
Pavin Chachavalpongpun
22h
บทความของดิชั้นเช้านี้ที่ Washington Post เรื่องคดีที่ดิชั้นถูกทำร้ายที่เกียวโต การส่งคนมาทำร้ายผู้ลี้ภัยในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดมานานแล้วที่เรียกว่า transnational repression มีผู้ลี้ภัยถูกสังหารและสูญหายนับสิบคน และคนสั่งการคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ ดิชั้นเรียกร้องให้ประเทศตะวันตก องค์กรประชาสังคมระหว่างประเทศ และองค์การสหประชาชาติ เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังและเร่งด่วนค่ะ คนสั่งการจะสูงส่งเพียงใด เราต้องกระชากมันลงมารับโทษ
...My article published today in Washington Post reflecting on the court case concerning the attack against me in Kyoto in July 2019. I highlight the fact that this is an ongoing transnational repression promoted by the Thai palace in undermining their critics overseas.
#monarchy #thailand #transnationalrepression
The MATTER
13h
BRIEF: ปวินเขียนบทความ เรียกร้อง UN จับมือกับรัฐบาลต่างๆ ดูแลผู้ลี้ภัย หลังเจอเหตุการณ์บุกทำร้าย
.
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2562 ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ลี้ภัยทางการเมืองในญี่ปุ่น ถูกคนร้ายชาวญี่ปุ่นวัย 43 ปี บุกเข้ามาที่อพาร์ทเมนต์ในเมืองเกียวโตอย่างอุกอาจ และทำร้ายปวินกับคู่ชีวิตที่กำลังนอนอยู่ด้วยการฉีดเปรย์ใส่ ‘ไม่ยั้ง’
.
3 ปีถัดมา ในวันที่ 8 มิ.ย. 2565 ศาลเมืองเกียวโตตัดสินว่า ชายชายญี่ปุ่นคนดังกล่าว ที่ชื่อว่า ทัตสึฮิโกะ ซาโตะ มีความผิดจริง ด้วยข้อหาบุกรุกเคหสถานและทำร้ายร่างกาย พร้อมสั่งให้จำคุก 20 เดือน แต่ในการดำเนินคดีครั้งนี้ เรารู้เพียงแค่ว่า เขาได้รับการร้องขอแกมข่มขู่มาจาก ‘พี่’ คนหนึ่ง ให้มาก่อเหตุนี้
.
ปวินเคยเล่ากับ The MATTER ถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจอย่างมาก หลังจากวันนั้น ก็ยังคงหวาดระแวง ต้องเช็คหน้าต่างซ้ำไปซ้ำไป และมักจะสะดุ้งตื่น ไม่รู้สึกปลอดภัย ซ้ำยังเคยฝันว่าถูกทำร้าย ทำให้ชกคู่ชีวิตที่นอนอยู่จนจมูกหัก
.
วันนี้ (10 มิ.ย.2565) เขาเขียนบทความแสดงความคิดเห็นลงในหนังสือพิมพ์ The Washington Post เพื่อสะท้อนถึงเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือการพูดถึงปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘transnational repression’ หรือการกดขี่ปราบปรามข้ามชาติ ที่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยหลายคนต้องเผชิญในต่างแดน
.
The MATTER ขอสรุปบทความดังกล่าวมาให้อ่านกัน ดังต่อไปนี้
.
ในบทความที่เพิ่งเผยแพร่ ปวินตั้งข้อสังเกตว่า การบุกทำร้ายตัวเขาน่าจะมี ‘การชักใย’ จากในประเทศไทย และชี้ว่า เป็นเหตุการณ์ที่สอดคล้องกับ "รูปแบบการกดขี่ปราบปรามข้ามชาติต่อผู้ที่วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ในช่วงปีที่ผ่านมา” (“pattern of transnational repression against critics of the monarchy in recent years”) ซึ่งเขาก็บอกว่า ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา มีฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองชาวไทยหลายคนที่ถูกลักพาตัวและสังหารในกัมพูชาและลาว
.
เขายกตัวอย่างล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย.2563 นั่นคือ กรณีของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูก “ลักพาตัวกลางวันแสกๆ ที่หน้าอพาร์ตเมนท์ของเขาในพนมเปญ จากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย” อีกกรณีก่อนหน้าคือ ศรัณย์ ฉุยฉาย หรืออั้ม เนโกะ ที่ถูกทำร้ายหน้าร้านอาหารในกรุงปารีส โดยชาวเช็ก 2 คน “ที่ถูกจ้างวานมาให้ทำร้ายเธอ”
.
อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ ปวินเขียนว่า “ระบอบอำนาจนิยมใช้วิธีนี้มานานแล้ว เพื่อกำจัดและคุกคามศัตรูในต่างแดน แม้จะหมายถึงการละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศเจ้าบ้านอย่างโจ่งแจ้งก็ตาม” ตัวอย่างหนึ่งที่อาจคุ้นเคยกันดีก็คือ การสังหาร จามาล คาช็อกกี นักข่าวคนสำคัญที่เป็นปากเสียงวิจารณ์รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย
.
ปวินยังอ้างรายงานปี 2565 ของ Freedom House องค์กรเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของสหรัฐฯ ด้วยว่า ประเทศไทยเองก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์กดขี่ปราบปรามข้ามชาติที่ว่านี้ โดยได้ร่วมมือกับจีน กัมพูชา และเวียดนาม ในการส่งกลับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองให้กับประเทศเหล่านั้น
.
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเรียกร้องไปยังองค์กรและรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้ลงมือแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง พร้อมกับเรียกร้องไปยังสหประชาชาติ (UN) ให้ลุกขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการทำงานร่วมกับรัฐบาลต่างๆ เพื่อสร้างบรรทัดฐานและพัฒนามาตรการรับรองความปลอดภัยของผู้ลี้ภัยทางการเมืองด้วย
.
ท้ายที่สุด ปวินย้อนกลับมากล่าวถึงการบุกทำร้ายในเมืองเกียวโตว่า เหตุการณ์นี้ยังไม่จบ ตำรวจญี่ปุ่นยังคงทำงานสอบสวนคดีนี้ต่อไป แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขาบอกว่า “เรื่องราวเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวแค่กับตัวผมเท่านั้น แต่เกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ลี้ภัยทุกคนที่เรียกร้องความเปลี่ยนแปลงในบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาด้วย”
.
อ่านบทความฉบับเต็มของปวินใน The Washington Post ได้ที่: https://www.washingtonpost.com/.../pavin-chachavalpongpun...