นี่เป็นโพสต์ของอาจารย์ราชภัฏท่านหนึ่ง ต้องบ่นออกมาทางสื่อสังคม เรื่องพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ที่ทำให้การใช้ชีวิตกับงานประจำอึดอัดขัดข้อง ก็เรื่องต้องนั่งยืนรอกันอยู่ในห้องประชุมหลายๆ ชั่วโมง อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ซึ่งก็มีคนนับสิบๆ ที่ธรรมชาติเรียกร้องให้ไปเข้าห้องน้ำ แต่ต้องอดทนอดกลั้น ซ้ำมีตำรวจ ทหาร คอยจับตาให้อยู่ในวินัยนั่นละ ทางออกอย่างเดียวพอช่วยได้ก็คือสวมใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่เตรียมไว้ ก็ยังดีไม่ค่อยมีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นัดบ่ายให้ไปรอแต่เช้าแล้วมาหลังเที่ยงคืน
สำหรับอาจารย์ท่านนี้ที่โดนคุกคามกดดันทั้งจากผู้บังคับการตำรวจจังหวัด และนายทหารยศพันเอกข่มขู่ด้วยวาจาต่อหน้า “นี่เป็นการมาเตือนครั้งสุดท้าย” หลังจากเตือนแล้วเตือนอีกทางโทรศัพท์ ว่ามีความคิดความอ่านไม่เป็นแนวเดียวกับพวกเขา
นั้นต้องอ่านละเอียดจากโพสต์โดยตรง นำมาลงไว้ที่นี่
วินัย ผลเจริญ May 16 at 4:15 pm “พิธีพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จสิ้นแล้ว ขอแสดงความเห็นและความรู้สึกหน่อยครับ”
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ช่วงพักเที่ยง ผมได้รับแจ้งจากหัวหน้าสำนักงานเลขาฯ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง ว่ามีตำรวจโทร. มาขอประวัติการศึกษาของผม แต่หัวหน้าฯ บอกผมว่าไม่ได้ให้ไป ผมจึงแสดงความเห็นด้วยว่าดีแล้วที่ไม่ให้ ผมเชื่อว่าเขามีประวัติผมอยู่แล้ว การขอประวัติอาจเป็นเรื่องของการใช้จิตวิทยาในการข่มขู่คุกคามเท่านั้น
เมื่อผมเดินไปที่ห้องสำนักงานเลขาฯ และได้พบหัวหน้าฯ ผมก็มีโอกาสได้คุยโทรศัพท์กับตำรวจ เขาแนะนำตัวว่าเป็นผู้กอง อยู่ฝ่ายความมั่นคงของจังหวัด เขาขอเบอร์โทร. ของผมไว้ และบอกว่าอยากพบปะพูดคุยกับผม แต่ผมบอกว่าไม่สะดวก เพราะตอนบ่ายก็ติดสอนอีกจนถึง 4 โมงเย็น
ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ผมไม่ได้ถามว่าเป็นใคร ตำแหน่งอะไร) มาพบคณบดีก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นวันหยุดที่ผมไม่อยู่ เพื่อขอให้ทางวิทยาลัยการเมืองการปกครองถอนชื่อผมออกจากการทำหน้าที่ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร แต่ทางคณบดีและหัวหน้าสำนักงานเลขาฯ ได้ยืนยันว่าผมไม่ทำอะไรให้เสื่อมเสียในพิธีหรอก
เมื่อผมสอนเสร็จแต่ยังไม่ออกจากห้องสอน เลขานุการของคณบดีก็ไปบอกผมว่าคณบดีขอพบผมโดยบอกว่าเป็นเรื่องเดิม ตำรวจต้องการคุยกับผม ผมรู้สึกไม่พอใจจึงพูดว่าอยากจะโพสต์ระบาย แต่ผมก็ต้องรีบไปพบคณบดี
ขณะที่กำลังจะคุยกับคณบดี ก็มีสายโทร.เข้า แต่มีข้อความในโทรศัพท์แจ้งว่า “สายที่อาจเป็นการหลอกลวง” ผมจึงกดปิดสายทิ้ง ผมมาคิดทีหลังว่านี่อาจจะเป็นสายจากตำรวจ
คณบดีบอกผมว่าท่านผู้การ (ผมคิดว่าน่าจะเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ยศพลตำรวจตรี) อยากพบปะพูดคุยกับผมที่วิทยาลัยการเมืองการปกครอง ถ้าได้คุยกับผมเข้าใจกันแล้วก็อาจจะได้ถอนชื่อผมออกจากบัญชีรายชื่อบุคคลเฝ้าระวัง คณบดีบอกผมว่าท่านผู้การจะพาภรรยามาด้วย ผมจึงถามว่าภรรยาของท่านเกี่ยวอะไรด้วย จึงได้ทราบว่าภรรยาของท่านเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ทีแรกผมก็ปฏิเสธ เพราะผมคิดว่าการมาพบเป็นเรื่องของการข่มขู่คุกคามเท่านั้น ถ้าจะถอนชื่อผมออกจากบัญชีรายชื่อบุคคลเฝ้าระวังฝ่ายความมั่นคงก็สามารถประเมินและทำได้เองอยู่แล้ว ถ้าจะมาเกลี้ยกล่อมผมให้ลดระดับการแสดงออก ผมคงไม่รับปาก (เคยมีทหารยศพันเอกมาพบผมและขู่ว่า “นี่เป็นการมาเตือนครั้งสุดท้าย” มาแล้ว ตอนนี้ทหารท่านนั้นก็มียศพลตรีและมีตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2)
ในที่สุดผมก็ตกปากรับคำ จึงได้เวลานัดหมายคือ 14.00 น. ของวันที่ 15 พ.ค. เมื่อวานนี้ แต่พอใกล้ถึงเวลานัด หัวหน้าสำนักงานเลขาฯ ก็บอกผมว่าท่านผู้การติดภารกิจมาไม่ได้ ขอยกเลิกการคุยกันตามที่นัดหมายไว้ ผมเข้าใจว่าคงติดภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรนั่นแหละ ผมก็เสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะผมตั้งใจจะถามภรรยาของผู้การว่ามีทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อะไรที่สามารถนำมาใช้สนับสนุนการจำกัดเสรีภาพของประชาชนแล้วทำให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมได้
วันนี้ผมได้ทำหน้าที่คุมแถวในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร และไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียอะไร เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ได้คุยกับคณบดี ผมก็บอกท่านว่าจะถอนชื่อผมออกเลยก็ได้ถ้ามีคนอื่นพร้อมทำหน้าที่แทน เมื่อผมได้ไปทำหน้าที่ทั้งในวันซ้อมใหญ่ 14 พ.ค. และวันรับจริงวันนี้ ผมจึงได้รู้ว่าทางวิทยาลัยไม่สามารถจัดอาจารย์ไปคุมแถวได้พอจึงต้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนับสนุนทำหน้าที่เป็นผู้คุมแถวด้วย
ผมมีปัญหาเรื่องที่ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้นานด้วย ก่อนวันงานหลายวันก็ได้ให้ทางบ้านหาซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่ไว้ให้ แต่มีแต่แบบที่เป็นแพ็ค 10 ชิ้น ไม่มีแบบแยกชิ้นขายเลย ผมจึงไม่ให้ซื้อ
วันนี้กินข้าวต้มที่ห้องอาหารของศูนย์ประชุมแล้วจิบน้ำน้อยมาก แต่ก็จำเป็นต้องไปเข้าห้องน้ำหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งเป็นช่วงพักประมาณ 10 นาทีของพิธี ผมก็เดินออกไปเข้าห้องน้ำแล้วพบว่ามีบัณฑิตจะออกไปเข้าห้องน้ำกันเยอะมาก น่าจะถึง 100 คน ผมไม่รู้ว่ามีใครได้ออกไปหรือไม่ แต่คนนับร้อยรวมทั้งผมด้วยไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกห้องประชุม โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าห้องน้ำเต็มแล้ว ถ้าออกไปก็ไม่ได้เข้าอยู่ดี อาจารย์ท่านหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่ายังไม่มีใครได้ออกไปเลย ห้องน้ำจะเต็มได้อย่างไร ตรงนี้ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่คงกลัวคนที่ออกไปเข้าห้องน้ำกลับมาไม่ทันตอนที่พิธีเริ่มอีก จึงพูดออกไปแบบนั้น ผมอยากเสนอว่าต่อไปให้พูดความจริงไปเลยว่าไม่อยากให้ใครลุกไปเข้าห้องน้ำถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เพราะฉะนั้นก็ควรเตรียมใส่ผ้าอ้อมไว้ได้เลย
หลังจากที่ทุกคนกลับเข้าที่นั่ง แต่ยังไม่เริ่มพิธีอีก ผมเห็นทหารยศพันเอก (พิเศษ) คนหนึ่ง ที่ผมจำได้ทั้งชื่อและนามสกุล พูดกับเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยว่าให้กำชับทุกคนที่จะลุกเดินออกไปจากที่นั่งและกลับมาก่อนจะนั่งลงให้ทำความเคารพด้วย ให้ผู้ชายโค้งคำนับ และให้ผู้หญิงถอนสายบัว
เรื่องพิธีการที่ต้องการความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามผมไม่ว่าหรอก แต่อยากฝากให้บริหารจัดการอย่างยืดหยุ่นและตอบสนองความจำเป็นของผู้เข้าร่วมพิธีให้เหมาะสมด้วย
ผมไม่ชอบเรื่องพิธีการและพิธีกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นในระยะหลัง ๆ แม้แต่พิธีสงฆ์ ผมก็เข้าร่วมน้อยลง ผมจึงยินดีอย่างยิ่งถ้าทางมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยจะไม่ให้ผมเข้าร่วมพิธี แต่ถ้ามองว่านี่เป็นการแบ่งเบาภาระงานกันตามคิวที่จัดไว้ ผมก็ยินดีรับทำหน้าที่ตราบเท่าที่สุขภาพเอื้ออำนวย
จึงแจ้งมาเพื่อให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับทราบ