วันจันทร์, มีนาคม 31, 2568

สื่อ-ประชาชนช่วยกันขุดพิรุธตึกใหม่ สตง. ถล่ม


Poetry of Bitch
1 hour ago
·
สื่อ-ประชาชนช่วยกันขุดพิรุธตึกใหม่ สตง. ถล่ม
—————
ที่มาที่ไป
เข้าร่วม ‘ข้อตกลงคุณธรรม’ จริงหรือ?
รุมแหก ’ไชน่าเรลเวย์‘
ขุดยันที่ตั้งบริษัท
ความภาคภูมิใจของจีน
ขนเอกสารหนี ?
เก้าอี้ตัวละแสน
—————
ที่มาที่ไป
:
1- เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เมียนมา สะเทือนมาถึงไทย ส่งผลให้ตึกใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งสูง 30 ชั้น และเพิ่งทำโครงสร้างตึกเสร็จ ถล่มครืนลงมาทับคนงานหลายสิบชีวิต
2- คนข้องใจว่ากรุงเทพฯ มีตึกสูงหลายร้อยตึก ทำไมถล่มอยู่ตึกเดียว ทั้งที่งบก่อสร้างสูงกว่า 2 พันล้านบาท ตึกยังไม่ทันเปิดใช้ ในตึกยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์ด้วยซ้ำ น่าสงสัยว่าการก่อสร้างได้มาตรฐานหรือไม่ โปร่งใสแค่ไหน สื่อและประชาชนจึงช่วยกันขุดยับ
—————
เข้าร่วม ‘ข้อตกลงคุณธรรม’ จริงหรือ?
:
3- ปกติโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่มีวงเงินตั้งแต่ 1 พันล้านบาทขึ้นไป รัฐจะนำเข้าโครงการ “ข้อตกลงคุณธรรม” คือให้ตัวแทนภาคประชาชนมาร่วมสังเกตการณ์และตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อป้องกันการล็อกสเปกและการฮั้วประมูล
4- สตง. อ้างว่าตึกนี้ก็เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรมเช่นกัน มีการเชิญ “องค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น” มาเป็นตัวแทนภาคประชาชนร่วมสังเกตการณ์
5- แต่…องค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นบอกว่าเชิญจริง แต่เชิญแบบมีพิรุธ คือตอนแรกรัฐไม่ยอมอนุมัติให้ตึก สตง. เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม ทำให้ไม่มีตัวแทนภาคประชาชนเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ตั้งแต่แรก
6- ต่อมา สตง.เชิญองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นไปร่วมสังเกตการณ์จริง แต่ตอนนั้นได้เลือกผู้รับเหมา-ผู้ควบคุมงานไปเรียบร้อยแล้ว และมี TOR พร้อมแบบก่อสร้างแล้ว
—————
รุมแหก ’ไชน่าเรลเวย์‘
:
7- ผู้ชนะประมูลก่อสร้างตึกนี้คือ กิจการร่วมค้าของบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 กับบริษัทอิตาเลียนไทยฯ
8- คนไทยรู้กันอยู่แล้วว่าเจ้าสัวอิตาเลียนไทยคือ “เปรมชัย กรรณสูต” ผู้โด่งดังจากคดีล่าเสือดำเมื่อปี 2561 แต่ไชน่าเรลเวย์นี่ของใคร ?
9- ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า ไชน่าเรลเวย์เป็นบริษัทร่วมทุนไทย-จีน มีคนจีนถือหุ้น 49% ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดที่กฎหมายไทยอนุญาตให้ต่างชาติถือได้
10- ส่วนฝั่งไทยถือหุ้น 51% มีผู้ถือหุ้นคือ
นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 40.80%
นายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 10.20%
นายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 3 หุ้น คิดเป็น 0%
11- เพจ CSI LA เปิดหน้าโสภณกับประจวบ พบว่าโสภณเคยเป็นพนักงานทั่วไปของบริษัทขายยางรถยนต์และล้อแม็กซ์ ส่วนประจวบเป็นตัวแทนขายอาหารเสริมสมุนไพร พูดตรง ๆ คือทั้งสองคนก็เป็นชาวบ้านแบบเรา ๆ นี่แหละ ไม่มีประวัติว่าเคยเกี่ยวข้องกับธุรกิจก่อสร้างมาก่อน
12- สื่อขุดต่อและพบว่าทั้ง 3 คนยังถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ อีกเพียบ โสภณ 5 บริษัท, ประจวบ 6 บริษัท ส่วนมานัส 11 บริษัท คนจึงตั้งข้อสังเกตว่า 3 คนนี้เป็น ‘นอมินี’ ถือหุ้นแทนให้ต่างชาติหรือไม่
—————
ขุดยันที่ตั้งบริษัท
:
13- เพจ CSI LA ยังขุดไปถึงที่ตั้งสำนักงานของไชน่าเรลเวย์ที่ซอยพุทธบูชา 44 แขวงบางมด พบว่าสภาพเหมือนตึกเลี้ยงนกนางแอ่น ไม่สมฐานะบริษัทที่ได้รับงานก่อสร้างระดับพันล้านจากภาครัฐของไทยเลย
14- ลูกเพจ CSI LA สวมบทนาตาชาไปสำรวจที่ตั้งบริษัท และ Top News ก็ลงพื้นที่ไปดูด้วยเช่นกัน พบว่าบริษัทตั้งอยู่ในซอยเกือบเปลี่ยว เป็นตึกแถวสภาพโทรมสูง 4 ชั้น ชั้นล่างทำชิปปิ้งส่งของจากจีน ชั้นบนทำธุรกรรมเกี่ยวกับประมูลโครงต่าง ๆ ของรัฐ
15- ความพีคคือ หน้าตึกมีป้ายชื่อบริษัทติดเรียงรายไว้หลายชื่อ ตรวจพบว่าตึกนี้ตึกเดียวใช้เป็นที่ตั้งบริษัทถึง 9 แห่ง และกรรมการบริษัทแต่ละแห่งก็ชื่อวนไปวนมาอยู่กับโสภณ ประจวบ มานัสนี่แหละ
16- พีคในพีคคือ ขนาดป้ายชื่อบริษัทยังเขียนผิดจาก China เป็น Chaina เรียกว่าไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชนโดยสิ้นเชิง แต่ดันประมูลโครงการระดับชาติได้
17- สื่อต่าง ๆ ลองตรวจสอบงบการเงินของไชน่าเรลเวย์ พบว่าปี 2566 ขาดทุนกว่า 199 ล้านบาท
—————
ความภาคภูมิใจของจีน
:
18- ในขณะเดียวกันเพจ “รู้ทันจีน” ก็พบว่าจีนเคยตีพิมพ์บทความในเว็บไซต์ด้วยความภาคภูมิใจว่า ไชน่าเรลเวย์เพิ่งได้งานก่อสร้างอาคาร ‘สูงพิเศษ’ ในต่างประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือตึก สตง. ของไทยนั่นเอง จีนเรียกอาคารแห่งนี้ว่าเป็น “นามบัตรใบแรกของบริษัทฯ ในประเทศไทย”
19- บทความนี้ระบุว่าตอนนี้โครงสร้างหลักของตึก สตง. เสร็จสมบูรณ์แล้ว พร้อมภาพยืนขึงป้ายชื่อบริษัทไชน่าเรลเวย์โชว์หน้าตึก และอวดสรรพคุณว่าตึกนี้แข็งแรงและยืดหยุ่นต่อแรงลม-แรงแผ่นดินไหว
20- แต่หลังตึกถล่มได้ไม่นาน ผู้สื่อข่าว Manager Online ลองสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้ในสื่อจีน พบว่าถูกลบออกจากระบบออนไลน์และโซเชียลจีนเกือบหมด
21- พบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไชน่าเรลเวย์ประมูลได้โครงการรัฐของไทย ในปี 2562 บริษัทนี้ก็ได้สร้างอาคารสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่ปากเกร็ด มูลค่า 716 ล้านบาทมาแล้ว โดยประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไปเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ด้วยตัวเอง
22- คนจึงตั้งข้อสังเกตว่า ไชน่าเรลเวย์จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อสิงหาคม 2561 แล้วพอปี 2562 ก็ชนะประมูลโครงการรัฐระดับเกือบพันล้านเลย เหมือนเปิดมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
—————
ขนเอกสารหนี ?
:
23- ต่อมาทีมข่าว SEE TRUE ของไทยรัฐ ลงพื้นที่จุดที่ตึก สตง.ถล่ม และเห็นชาวจีน 4-5 คน กำลังช่วยกันขนเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้างมากกว่า 30 แฟ้ม ออกไปทางด้านหลัง และส่งลอดรั้วสถานีกลางบางซื่อไปขึ้นรถกระบะ จึงแจ้งตำรวจ
24- ตำรวจเรียกตัวมาสอบ พบว่าชาวจีนเหล่านี้เป็นพนักงานของบริษัทที่เป็นกิจการร่วมค้ากับอิตาเลียนไทยฯ อ้างว่าจะเอาเอกสารไปเคลมประกัน ตำรวจเตรียมดำเนินคดีฐานเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
—————
เก้าอี้ตัวละแสน
:
25- ในขณะเดียวกันผู้ใช้บัญชี @janthawoot ใน X ก็ขุดพบเอกสารจัดซื้อจัดจ้างของตึก สตง.ใหม่ พบว่าจัดซื้อเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงเว่อร์ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากว่าหรูหราบนภาษีประชาชน อาทิ
เก้าอี้สำหรับประธานในห้องประชุม หุ้มหนังแท้นำเข้าจากอิตาลี ราคา 97,900 บาท
โต๊ะทำงานห้องผู้ว่า สตง. ราคา 105,500 บาท
โซฟาห้องรับรอง ราคา 165,000 บาท ส่วนโซฟาอีกตัวปิดด้วยแผ่นทองนำเข้าจากอิตาลี
โต๊ะทานข้าวสำหรับผู้ว่าฯ และประธานกรรมการ สตง. ราคา 90,000 บาท (ไม่รวมเก้าอี้)
พรมปูพื้นขนาด 6 x 5.5 เมตร จำนวน 1 ผืน ราคา 165,000 บาท
26- ทั้งนี้ สตง. มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นไปตามกฎหมาย มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ประชาชนจึงฝากถึง สตง. ว่า “อย่าลืมตรวจสอบตัวเองบ้างนะ”
—————
ขอบคุณข้อมูลจาก: เพจ CSI LA, เพจรู้ทันจีน, Top News, BBC News, ทีมข่าว SEE TRUE ไทยรัฐทีวี, Manager Online, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, ผู้ใช้ X @janthawoot









https://www.facebook.com/poetryofb/posts/1183163089850833?ref=embed_post


CSI LA ถาม แปลกไหม? พลเอก ภัสสร อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตนายทหารยศพลเอก และที่ปรึกษาบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เลือกจบชีวิตด้วยการยิงตัวเองภายในสำนักงานตึกแถวเก่าๆ ในซอยพุทธบูชา (บางแหล่งข่าวบอก "ถูกยิงเสียชีวิต")


CSI LA
27 minutes ago
·
แปลกไหม? พลเอก ภัสสร อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตนายทหารยศพลเอก และที่ปรึกษาบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เลือกจบชีวิตด้วยการยิงตัวเองภายในสำนักงานตึกแถวเก่าๆ ในซอยพุทธบูชา 44 วันที่ 4 มีนาคม 2566


.....

https://www.facebook.com/CSILA90210/posts/1177555153753763
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/191781




ไอ้ยะ! โครงการรัฐอีกหนึ่งแห่ง (ขี้ที่รัฐบาลทหารประยุทธ์ทิ้งไว้) — สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มูลค่า 716 ล้านบาท ก็สร้างโดยบริษัท China Railway Number 10 เหมือนกัน!


CSI LA
20 hours ago
·
ไอ้ยะ! โครงการรัฐอีกหนึ่งแห่ง — สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มูลค่า 716 ล้านบาท
ก็สร้างโดยบริษัท China Railway Number 10 เหมือนกัน!
ใช่ครับ… บริษัทเดียวกับที่ร่วมสร้าง “อาคาร สตง.” ที่ถล่ม
บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่เป็น “ตึกแถวสะกดชื่อประเทศตัวเองผิด”
บริษัทที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่มีประวัติงานก่อสร้างมาก่อน
และเคยมี “พลเอก” ยิงตัวตายในออฟฟิศเงียบ ๆ จนข่าวเงียบหาย
นี่คือบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจให้สร้างโครงการระดับชาติอีกแล้ว!
ปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์อาคารนี้เองกับมือ
บนพื้นที่ราชพัสดุกว่า 14 ไร่ — กลางปากเกร็ด นนทบุรี


https://www.facebook.com/CSILA90210/posts/1176913670484578






มรดกบาป ของ คสช. (ล้างไม่หมดเสียที) ยังหลงเหลืออยู่ใน คตง. ซึ่งดูแล สตง.


Te Neti
16 hours ago
·
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เป็นองค์กรอิสระ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)

คตง. ทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดนโยบายและกรอบการทำหน้าที่ให้ผู้ว่าการ สตง. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ สตง. นำไปปฏิบัติ

ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน คตง ปัจจุบัน คือ พลเอก ชนะทัพ อินทามระ เป็นอดีต ผบ ตรวจสอบภายใน กองทัพบก เป็นอดีต รองปลัดบัญชี ทบ (เรื่องคอรัปชั่นในกองทัพเป็นไง ท่านก็ลองพิจารณากันเอง 555)

พลเอก ชนะทัพ อินทามระ ได้รับการสรรหาจาก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในสมัยรัฐประหาร เผด็จการทหาร ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปี 2560 ได้รับพระราชโองการประกาศแต่งตั้งประธานกรรมการเมื่อ 26 กันยายน พ.ศ. 2560

พลเอก ชนะทัพ อินทามระ เป็น ตท. 15 และ จปร.26 รุ่นเดียวกับ ไพบูลย์ คุ้มฉายา คณะรัฐประหารและองคมนตรี, สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง และ ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นับเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกแต่งตั้งจาก คณะรัฐประหาร คนหนึ่งที่อยู่มานานจนถึงทุกวันนี้ ไม่แน่ใจว่ายังมีซากรัฐประหารเหลืออยู่ในหน่วยงานรัฐที่ไหนอีกหรือไม่ ตอนนี้หมดอายุแล้ว กำลังสรรหาคนใหม่
 
https://www.facebook.com/photo?fbid=9235250469920284&set=a.696962643749152




ไทยแลนด์ แดนศูนย์เหรียญ สส.สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล #พรรคประชาชน โพสต์ กรณี #ตึกสตง.ถล่ม ยิ่งตอกย้ำประเด็น ทุนจีนเทา กิจการ 0 เหรียญ โรงงาน 0 เหรียญ ที่ผมอภิปรายไม่ไว้วางใจไป กิจการเหล่านี้ มีพฤติกรรมเหมือนกัน


Sittiphol Viboonthanakul
18 hours ago
·
จากกรณีตึก สตง.ถล่ม ยิ่งตอกย้ำประเด็น ทุนจีนเทา กิจการ 0 เหรียญ โรงงาน 0 เหรียญ ที่ผมอภิปรายไม่ไว้วางใจไป
กิจการเหล่านี้ มีพฤติกรรมเหมือนกัน คือ
1. ใช้นอมีนีคนไทยถือหุ้นแทน ให้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทไทย แต่อำนาจตัดสินใจทั้งหมด อยู่ที่ผู้ถือหุ้นตัวจริงคือคนจีน หลายกรณีให้คนไทยทำหนังสือมอบอำนาจตั้งแต่ตอนตั้งบริษัท ทั้งอำนาจเพิ่มทุน ลดทุน จ่ายปันผล เปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัท เซ็นเอกสารสำคัญ กระทั่งบางครั้งให้ทำสัญญาเงินกู้ไว้ ให้คนไทยไม่กล้าเบี้ยว
2. มีพฤติกรรมศูนย์เหรียญ คือนำเข้าวัสดุอุปกรณ์จากจีนทั้งหมด ใช้ของในประเทศไทยน้อยมาก เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยน้อยมาก น็อตตัวเดียว เค้ายังเอาเข้ามาเอง
3. ร่วมมือกับไทยเทา ทั้งทุนไทยเทา ราชการไทยเทา ผ่านการคอรัปชั่น ฮั้ว เอื้อประโยชน์ นำไปสู่การทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น จ่ายใต้โต๊ะ ฮั้วประมูล นำเข้าและใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐาน ไม่ต้องสนใจสิ่งแวดล้อม ขยะ แรงงาน
ในระยะสั้น ต่อกรณีอาคาร สตง.ที่ถล่ม สิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือ
1. รัฐต้องรีบเข้าควบคุมหลักฐาน ตรวจสอบผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร ของไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 รวมทั้งบริษัทที่ปรึกษา ผู้รับเหมา ผู้ควบคุมงาน ซัพพลายเออร์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด ..เอาจริง ตอนนี้ควรควบคุมตัวได้แล้ว
2. ตรวจสอบวัสดุก่อสร้างที่ใช้ เช่น เหล็ก ว่าได้มาตรฐานหรือไม่
3. ตรวจสอบโครงการอื่นที่ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 กำลังดำเนินการว่ามีหรือไม่ รวมถึงถ้ามีที่เสร็จไปแล้ว ว่าปลอดภัย ได้มาตรฐาน มีความเสี่ยงหรือไม่
ในระยะยาว
1. รัฐบาลต้องเอาจริงกับการตรวจสอบ แก้ไขเรื่องบริษัทนอมินี และธุรกิจ 0 เหรียญ ย้ำอีกครั้งว่า กิจการเหล่านี้นอกจากเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจชาติต่ำ เอาเปรียบคนไทย ..เมื่อบริษัทเหล่านี้มีเจตนาทำผิด เลี่ยงกฎหมายแต่ต้น ใช้นอมินี ซิกแซก ก็มีแนวโน้มทำผิดกฎหมายอื่นๆ ต่อไป เช่น จ่ายใต้โต๊ะ ฮั้วประมูล นำเข้าของผิดกฎหมาย ผลิตแบบไม่มีมาตรฐาน
ทั้งนี้ เฉพาะปีที่แล้วปีเดียว มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีคนจีนถือหุ้นจดทะเบียนใหม่มากถึง 299 บริษัท และเมื่อรวม 5 ปีย้อนหลัง มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีคนจีนถือหุ้น จัดตั้งใหม่รวมเยอะถึง 586 บริษัท
.. เฉพาะปีนี้ เอาแค่ 2 เดือนแรก (ม.ค.และก.พ.) ก็จดเพิ่มอีก 54 บริษัท
รัฐบาลต้องเข้าไปดูบริษัทและโครงการของบริษัทเหล่านี้
2. รัฐบาลต้องตรวจสอบวัสดุก่อสร้างจากจีนที่อยู่ในตลาดทุกประเภท เช่น เหล็ก ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนบ้าง ใช้ในโครงการใด ..จากข่าวระยะหลัง ที่โครงการก่อสร้างหลายแห่ง เกิดอุบัติเหตุบ่อย หรือแม้กระทั่งความสูญเสียจากแผ่นดินไหวที่เมียนมาร์ที่รุนแรง จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหล็กคุณภาพต่ำเหล่านี้ก็มีส่วน
ทั้งนี้ ปีที่แล้วปีเดียว เรานำเข้าเหล็กจากจีน เอาแค่ 3 กลุ่ม (3 พิกัด)
- เหล็กและเหล็กกล้า 4.8 ล้านตัน
- ของทำด้วยเหล็ก 1.9 ล้านตัน
- เหล็กโครงสร้าง 6.2 แสนตัน
โดยทั้ง 3 กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมากสุดๆช่วง 2 ปีนี้ (2566-2567)
เหล็กเหล่านี้ ตอนนี้ไปอยู่ไหน
3. ตรวจสอบทุกโครงการที่เกี่ยวพันกับการก่อสร้าง การใช้วัสดุก่อสร้างทั้งระบบ ไม่ว่าจะโรงงาน อาคารสำนักงาน อสังหาฯ บ้าน คอนโด ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะที่สัมพันธ์กับกิจการนอมินี กิจการ 0 เหรียญ ว่าใช้หรือขายของมีมาตรฐานหรือไม่
การใช้วัสดุก่อสร้างคุณภาพต่ำ กระทบคุณภาพชีวิตประชาชนโดยตรง ในทางร้ายสุด เสี่ยงเกิดโศกนาฏกรรมเหมือนอาคาร สตง. ทำผู้คนเสียชีวิต แต่แม้ไม่ถล่ม ก็กระทบคุณภาพที่อยู่อาศัย บ้านเรือน แทนที่บ้าน 1 หลังจะอยู่ได้นาน ก็คุณภาพแย่ ..เอาเปรียบผู้บริโภค ต้องซ่อมบ่อย เสียรายได้ เสียสุขภาพจิต เสียคุณภาพชีวิต
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากกรณีอาคาร สตง. เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหานอมินี ธุรกิจศูนย์เหรียญ ปัญหาการก่อสร้าง/วัสดุก่อสร้างไม่มีคุณภาพ ปัญหาจีนเทาที่ร่วมมือกับไทยเทา กัดกินประเทศนี้
..ถ้าไม่แก้ปัญหาอย่างจริงจัง อนาคตจะยิ่งแย่กว่านี้








https://www.facebook.com/watch/?v=956638516633374
https://www.facebook.com/shine.allday.5/posts/10170797273575231



"อนุทิน" เผยผมในฐานะวิศวะกรคนหนึ่ง มองต้องมีอะไรผิดพลาดไม่แบบก็การก่อสร้าง เชื่อการประมูลงานโปร่งใส ไม่มีการคอร์รัปชัน (พออนุทินพูดแบบนี้..มั่นใจเลย..ว่าตรงกันข้าม)


ติ่งข่าว เวิร์คพอยท์
9 hours ago
·
"อนุทิน" เผยผมในฐานะวิศวะกรคนหนึ่ง มองต้องมีอะไรผิดพลาดไม่แบบก็การก่อสร้าง เชื่อการประมูลงานโปร่งใส ไม่มีการคอร์รัปชัน
https://workpointnews.com/around/news/N77Q17B
...

พออนุทินพูดแบบนี้ เราก็มั่นใจเลย
ภัควดี วีระภาสพงษ์


ภาคประชาชนพม่าเตือนนานาชาติ ส่งความช่วยเหลือผ่านรัฐบาลทหารอาจไม่ถึงมือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว เผยเสียหายกว้างใหญ่ ทีมกู้ภัยนานาชาติเป็นแค่หยดน้ำในทะเล-เรียกร้องทุกฝ่ายหยุดยิง-เปิดเส้นทางมนุษยธรรม


สำนักข่าวชายขอบ
19 hours ago
·
ภาคประชาชนพม่าเตือนนานาชาติ ส่งความช่วยเหลือผ่านรัฐบาลทหารอาจไม่ถึงมือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว เผยเสียหายกว้างใหญ่ ทีมกู้ภัยนานาชาติเป็นแค่หยดน้ำในทะเล-เรียกร้องทุกฝ่ายหยุดยิง-เปิดเส้นทางมนุษยธรรม
-------
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568 ดร.ซาน อ่อง Dr. Sann Aung ผู้อำนวยการมูลนิธิ New Myanmar Foundation ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวในพม่าว่า เป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา พื้นที่ของอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลก แผ่นดินไหวส่งผลให้สะพานหลักพังเสียหาย เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเมืองมันฑะเลย์และเมืองสะกาย ถนนพัง ที่สำคัญที่สุดคืออาคารบ้านเรือนต่างๆ พังถล่มลงมา คนนับหมื่นได้รับความเดือดร้อนและอีกนับพันต้องเสียชีวิตลง ขณะนี้ประชาชนจำนวนมากกำลังได้รับบาดเจ็บ แต่ยังมีข้อมูลไม่ครบจึงบอกความเสียหายได้ไม่หมด

ดร.ซานอ่องกล่าวว่า เท่าที่ทราบยังมีอีกหลายพื้นที่ที่เดือดร้อนแต่ยังไม่ได้การช่วยเหลือ และอีกหลายพื้นที่ ได้รับความช่วยเหลือช้ามาก ปัญหาคือข่าวที่รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บนั้น การช่วยเหลือยังไปถึงไม่ครบ ความช่วยเหลือทุกอย่างจนกระทั่งบัดนี้คือประชาชนทำกันเอง ชาวบ้านช่วยกันเอง กองทัพพม่และทหารพม่าไม่สนใจประชาชน โดยมาตรการการจัดการภัยพิบัติไม่มีเลย

“พื้นที่ที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือฉุกเฉิน ได้แก่พื้นที่ในมัณฑะเลย์ สะกาย ซึ่งเป็นสองเมืองใหญ่ ถึงจะเป็นเขตเมืองขนาดนั้น แต่ความช่วยเหลือก็ยังไปไม่ครบ ที่ประเทศพม่าการบริการสาธารณะเลวร้ายมาก มาตรการการเยียวยาและฟื้นฟูจากภัยพิบัติไม่มีมีเลย ไม่มีเจ้าหน้าที่ สภากาชาดพม่าเองก็ผูกติดอยู่กับทหารพม่า เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพพม่า ที่พม่าไม่เหมือนญี่ปุ่นซึ่งมีประสบการณ์ มีแผนเผชิญเหตุแผนฟื้นฟูทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่พม่าไม่มีศักยภาพเลย”ผู้อำนวยการมูลนิธิฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้หลายชาติได้ส่งทีมงานกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพม่า ดร.ซานอ่องกล่าวว่าตนคิดว่าก็คงเป็นแค่หยดน้ำในทะเล เพราะพื้นที่ความเสียหายจากภัยพิบัติครั้งนี้กว้างใหญ่มาก ทีมกู้ภัยเล็กๆ ส่งกันมาแค่ 100-200 คน คงไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือได้เพียงพอ หากเทียบกับขนาดความเสียหายที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ตนอยากให้พม่ามีการช่วยเหลือของพม่าเอง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะทางการพม่าและกองทัพพม่าไม่ทำอะไรเลย

“ในวันเดียวกันที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวคือวันที่ 28 มีนาคม กองทัพพม่ายังส่งอากาศยานไปถล่มโจมตีประชาชนอยู่เลย สถานการณ์ภัยพิบัติรุนแรงขนาดนี้ ทำไมไม่ประกาศการหยุดยิง มีแต่รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือรัฐบาลเงา (National Unity Government of Myanmar-NUG) ที่ประกาศหยุดยิง 2 สัปดาห์ ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ เราต้องมุ่งช่วยเหลือประชาชนเป็นอันดับแรก”ดร.ซานอ่อง กล่าว

ดร.ซานอ่อง กล่าวว่า ในประเทศไทย รัฐบาลได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อช่วยประชาชน แต่ในสถานการณ์เดียวกันที่พม่า ยังไม่มีอะไรสักอย่าง เราต้องเอาทรัพยากรบุคคล กำลังคน ทุกอย่างมาช่วยประชาชนของเราเอง และประกาศขอรับความช่วยเหลือจากนานาชาติ ไม่ใช่ให้ พล.อ.มินอ่องลาย ออกมาแค่พูดครั้งเดียวจบ ซึ่งจริงๆแล้วทางการพม่าควรไปพบสถานทูตต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือในทันที และควรเปิดทุกทางให้ส่งความช่วยเหลือเข้ามาได้ในพื้นที่

“ตอนพายุนาร์กีส ประชาชนนับล้านต้องประสบภัยพิบัติ แต่ทหารพม่ากลับปิดเส้นทางทั้งหมดที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งๆ ที่เป็นความช่วยเหลือของสหประชาชาติ เพราะเขาไม่สนใจประชาชน เราพบว่ามีข้าวบริจาคของหน่วยงาน UN กลับเอาไปให้ทหารพม่า แทนที่จะส่งให้ถึงมือประชาชนผู้ที่กำลังทุกข์อย่างสาหัส ทำไมทหารพม่าไม่ยอมปล่อยให้ความช่วยเหลือจากนานาชาติเข้าถึงประชาชนอย่างเต็มที่ กลับปิดกั้นเส้นทางความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ซึ่งควรเข้าไปถึงพื้นที่ที่ประสบภัยได้เต็มที่และทันที”ผู้อำนวยการมูลนิธิฯผู้นี้ กล่าว

ดร.ซานอ่องกล่าวว่า ทหารพม่าต้องหยุดการกระทำแบบนี้ที่บิดเบือนปิดกั้นการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของนานาชาติ พวกตนในฐานะองค์กรภาคประชาสังคมขอเรียกร้องให้ความช่วยเหลือจากนานาชาติเข้าสู่ประชาชนพม่า แต่ห้ามให้มาผ่านทหารพม่า พื้นที่ในเขตของฝ่ายต่อต้านก็ต้องเข้าไปได้ การช่วยเหลือผ่านพรมแดน cross-border aid ผ่าน NGOs ผ่านพรมแดนไทยพม่าควรเริ่มในทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้กระทบการสู้รบในพม่าหรือไม่ ดร.ซานอ่องกล่าวว่า คงไม่ เพราะสถาการณ์สงครามในพม่านั้น ทุกกลุ่มต้องหยุดยิงกันทันที และต้องเปิดเส้นทางให้ความช่วยเหลือเข้าไปได้ ประเทศพม่าอยู่ภายใต้เผด็จการทหารมามากกว่า 50 ปี ประชาชนทนทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนาน คนจำนวนมากต้องอพยพมาประเทศไทย ทหารพม่าคือปัจจัยสำคัญของการปิดกั้นความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เราต้องเอาอำนาจออกไปจากกองทัพพม่า ต้องเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน

“หากความช่วยเหลือในครั้งนี้ส่งผ่านทหารพม่า ก็คงเป็นแค่หยดน้ำในทะเล ภัยพิบัติแผ่นดินไหวในครั้งนี้เกิดในเขตสีขาว ที่เมืองมัณฑะเลย์ สะกาย ส่วนหนึ่งของรัฐฉาน พะโค มะเกว ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ในภัยพิบัติครั้งนี้เราต้องใช้ทรัพยากรและสรรพกำลังมหาศาลในการเข้าไปช่วยกู้ภัย ช่วยเหลือ และฟื้นฟู การช่วยเหลือนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งผ่านองค์กรประชาชน”ดร.ซานอ่อง กล่าว

ดร.ซานอ่องกล่าวว่า ขณะนี้องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานตลอดแนวชายแดนไทยพม่า กำลังพยายามสร้างเครือข่ายมนุษยธรรม ร่วมกับเครือข่ายสุขภาพของ พญ.ซินเทีย จัดระบบการส่งต่อความช่วยเหลือเข้าไปให้ประชาชนในพม่า รวมทั้ง NUG เราพยายามช่วยส่งความช่วยเหลือเข้าไปให้ถึงประชาชนผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1250856170378522&set=a.504230305041116



จับตา อาชญากรโลก เยือนไทย รัฐไทยควรแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ไม่สนับสนุนเผด็จการ ขณะที่หลายพื้นที่ อยู่ท่ามกลางวิกฤต แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ กองทัพรัฐบาลทหารเมียนมายังโจมตีและทิ้งระเบิดในหลายพื้นที่


Pipob Udomittipong
14 hours ago
·
รัฐไทยควรแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ไม่สนับสนุนเผด็จการ
ประเทศไทยควรใช้โอกาสนี้ในการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา การให้การต้อนรับมิน อ่อง ไหล่ ไม่เพียงแต่เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ แต่ยังเป็นการเพิกเฉยต่อความทุกข์ทรมานของประชาชนเมียนมาที่ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร

โมกหลวงริมน้ำ
15 hours ago
·
จับตา อาชญากรโลก เยือนไทย
.
ในเดือนเมษายนนี้ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา มีกำหนดเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BIMSTEC ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัฐบาลทหารยังคงเดินหน้าปราบปรามประชาชนของตนเองอย่างโหดร้าย แม้กระทั่งหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ในประเทศก็ตาม
การโจมตีประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้หลังเหตุแผ่นดินไหว
เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่เมียนมาต้องเผชิญกับเหตุแผ่นดินไหว กองทัพภายใต้การนำของมิน อ่อง ไหล่กลับยังคงเดินหน้าทิ้งระเบิดโจมตีพลเรือน หมู่บ้านนั้งลิน ในรัฐฉานถูกถล่มด้วยเครื่องบินเจ็ทไฟท์เตอร์ ส่งผลให้มีทหารหญิง 6 นาย และทหาร DPLA 1 นายเสียชีวิต รวมถึงพลเรือนบาดเจ็บอีก 7 คน โรงเรียนและบ้านเรือนพังเสียหาย แม้ว่าหมู่บ้านดังกล่าวจะอยู่ห่างไกลจากแนวปะทะหลักของสงครามก็ตาม เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นถึงการใช้กำลังทางทหารโดยไร้มนุษยธรรม ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมต่อพลเรือน
การเดินทางเยือนไทยของมิน อ่อง ไหล่ คือการสร้างภาพความชอบธรรมให้เผด็จการ
การประชุม BIMSTEC ควรเป็นเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคม แต่การที่รัฐบาลไทยให้การต้อนรับมิน อ่อง ไหล่ ถือเป็นการให้ความชอบธรรมแก่รัฐบาลทหารที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลไทยพร้อมให้พื้นที่แก่ผู้นำเผด็จการ แม้ว่าประชาคมโลกจะประณามการกระทำของเขาก็ตาม
ความเงียบของไทย สวนทางกับจุดยืนของประชาคมโลก
ในขณะที่ประเทศตะวันตกหลายชาติได้ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลทหารเมียนมาและปฏิเสธให้การยอมรับ มิน อ่อง ไหล่ รัฐบาลไทยกลับเลือกให้การต้อนรับและเปิดโอกาสให้เขามาเข้าร่วมเวทีทางการทูต นอกจากนี้ ช่วงเวลาของการประชุมยังเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับท่าทีของรัฐบาลไทยต่อประเด็นสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะกรณีการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ ซึ่งทำให้ไทยต้องเผชิญกับแรงกดดันจากประชาคมระหว่างประเทศมากขึ้น
รัฐไทยควรแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ไม่สนับสนุนเผด็จการ
ประเทศไทยควรใช้โอกาสนี้ในการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา การให้การต้อนรับมิน อ่อง ไหล่ ไม่เพียงแต่เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ แต่ยังเป็นการเพิกเฉยต่อความทุกข์ทรมานของประชาชนเมียนมาที่ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร
เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ทบทวนการให้การต้อนรับมิน อ่อง ไหล่ และไม่สนับสนุนเผด็จการที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน การให้พื้นที่แก่ผู้นำที่ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติไม่ควรเป็นทางเลือกของรัฐบาลไทย หากไทยต้องการเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบในประชาคมโลก รัฐบาลต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการยืนหยัดเพื่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ไม่ใช่เปิดทางให้เผด็จการได้รับความชอบธรรมผ่านเวทีทางการทูต
#โมกหลวงริมน้ำ #BIMSTEC #BIMSTEC101 #เมียนมา #เกษตร #ความมั่นคงทางอาหาร
อ้างอิง https://www.reuters.com/.../myanmar-junta-chief-join...
Shwe Phee Myay News Agency

https://www.facebook.com/pipob.udomittipong/posts/10162324186981649





 

บทเรียนจากเซอร์เบีย ความหายนะในโครงการก่อสร้างโดย “China Railway” นำมาสู่วิกฤตการเมืองในประเทศเซอร์เบีย ไทยจะถึงจุดนั้นหรือไม่ ? แต่คนเหลืออดกับทุนจีนมากขึ้นเรื่อยๆ


Paul Adithep
20 hours ago
·
วิกฤตการเมืองในเซอร์เบีย จากหายนะในโครงการก่อสร้างโดย “China Railway”
เห็นข่าวว่าตึก สตง.บ้านเราที่ถล่มก่อสร้างโดย China Railway No.10 Engineering Group บริษัทลูกของ China Railway Group Limited ก็ทำให้ผมนึกถึงข่าวหลังคาสถานีรถไฟถล่มในเซอร์เบียซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 ราย (AP: t.ly/L_zEY) เพราะอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการปรับปรุงอาคารครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดย China Railway International Co.(CRIC) และ China Communications Construction Co. (CCCC) ซึ่ง CRIC ก็เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของ China Railway Group เช่นกัน
เหตุการณ์ในเซอร์เบียจริงๆ ก็เพิ่งเกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อนนี่เองครับ ในโครงการปรับปรุงสถานีรถไฟ Novi Sad เมืองใหญ่อันดับสองของเซอร์เบีย ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี 1964 ส่วนการปรับปรุงอาคารเริ่มต้นตั้งแต่ ตุลาคม 2021 เปิดใช้บริการ มีนาคม 2022 ช่วงที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพอดี พอเลือกตั้งเสร็จก็ทำการปรับปรุงต่อในเฟสสอง
บริบทก่อนเหตุหายนะก็คือ Aleksandar Vucic ประธานาธิบดีสายอำนาจนิยมขึ้นมามีอำนาจในปี 2017 ซึ่งอยู่ในช่วงที่จีนกำลังผลักดันโครงหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เค้าเปิดรับทุนจีนอย่างเต็มที่โดยเฉพาะในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเซอร์เบีย จนกระทั่งจีนกลายเป็นชาติที่ลงทุนในเซอร์เบียมากเป็นอันดับหนึ่งตั้งแต่ปี 2020 และยิ่งเกิดสงครามยูเครน การพัฒนาเส้นทางรถไฟจากท่าเรือในกรีซไปถึงฮังการีผ่านเซอร์เบียยิ่งมีความสำคัญอย่างมากในการส่งสินค้าจีนเข้าไปยังยุโรป (Nikkei: t.ly/hmnVa)
แต่ทุนจีนก็สร้างความกังวลให้กับหลายฝ่ายโดยเฉพาะปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมและความโปร่งใส เนื่องจากทุนจีนมักจะหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่ตัวเองไปลงทุน และโครงการปรับปรุงสถานีรถไฟ Novi Sad ก็เจอปัญหานี้ตั้งแต่ยังไม่ทันเกิดโศกนาฎกรรม
ด้วยโครงการดังกล่าวถูกทำให้เกี่ยวพันกับการเมือง เพราะนักการเมืองในตำแหน่งนำมาใช้ประโยชน์ในการหาเสียง สื่อท้องถิ่นเค้าก็เลยถามหาเอกสารสัญญาที่ทำระหว่างรัฐบาลกับทุนจีน กระทรวงคมนาคมบอกว่า ได้แจ้งไปทางทุนจีนแล้ว แต่ทุนจีนตอบกลับมาว่า พวกเค้าไม่จำเป็นต้องเปิดเผยรายละเอียดของสัญญาจนกว่าการก่อสร้างจะเสร็จสิ้น ซึ่งทำให้สื่อเซอร์เบียงงไปเลยเพราะนั่นไม่ใช่ข้อยกเว้นตามกฎหมายข้อมูลสาธารณะของเซอร์เบีย (The Geopost: t.ly/hmnVa)
จนกระทั่งมาเกิดโศกนาฏกรรมในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2024 เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเซอร์เบียเป็นอย่างมาก มันถูกขนานนามว่าเป็นการฆาตกรรมจากการคอร์รัปชั่น ซึ่งทางทุนจีนออกมาแก้ต่างว่า พวกเค้าไม่ได้ไปแตะโครงสร้างหลังคาที่ถล่มเลยนะ เพียงแต่ทำการตกแต่งภายในเท่านั้นเอง แต่เมื่อมีการถามหารายละเอียดของสัญญาทั้งรัฐบาลเซอร์เบียและทุนจีนก็ยังไม่ยอมเปิดเผยสัญญาอยู่ดี
การประท้วงต่อต้านการคอร์รัปชั่นจึงเกิดขึ้น เริ่มต้นจากกลุ่มนักศึกษามหาลัยก่อนขยายตัวไปถึงประชาชนทั่วไปทั้งประเทศกินเวลานับเดือนจนถึงปัจจุบัน รายงานของ BBC เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา อ้างข้อมูลจากผู้สังเกตการณ์อิสระระบุว่า ในจุดสูงสุดจำนวนผู้ประท้วงน่าจะมีราว 275,000-325,000 คน หรือมากยิ่งกว่านั้น (t.ly/kH8kw)
"Vucic สร้างภาพลักษณ์ของตนผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากทางรถไฟ ถนนหนทาง และสะพานใหม่ๆ ด้วยเงินลงทุนของจีน แต่หายนะใน Novi Sad กำลังทำให้ภาพมายาดังกล่าวพังทลายลง" Vuk Vuksanoic นักวิจัยอาวุโสจาก Belgrade Center for Security Policy กล่าวกับ Nikkei "ก่อนนี้นักศึกษาเซอร์เบียไม่มายุ่งเรื่องการเมือง แต่หายนะครั้งนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนรู้สึกถึงความน่ารังเกียจของการหมกเม็ดและการทุจริต"
บทเรียนจากเซอร์เบียจึงทำให้เกิดคำถามว่า เราจะได้เห็นความโปร่งใสจากการสืบสวนสาเหตุของการถล่มของตึก สตง. มากแค่ไหน? เพราะในกรณีของเซอร์เบียแม้รัฐบาลจะพยายามลดความตึงเครียดด้วยการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลาออก และมีการดำเนินคดีกับฝ่ายการเมืองระดับรัฐมนตรีด้วย แต่เอกสารสัญญาที่ทำกับทุนจีนกลับได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ จนเหมือนทุนจีนได้รับสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ไม่ต้องตกอยู่ใต้บังคับของกฎหมายในประเทศที่ตัวเองไปลงทุนเสียอย่างนั้น

https://www.facebook.com/photo/?fbid=29510408581876263&set=a.106211759389335


กัปตันคนเนิร์ด จะยื่นฟ้องศาลปกครองให้มีคำพิพากษาให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้มีระบบเตือนภัยที่เหมาะสม ฟ้องคดีแผ่นดินไหวที่ศาลปกครอง มีข้อกฎหมายอะไรน่ารู้บ้าง








https://x.com/captainnerd23/status/1905808848507850926
https://x.com/captainnerd23/status/1906342064390029731



อุโมงค์ถล่มที่โคราชปีที่แล้ว ก่อสร้างโดยรัฐวิสาหกิจจีน China Railway เช่นกัน! อ่านข่าวดูได้ 👇 - มีคนเสียชีวิต 3 ราย



ปิดภารกิจ 126 ชั่วโมง "อุโมงค์ถล่ม" พาร่าง 3 คน กลับครอบครัว

29 ส.ค. 67
Thai PBS

126 ชั่วโมงอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีนถล่มในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ภารกิจสุดหินนำ 3 ชีวิตกลับสู่ครอบครัว ต้องค้นหาท่ามกลางอุโมงค์ดินที่ปิดทับ ชุดกู้ภย K 9 ท่ามกลางความเสี่ยง ชี้เกิดจากดินทรุดตัว

ภายหลังปฎิบัติการ 126 ชั่วโมงเพื่อนำคนงานที่ติดค้างในอุโมงค์โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน พังถล่ม และทับคนงาน 3 คนตั้งแต่คืนวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา

วันนี้ (30 ส.ค.2567) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร ร่วมแถลงปฎิบัติการค้นหากู้ภัยดินถล่ม ยืนยันพบผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) 1 คน และวันนี้อีก 2 คน โดยนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาแล้ว

ส่วนการชันสูตรอย่างเป็นทางการ ทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จะดำเนินการ เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตคนแรกเสียชีวิตจากการขาดอาการหายใจ ส่วนอีก 2 คนจะทราบผลเสียชีวิตเบื้องต้นในวันนี้



ไทย-จีนร่วมค้นหาผู้สูญหาย

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า จากการเฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทุ่มเทสรรพกำลังในการช่วยเหลือ แต่จากสภาพโครงการในอุโมงค์ ก็ต้องสร้างความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือด้วย หลังจากนี้จะถอนกำลังที่ไม่เกี่ยวข้องออก เหลือการสืบสวนสอบสวนโดยตำรวจ และหน่วยงานของ รฟท.ทำรายงานสอบสวนสอบสวน

"ผลที่ออกมาก็เสียใจที่ไม่สามารถกอบกู้ชีวิตคนงานได้"


ในส่วนของการดูแล เรื่องความเสียหายต่าง ๆ ของโครงการ จะขอประวัติการทำงาน สภาพการจ้างงานเพื่อประสานไปยังสำนักงานประกันสังคมให้การช่วยเหลือต่อไป พร้อมทั้งขอบคุณผู้ว่าฯ นครราชสีมที่มอนิเตอร์สถานการณ์อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาสนับสนุนภารกิจครั้งนี้

"รัฐบาลจีน ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยกู้ภัย ทุกอย่างเป็นความร่วมมือกันอย่างดี หวังว่ากรณีจะเป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก หรือหากเกิดเหตุจะใช้เวลาให้น้อยที่สุดในการช่วยหลือผู้ประสบเหตุให้ได้เร็วที่สุด"



ความยากดินเสี่ยงถล่ม-โครงสร้างไม่รับน้ำหนัก

สำหรับความยากลำบากในการกู้ชีวิตภัยอุโมงค์ถล่ม นายอนุทิน กล่าวว่า ความยากในการปฏิบัติภารกิจนี้คือ ความยากทางวิศวกรรม เพราะหลังจากดินถล่ม โครงสร้างไม่สามารถรับน้ำหนักของดินได้ และในช่วงฤดูฝนก็มีความเสี่ยง การช่วยเหลือต้องขุดชั้นดิน และให้มีความมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุถล่มหรือวัสดุร่วงหล่นลงมา

"การช่วยเหลือต้องเซฟทั้งผู้ประสบภัย ผู้กู้ชีพ คนงานด้วย ยิ่งลึกก็ต้องสร้างโครงสร้างชั่วคราวขึ้นมาค้ำยัน ทำให้การใช้เครื่องมือเครื่องจักรมีข้อจำกัด ต้องใช้พลั่ว จอบ เสียม ขุดไปจนพบร่างผู้เสียชีวิตจึงทำให้เกิดความล่าช้า"

ยืนยันผู้สูญหาย 3 คน-สาเหตุรอผลสอบสวน

นายอนุทิน ระบุว่า จุดที่ร่างผู้เสียชีวิตพบนั้นก็เป็นไปตามเครื่องสแกนที่นำมาตรวจจับ และยืนยันดับเบิลเช็กโดยสุนัข K9 โดยทั้ง 2 วิธีได้กำหนดจุดที่มีร่างผู้ประสบภัยได้ตรงกัน เมื่อขุดลงไปก็พบว่าเป็นระยะที่ใกล้เคียงมาก กับระยะที่เครื่องจับได้ มีการขุดทั้งแนวราบแนวดิ่งและแนวทแยง

ผู้เสียชีวิตคนแรกเสียเสียชีวิตข้างรถดัมพ์ ส่วนอีก 2 คนอยู่ใกล้กัน ซึ่งผลที่ชัดเจนต้องรอการชันสูตรจากแพทย์ คนแรกถูกกันด้วยตัวถังรถติดผนังถ้ำ คนที่ 2 และ 3 ไม่ได้ถูกทับ แต่อยู่ในช่องว่างเพราะโครงข้างบนค้ำอยู่หรือรถขุดค้ำอยู่

"ถามว่ามี 3 คนใช่หรือไม่ทางบริษัทผู้ว่าจ้าง ก็ตรวจสอบเช็กยอดและรายชื่อก็บอกว่ามี 3 คน โดยทั้ง 3 จุดที่พบอยู่รัศมีก็ประมาณ 25 เมตรจากจุดที่ดินถล่มลงมา"



ขณะที่สาเหตุครั้งนี้ ตำรวจและ ร.ฟ.ท.จะต้องตรวจสอบว่า ดำเนินการภายใต้หลักการทางวิศวกรรมหรือไม่ ทั้งนี้ผู้รับเหมาที่เป็นคู่สัญญาของ ร.ฟ.ท.จะต้องรับผิดชอบทุกสิ่ง ซึ่งมีข้อผูกพันทางสัญญาที่ต้องปฏิบัติตามสัญญา รวมถึงการสอบสวนโครงการว่าทำตามแบบ ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ เพราะเป็นงานซึ่งมีกระบวนการเป็นขั้นตอน ซึ่งจะตรวจสอบเป็นลำดับไป

"โครงสร้างที่พังลงมา ร.ฟ.ท.มีที่ปรึกษา วิศวกร ที่ออกแบบต้องดูว่าการถูกต้องหรือไม่ ของแบบนี้สามารพิสูจน์ได้ ไม่ควรรีบด่วนสรุป"

ขณะที่กระทรวงแรงงาน จะเร่งเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้ประกันตน โดยช่วยเหลือเงินค่าทำศพคนละ 50,000 บาท และเงิน 70 % ของค่าจ้างเป็นเวลา 10 ปี และการป้องกันจะหารือกับ ร.ฟ.ท.และบริษัทต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีกในอนาคต
 


ด้าน นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การช่วยเหลือแรงงาน 3 คนที่ติดค้างภายในอุโมงค์ เกิดจากเหตุดินทรุดตัวภายในอุโมงค์ ตั้งแต่เมื่อเวลา 23.40 น. ของคืนวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยมีการเปิดเผยคลิป ขณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการทำงานอยู่ด้านในอุโมงค์ ในคลิปจะเห็นความยากลำบาก ภายหลังเจ้าหน้าที่สร้างอุโมงค์เหล็กบีมเสร็จ ยังไม่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีได้ ต้องเจาะดินเป็นโพรงลึกลงไป 1.8 เมตร



จากนั้นต้องใช้ไม้ค้ำยันหน้าดินเป็นชั้น เพื่อไม่ให้ดินถล่มใส่เจ้าหน้าที่ โดยเป็นรูช่องขนาดเล็กมาก มีการต่อท่อสายออกซิเจนเข้าไปในโพรงเพื่อเพิ่มอากาศหายใจให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในหลุมลึก

ภายในหลุมลึก เจ้าหน้าที่พบผู้ประสบภัยคนแรกที่เป็นชาวเมียนมา และช่วยออกมาได้สำเร็จเมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) ต่อมเวลา 06.00 น. วันนี้ เจ้าหน้าที่ก็พบเพิ่มในหลุมดำกล่าวเป็นผู้ประสบภัยอีก 2 คนคือรายที่ 2 และ 3








https://x.com/kandainthai/status/1905977685358047233
https://www.thaipbs.or.th/news/content/343661