วันพุธ, พฤษภาคม 21, 2568

15 ปีการต่อสู้ใหญ่ของคนเสื้อแดง 14 มีนาคมถึง19 พฤษภาคม 2553 เพื่อเรียกร้องรัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา แต่ถูกปราบอย่างนองเลือด ถึงวันนี้ คนสั่งคนฆ่ายังลอยนวล ทักษิณ พรรคเพื่อไทย หรืออดีตแกนนำเสื้อแดงยังมีพันธะรับผิดชอบกับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตอย่างไรหรือไม่



ทุกวันนี้คุณทักษิณ พรรคเพื่อไทย หรืออดีตแกนนำเสื้อแดงยังมีพันธะรับผิดชอบกับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตอย่างไรหรือไม่

เขามีความรับผิดชอบทางศีลธรรมในมโนสำนึก ซึ่งอาจจะไม่มีก็ได้ ความตายของคนเสื้อแดงมาจากการที่พวกเขาออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิให้ตนเองและเรียกร้องสิทธิให้คุณทักษิณกับพรรคเพื่อไทย พวกเขามองว่าสองอย่างนี้ต้องไปด้วยกัน เพราะการที่คุณทักษิณถูกรัฐประหาร ถูกเล่นงานด้วยคดีทางการเมือง และต้องออกจากประเทศไปนั้นกระทบต่อชีวิตของเขา ทำให้เขาเสียโอกาสที่จะได้รัฐบาลซึ่งมีนโยบายที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ขณะเดียวกันเราก็รู้กันอยู่ว่าคุณทักษิณมีส่วนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ นปช. ด้วย

แกนนำ นปช. หลายคน เช่น อาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ หรือคุณหมอเหวง โตจิราการก็ยังเรียกร้องเรื่องนี้อยู่ ดิฉันคิดว่าสองคนนี้ยังคงมีความรับผิดชอบในทางศีลธรรมและกล้าที่จะเดินออกมาจากคุณทักษิณ เพราะมองว่าคุณทักษิณไม่ยืนหยัด ไม่มั่นคงต่อการเรียกร้องความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง

คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์จากการเรียกร้องของคนเสื้อแดงมาตลอด แต่มีคนเสียชีวิต คุณไม่รู้สึกว่าต้องมีความรับผิดชอบใดๆ เลยหรือ



ที่จริงคนเสื้อแดงแต่ละคนก็มีเจตจำนงของตนเองในการออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลที่เขาเลือกมาเองกับมือ สามารถมองได้ไหมว่าคุณทักษิณไม่ได้ชี้นำชักจูงจนต้องมารับผิดชอบ

ดิฉันคิดว่าคุณทักษิณชักจูงนะ ประโยคในทำนองว่า “เมื่อมีรัฐประหารพ่อแม่พี่น้องออกมาเลย”, “ผมจะกลับมานำพ่อแม่พี่น้อง” หรือ “ถ้ามีเสียงปืนเมื่อไหร่ผมจะกลับมา” ประโยคพวกนี้คือการชักจูงชักนำ มีการระดมคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ เข้ามามากมาย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองแบบต่างคนต่างมา แต่มีการจัดการเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยและ นปช. มีส่วนในการจัดการเรื่องนี้

แน่นอนว่าคนที่ออกมาเขาไม่ได้ถูกจูงจมูกออกมา เขาออกมาด้วยเจตจำนงของเขา ออกมาเพื่อพิทักษ์สิทธิของเขาด้วย แต่สิทธิของเขาเกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ทั้งสองอย่างนี้เดินไปด้วยกัน ดังนั้น คุณมีส่วนในการดึงให้เขาออกมาเคลื่อนไหว คุณก็ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบชีวิตของเขาด้วย โดยเฉพาะในวันที่คุณมีอำนาจ

การบอกว่าคนเสื้อแดงออกมาเอง ดังนั้น ถ้าตายก็ตายไป ฉันไม่เกี่ยว ก็เหมือนการพูดว่า ก็เลือกฉันมาเป็นรัฐบาลเอง วันนี้ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน ฉันไม่เห็นต้องรับผิดชอบคนที่เลือกฉันเลย …มันไม่ใช่ คุณสัญญากับเขา คุณให้ความหวังเขา เมื่อคุณเป็นรัฐบาลก็ต้องทำตามที่สัญญากับเขาไว้

พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณควรทำอะไรในการเรียกร้องความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง

โอกาสที่จะแสวงหาความยุติธรรมในประเทศถึงทางตันแล้ว มันถูกปิดหมด โดยเฉพาะในสภาวะที่องค์กรอิสระและศาลไม่ได้อยู่ข้างประชาชน การตัดสินคดีความต่างๆ ในสิบกว่าปีที่ผ่านมาชัดเจนว่าเราไม่สามารถฝากความยุติธรรมไว้กับองค์กรเหล่านี้ได้ เขาไม่สามารถที่จะคืนความยุติธรรมให้ได้ และองค์กรเหล่านี้ก็มีลักษณะต่อต้านคนเสื้อแดง คุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว

ดิฉันเคยพูดไว้หลายแห่งว่า มีโอกาสที่รัฐบาลจะไปศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) พรรคเพื่อไทยก็ไม่เอาเรื่องนี้เลย มักอ้างตามข้าราชการระดับสูงว่าไอซีซีกำหนดให้ประมุขของรัฐต้องรับผิดชอบด้วย ซึ่งกรณีนี้ไม่เกี่ยวเลย การปราบคนเสื้อแดงไม่ได้เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์เลย ในช่วงการปราบคนเสื้อแดงไม่มีการยื่นขอให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยเลย เป็นคำสั่งของรัฐบาลทั้งสิ้น

ถ้าคุณกลัวว่าการไปเป็นภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศในระยะยาวอาจกระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ในอนาคต ก็สามารถทำจดหมายขอให้ไอซีซีใช้อำนาจเฉพาะกรณีตามมาตรา 12 (3) ของธรรมนูญกรุงโรม เพื่อขอให้เข้ามาพิจารณาเฉพาะคดีการปราบปรามคนเสื้อแดงปี 2553 เท่านั้น เมื่อเสร็จสิ้นคดีนี้ไอซีซีก็จะหมดอำนาจหน้าที่ ไม่มีอำนาจในการตัดสินคดีในอนาคตได้อีก

ขอย้ำว่ากรณีปี 2553 ไม่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ เป็นการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารเท่านั้น อย่าอ้างว่ากรณีปี 2553 จะกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณกำลังดึงสถาบันฯ เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถึงอย่างไรเพื่อไทยก็ไม่เอาเรื่องไอซีซี

เหตุที่ทางเพื่อไทยไม่เอาไอซีซี เพราะเห็นว่าเหตุการณ์ปี 2553 ไม่เข้าเงื่อนไขลักษณะคดีที่ไอซีซีจะรับพิจารณาหรือเปล่า

ยื่นไปก่อน ถ้าเขาปฏิเสธก็เป็นเรื่องหนึ่ง จากที่ดิฉันทราบ อาจารย์ธิดากับทีมเคยไปพบอัยการสูงสุดของไอซีซีแล้ว เขาบอกว่ายินดีรับพิจารณา ซึ่งมีโอกาสมากที่เขาจะรับอีกรอบหนึ่ง คุณอย่าบอกว่าเขาจะไม่รับเพราะไม่เข้าเงื่อนไข เนื่องจากมีคนเคยไปยื่นแล้วได้รับการยืนยันว่ายินดีรับพิจารณา ขอให้รัฐบาลทำจดหมายมาเท่านั้นเอง

ดิฉันมองว่าไอซีซีเป็นหนทางเดียวที่เราจะไปได้ ส่วนในประเทศมองไม่เห็นว่าจะมีช่องทางไหนอีกที่จะทำได้ ซึ่งเรื่องไอซีซีก็ต้องอาศัยรัฐบาลตัดสินใจ

บางความเห็นมองว่า เพื่อไทยกลัวว่าหากเข้าร่วมภาคีไอซีซีแล้วจะไปกระทบคดีตากใบและสงครามยาเสพติด แต่การยอมรับอำนาจเฉพาะกรณีคดี 2553 ก็เป็นทางออกเรื่องนี้ อย่างนี้แล้วจะมีเหตุผลอะไรให้เพื่อไทยไม่ดำเนินการ

กลับไปเรื่องเดิมก็คือกลัวว่าทำเรื่องนี้แล้วกองทัพจะไม่พอใจ เมื่อมีการไต่สวนในศาลต้องมีการนำข้อมูลออกมา ต้องนำทหารที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมมาให้ปากคำ อาจทำให้เห็นว่ากองทัพมีบทบาทสูงในการวางแผนปฏิบัติการปราบคนเสื้อแดง กองทัพก็อาจจะไม่พอใจ


บางคนอาจมองว่าคดี 2553 เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มของคนเสื้อแดง ที่จริงแล้วการเรียกร้องความเป็นธรรมให้คนเสื้อแดงจะส่งผลอย่างไรต่อสังคมไทย ทำไมทุกคนต้องสนใจเรื่องนี้

ที่ผ่านมาสังคมไทยมีเหตุการณ์ที่รัฐใช้อำนาจเกินเลยในการปราบปรามประชาชนและทำให้ประชาชนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว โดยที่รัฐไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย เรื่องนี้กลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของผู้มีอำนาจที่เชื่อว่าต่อให้ใช้อำนาจอย่างไรก็ไม่ต้องรับผิด การตัดสินใจใช้อำนาจแก้ไขปัญหาจึงทำได้ง่าย

ตอนล้อมปราบคนเสื้อแดง เขาขนอาวุธออกมาจำนวนมหาศาล คิดได้อย่างไรที่เบิกกระสุนจริงออกมาห้าแสนกว่านัดและใช้จริงไปราวแสนกว่านัด ทั้งรถหุ้มเกราะ กำลังทหารหลายหมื่นนาย กำลังตำรวจอีกมาก กระสุนสไนเปอร์อีกสองพันนัด เบิกกันมาขนาดนี้จะยิงใคร คุณตั้งใจทำให้ประชาชนเสียชีวิตเท่าไหร่ ไม่มีการยับยั้งชั่งใจเลยหรือ ไม่มีประเทศไหนที่ประชาชนแค่ออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ให้เร็วขึ้นแล้วไปสลายการชุมนุมด้วยกระสุนจริงเป็นแสนนัดขนาดนี้ เขาวางแผนปฏิบัติการขนาดนี้ เพราะเขาคิดว่าไม่ต้องรับผิดชอบใช่ไหม

ถ้าเราสามารถทำให้เรื่องนี้เกิดความยุติธรรมได้จะส่งผลต่ออนาคต ผู้ตัดสินใจให้ใช้กำลังอาจต้องคิดให้มากกว่านี้ ต้องระวังและยับยั้งชั่งใจตนเองให้ได้มากกว่านี้ และอาจต้องยอมประนีประนอมด้วยวิธีการทางการเมืองแทน

เป็นไปได้ไหมที่วันหนึ่งเราจะหยุดวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด เราต้องเริ่มจากอะไร

ต้องเริ่มจากการเอาผิดคนให้ได้สักครั้งหนึ่งก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่บทเรียนของผู้มีอำนาจ ในการไต่สวนค้นหาความจริงจะปรากฏข้อมูลจำนวนมากที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นว่าเกิดอะไรและประชาชนจะรู้สึกว่าการใช้กำลังเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง

คนไทยส่วนใหญ่อยากทำทุกอย่างให้เร็วโดยขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีการเรียกร้องให้มีการใช้กำลังปราบปรามกัน พอมีคนตายก็อาจไม่รู้สึกรู้สาอะไรนัก ด้านหนึ่งก็เพราะรัฐไม่เคยพยายามจะเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้

ถ้าไปดูกรณีในประเทศอื่นๆ เช่น ชิลีหรืออาร์เจนตินา ตอนที่รัฐบาลทหารกวาดจับผู้คนไปทรมานและสังหารทิ้งจำนวนมาก มีญาติและแม่ของผู้สูญหายออกมาเรียกร้อง ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่สนใจ แต่เมื่อมีการเปิดเผยความจริง มีการไต่สวนในศาล มีข้อเท็จจริงออกมา ประชาชนก็โกรธ ข้อมูลเหล่านั้นทำให้คนเห็นถึงความเป็นจริงของรัฐที่ปกครองตนเองอยู่ว่ามีความโหดร้ายอย่างไรบ้างและไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นอีก แต่สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย

สังคมไทยยังมองไม่เห็นความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในปี 2553 มากพอใช่ไหม

ไม่พอ ต้องเห็นมากกว่านี้ ต้องเห็นถึงกระบวนการคิด การตัดสินใจ การวางแผน ต้องเข้าใจด้วยว่าคนที่ใช้กำลังปราบปรามประชาชนเขามองประชาชนอย่างไร

อายุความคดีอาญาของคดีนี้เหลืออีกเพียงห้าปี คุณมีความเห็นอย่างไรกับอายุความที่นับถอยหลังลงเรื่อยๆ

รู้สึกแย่ รู้สึกเศร้าว่าวันหนึ่งอาจจะเหมือนกรณีตากใบที่เราต้องมาลุ้นกันว่าเหลืออีกกี่วัน มันไม่สนุก มันเป็นความเศร้าที่เราต้องมาลุ้นกันจนวันสุดท้ายแล้วก็หมดอายุความไป แล้วความหวังก็หมดไป

หากปล่อยให้คดีเสื้อแดงหมดอายุไปแบบตากใบจะส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยอย่างไรไหม

นักการเมืองในพรรคเพื่อไทยจำนวนมากไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เขาไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ส่วนคุณทักษิณ ดิฉันก็มองว่าเขาไม่ได้สนใจ เขาไม่รู้สึกว่ากระทบกับการเมืองของเขา

ถ้าคุณทักษิณสนใจผู้สนับสนุนของเขาก็ต้องกลับมาทำตามสัญญาว่าจะคืนความยุติธรรมให้ประชาชนคนเสื้อแดง แต่เขาไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย ดังนั้น ดิฉันคิดว่าตัดเรื่องนี้ออกไปจากสมการการเมืองของคุณทักษิณได้เลย

แล้ววันนี้คุณทักษิณสนใจอะไร

เขาสนใจที่จะได้เป็นรัฐบาล แม้จะพาคุณทักษิณกลับมาได้ แต่ก็มีคดีความ มีคนเล่นงานอีก อีกเรื่องที่เขาต้องการคือให้คุณยิ่งลักษณ์กลับมา ซึ่งยาก เพราะตอนนี้ตระกูลชินวัตรอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานอีกครั้งหนึ่ง การอยู่ในภาวะแบบนี้ทำให้เขาต้องต่อรองกับผู้มีอำนาจที่จะทำให้เขาอยู่ได้ ปัญหาคือทุกครั้งที่เขาเป็นรัฐบาล เขามักยอมตามผู้มีอำนาจ ไม่ว่าผู้มีอำนาจต้องการอะไร เขาจะยอมโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ


ในวันนี้ยังพอจะมีอะไรทำให้คุณทักษิณหันมาสนใจเรื่องความยุติธรรมของคนเสื้อแดงไหม

เขาต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการสู้ เมื่อก่อนเรามักได้ยินว่าวิธีคิดของคุณทักษิณคือ ‘สู้ไป กราบไป’ แต่ตอนนี้เขาไม่สู้เลย กราบอย่างเดียว คือยอมผู้มีอำนาจเดิมทุกอย่าง ยังไม่เห็นวิธีคิดของคุณทักษิณที่จะสู้กับกลุ่มอำนาจเดิมเลย

ตอนที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดงเราก็คิดว่าคุณทักษิณจะสู้ใช่ไหม แต่สู้ในที่นี้คือเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่าคนส่วนใหญ่เลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล สู้ด้วยการใช้ประชาชนเป็นกองหน้าสู้ให้เขา แต่วันนี้เขาคงไม่ใช้วิธีการนั้นแล้ว เพราะมันหมดพลังแล้ว ดิฉันไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถระดมพลังคนเสื้อแดงให้ออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะนั้นได้อีก

หากไม่นับคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยอยู่ในสมการการเรียกร้องความยุติธรรมให้เสื้อแดง มีความเป็นไปได้ไหมว่าเรื่องนี้จะสำเร็จ ยังมีทางอื่นไหม

ต้องรอรัฐบาลใหม่ พรรคประชาชนเคยบอกว่าเขาจะยื่นไอซีซีให้ใช้อำนาจเฉพาะกรณีตามมาตรา 12 (3) ของธรรมนูญกรุงโรม หวังว่าเมื่อถึงวันนั้นพรรคประชาชนจะไม่เปลี่ยนใจ จะยังรักษาคำพูดของตนเองไว้

ส่วนในแง่ของประชาชนเองก็ไม่มีทางที่จะไป กระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ปิดตายทุกด้าน ที่จริงการไต่สวนการตายยังคงดำเนินต่อไปได้ ตอนนี้ผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งยังไม่มีการไต่สวนการตาย แต่ทุกอย่างก็ถูกแช่แข็งทั้งหมดหลังการรัฐประหาร ดิฉันอยากเห็นการไต่สวนการตายดำเนินต่อไป แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ยื่นต่อศาลให้มีการไต่สวนการตายหรือไม่ทำคดีต่อ เรื่องนี้ก็ไม่เกิดขึ้น

โดยส่วนตัวคุณต้องการเห็นคดี 2553 มีการตัดสินลงโทษถึงผู้เกี่ยวข้องระดับใด


สมมติว่าเราย้อนเวลาได้และคดีของคุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพไม่ถูกโยนออกจากศาล การพิจารณาคดีอาญายังดำเนินอยู่ แม้ดีเอสไอจะยื่นฟ้องแค่สองคนนี้ แต่ในกระบวนการไต่สวนในชั้นศาล เมื่อพบว่ามีคนที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้คำสั่งที่ผิด เช่นมีคำสั่งให้ยิงทุกอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า ถามว่าจะดำเนินคดีกับผู้สั่งการเหล่านี้หรือไม่ อย่างผู้บัญชาการทหารที่สั่งการ ถ้ามีกรณีแบบนี้ก็ควรดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ด้วย

ถึงที่สุดแล้ว เมื่อการดำเนินคดีสิ้นสุดลงจนสรุปได้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดและทำให้ความจริงเปิดเผยออกมา หากอยากจะนิรโทษกรรม เพราะมองว่าสังคมจะต้องปรองดองลดความขัดแย้ง เพื่อให้กองทัพไม่รู้สึกว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำมากเกินไป ดิฉันรู้สึกว่าการนิรโทษกรรมให้คนที่เกี่ยวข้องก็ยังรับได้ แต่ข้อสำคัญคือต้องทำให้เห็นว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ใครต้องรับผิดชอบบ้าง

ไม่ควรมีการนิรโทษกรรมโดยไม่มีความจริงเกิดขึ้น มันคือการนำปัญหาซุกไว้ใต้พรม การนิรโทษกรรมโดยที่ยังไม่มีความจริงเกิดขึ้นเท่ากับว่าไม่มีใครผิดและเราไม่รู้ว่าใครผิด

ที่ผ่านมามีคดี 2553 บางกรณีถูกนำไปพิจารณาคดีในศาลทหารแล้วอัยการทหารมีคำสั่งไม่ฟ้อง การที่คดีถูกส่งไปศาลทหารนั้นกระทบต่อการแสวงหาความยุติธรรมอย่างไรบ้าง

ศาลทหารในประเทศไทยล้าหลังมาก ในหลายประเทศยกเลิกระบบศาลทหารที่ให้ผู้พิพากษาเป็นทหารทั้งหมด หลายประเทศให้พลเรือนเข้าไปเป็นผู้พิพากษาในศาลทหารด้วย ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับพลเรือนก็ให้มาขึ้นศาลพลเรือน

เราไม่มีความเชื่อมั่นในศาลทหารไทย เพราะเป็นการตัดสินคดีของคนอาชีพเดียวกัน อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ทำให้เราตั้งคำถามเรื่องความยุติธรรมได้ กรณีปี 2553 เกี่ยวข้องกับชีวิตพลเรือน ก็ควรมาขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ขึ้นศาลทหาร ศาลทหารมีไว้สำหรับกรณีทหารทำผิดวินัยทางราชการหรือวินัยทางการทหาร เช่น การเป็นสายลับให้ข้อมูลของชาติกับศัตรู หนีทหาร หรือเป็นคดีที่เกิดขึ้นระหว่างทหารด้วยกันเองในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของพลเรือนจะเอาไปขึ้นศาลทหารไม่ได้

อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้การลอยนวลพ้นผิดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสังคมไทยคือแนวคิดที่ว่าเราต้องไม่ลงโทษเจ้าหน้าที่ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่วิธีคิดแบบนี้เป็นพื้นฐานรองรับการลอยนวลพ้นผิด คุณมองว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน เมื่อเขาปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ควรลงโทษเขา ทำให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเกินเลย ไม่เคารพในสิทธิของประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐมีทั้งอำนาจในทางกฎหมายและอำนาจที่จะใช้อาวุธ แต่ต้องมีขอบเขต เจ้าหน้าที่รัฐในทุกประเทศต้องเคารพสิทธิมนุษยชน แต่ในประเทศนี้สิทธิของประชาชนอ่อนแอมากในความคิดคำนึงของเจ้าหน้าที่รัฐ

ปัญหานี้เกิดขึ้นนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือน ทหาร หรือตำรวจ เขาจะไม่ลงโทษกันเอง ระบบตรวจสอบส่วนใหญ่ก็ใช้คนในองค์กรเดียวกันเป็นคนตรวจสอบลงโทษ

ดังนั้น ถ้าไม่มีการปฏิรูปทางการเมืองก็ไม่สามารถทวงความยุติธรรมให้กับใครในประเทศนี้ได้

ที่มา 101
ส่วนหนึ่งของการสนทนาของ 101 กับ อ.พวงทอง ภวัครพันธุ์
การลอยนวลพ้นผิดในคดี ’53 และความรับผิดชอบของเพื่อไทย: พวงทอง ภวัครพันธุ์

https://www.the101.world/puangthong-pawakapan-on-2010-case/
.....


Jaran Ditapichai
Yesterday
·
15 ปีการต่อสู้ใหญ่ของคนเสื้อแดง 14 มีนาคมถึง19 พฤษภาคม 2553 เพื่อเรียกร้องรัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา แต่ถูกปราบอย่างนองเลือด วีรชนคนเสื้อแดงเสียชีวิตนับร้อย บาดเจ็บ2000พัน ถูกจับ300 กว่าคน ถึงวันนี้ คนสั่งคนฆ่ายังลอยนวล
คนเสื้อแดงเสียชีวิตบาดเจ็บ และติดคุกต้องได้รับความยุติธรรม
ขอยกย่องสดุดีคนเสื้ิแดงประขาชนพื้นฐาน สืบทอดภารกิจต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตลอดไป
แผ่นดินร่ำร้องระงม ผู้คนทับถมสะอื้น
ผ่านวันและคืน ลบเลือนจางหาย
ไหม้มอดเป็นเถ้าธุลี คนกล้ากว่านี้มีไหม
ถึงวันที่สุดท้าย พร้อมตายเคียงกัน
หากคนหยัดยืนทะนง ตั้งหลักปักธงไม่หวั่น
อย่ายอมแพ้มัน เท่านั้นก็พอ
นี่คือความจริงที่เป็น เหนื่อยยากลำเค็ญไม่ท้อ
ใช้เลือดเท่าไหร่หนอ ล้างสังคมทราม
จากเพลง นักสู้ธุลีเิน จิ้น กรรมาชย


https://www.facebook.com/jaran.ditapichai/posts/9567018533406997