตูล อ่างทอง อำนาจเจริญ อุทัยธานี กระบี่ จันทบุรี ชุมพร ตาก น่าน บึงกาฬ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต ยโสธร ยะลา สมุทรสาคร สระแก้ว หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา ตรัง นครพนม ลำปาง เลย สระบุรี สุโขทัย นราธิวาส ปัตตานี ระยอง ลพบุรี
2 คน: กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก ราชบุรี สุพรรณบุรี กาฬสินธุ์ นครปฐม นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ชัยภูมิ เชียงราย ปทุมธานี สกลนคร สุราษฎร์ธานี นนทบุรี ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ สุรินทร์ สงขลา
3 คน: ศรีสะเกษ ชลบุรี เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช บุรีรัมย์ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี
4 คน: นครราชสีมา
5 คน: กรุงเทพมหานคร
(2) ตัวอย่างการกำหนดสัดส่วนสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ซึ่ง สสรร. เป็นผู้คัดเลือก จำนวนรวม 35 คน แยกเป็นสาขาต่างๆ ดังนี้
ก. กฎหมายมหาชน จำนวน 8 คน
ข. รัฐศาสตร์-รัฐประศาสนศาสตร์-นโยบายสาธารณะ จำนวน 4 คน
ค. สังคมศาสตร์สาขาอื่นๆ จำนวน 4 คน
ง. ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน การบริหารท้องถิ่น การบริหารธุรกิจ การร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 8 คน
จ. ผู้มีประสบการณ์ด้านการบริหารหรือขับเคลื่อนงานเชิงสังคมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จำนวน 6 คน
ฉ. กลุ่มความหลากหลาย (เชิงประเด็น) จำนวน 5 คน
(3) ชวนอ่านรายงาน "การจัดทำข้อเสนอระบบการเลือกตั้งและแนวทางการทำงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง" (2567) ของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการจัดทำข้อเสนอระบบการเลือกตั้งและแนวทางการทำงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง ภายใต้คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร
ดาวน์โหลด: https://t.ly/4C0oQ
รายงานพยายามนำเสนอทางเลือกที่เป็นไปได้อันหลากหลายของระบบ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งผมใช้เป็นฐานสำหรับการปรับมาเป็นโมเดลทดลองเสนอว่าด้วย สสรร. และ สสร. แบบใหม่นี้
.........
ย้ำอีกครั้งว่าทั้งหมดนี้เป็นบททดลองเสนอโมเดลการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ยึดโยงกับประชาชนในฐานะผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ เพื่อ 'ไปต่อ' หลังจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อยากชวนทุกคนมาช่วยกันคิดออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ในการจัดทำรัฐธรรมนูญที่มีประชาชนเป็นองค์ประธานไปด้วยกันครับ
https://www.facebook.com/photo?fbid=122230397888175365&set=a.122116610528175365