กกต.ลงมือแล้ว คดี สว. ๑๓๘ คน ได้มาจากการ ‘ฮั้ว’ เลือกตั้ง กำลังจะยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ให้ ‘ลงไม้’ ต่อไป ชุดแรก ๖๐ คน ตัวดังๆ ทั้งนั้น รวมทั้งพวกที่ออกมาก๋ากั่น อวดศักดิ์ศรีเหนือกว่า ‘ดีเอสไอ’
แท้จริงที่คดีมาถึงจุดที่จะส่งฟ้องนี้ เป็นผลงานที่กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมเป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ กกต. รวมทั้งสิ้น ๗ คน จากนี้ไปภายใน ๑–๒ สัปดาห์ จะทะยอยเรียก สว.แต่ละคนมารับแจ้งข้อกล่าวหา ตาม พรป. พ.ศ.๒๕๖๑
“บุคคลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ล้วนมีพฤติการณ์และพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิด ไม่ได้ถูกเลือกเป็น สว.โดยสุจริตเที่ยงธรรม” และเนื่องจากการทำงานของ กกต.เป็นระบบไต่สวน หาก สว.คนใดไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหา ถือว่าไม่ให้การชี้แจง
แต่จะไม่มีการขอศาลออกหมายจับ “กกต.จะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเรื่องการทุจริต เพื่อออกใบแดง และส่งเรื่องเพิกถอนสิทธิ สว.ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป”
ส่วนความผิดอาญาอื่นๆ เช่นในฐานฟอกเงินและอั้งยี่ซ่องโจร ที่ดีเอสไอเป็นหัวเรือหลักในการสอบสวนผู้กระทำผิด ทุจริตรับเงินเป็นกลุ่มโหวตเตอร์ พลีชีพ หรือจัดฮั้ว ซึ่งเบื้องต้นมีจำนวนหลายร้อยคน จะนำส่งอัยการคดีพิเศษเพื่อส่งฟ้องศาลอาญารัชดาฯ ต่อไป
คดีนี้ใช้เวลาเกือบสองเดือนในการสืบสวนและไต่สวน หลังจากรับเข้าเป็นคดีพิเศษ การพิพากษาโดยศาลอาญาทั้งสองศาลคงต้องใช้เวลาพอสมควรเช่นกัน สำหรับมาตรา ๗๗ (๔) ของ พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. กำหนดไว้ว่า
“ผู้ใดกระทำการหลอกลวง บังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด
มีโทษจำคุกตั้งแต่ ๑-๑๐ ปีปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาทถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด ๒๐ ปี” และเมื่อศาลประทับรับฟ้องผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.ทันที จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
(https://ch3plus.com/news/political/morning/438460 และ https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9748560)