วันศุกร์, กรกฎาคม 09, 2564

บทสัมภาษณ์ ไอโอที่ไม่อิน ระบบนี้แม่งไม่ใช่แบบที่เราคิด



ปั้นเขียน 
July 5 at 7:01 AM ·

เริ่มรู้ตัวตอนไหนว่าระบบนี้แม่งไม่ใช่แบบที่เราคิด
"ตอนที่ได้รู้จักทหารหน่วยหนึ่ง มันคือทหารที่ทำงานให้คน ๆ หนึ่ง ตุกติกไม่ได้ มันไม่อยู่ในหลักประชาธิปไตย ไม่มีอิสระทางความคิด
.
เราโดนให้ทำงาน io ในทวิตเตอร์ ต้องทวิต รีทวิต ติดแฮชแท็ก ดันแฮชแท็ก แต่ยังไม่เคยไปตอบเม้นที่โดนทัวร์ลงนะ แค่ทวิตเฉย ๆ หลัก ๆ เนื้อหาก็เบื่อม็อบ อวย ▇▇ ทำให้ม็อบแตกแยก ประมาณนี้ แล้วก็มีการส่งยอดว่าวันนี้รีทวิตไปเท่าไหร่ ดันแฮชแท็กไปกี่ทวิต
.
พอรู้ว่าต้องทำงานแบบนี้ ก็บ่นกับเพื่อนอะ คิดในใจ กูต้องมาทำงานสกปรกแบบนี้เหรอ วงการอะไรวะเนี่ย เพื่อนกันก็คุยกัน เราต้องทำงานแบบนี้เหรอวะ ก็ปลอบใจกัน งานอะไรเนี่ย ทำเพื่ออะไรวะ มันไม่ใช่งานที่สมเหตุสมผลเลย การพูดของเขามันมองประชาชนเป็นศัตรูอะ เป้าหมายคือทำให้ม็อบแตกแยกกันอย่างงี้"
______________________________
ต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ / บทสนทนา ระหว่างผู้เขียนและผู้ให้สัมภาษณ์ นี่นับเป็นงานลำดับที่ 13 ในโปรเจกต์ #100Strangers นี้
.
เรื่องไม่ได้เล่าแค่เรื่อง io หรือระบบทหารมีปัญหายังไง แต่ยังค่อย ๆ ทำให้เราเห็นคนที่มองระบบทหารเปลี่ยนไปตามเวลา จากเคยศรัทธา กลายเป็นหมดหวังกับระบบ
.
ยาวหน่อย แต่อยากให้ได้อ่านกันครับ ข้อมูลตรงนี้มีคุณค่ามาก จะมี 'คนใน' สักกี่คนที่กล้าออกมาพูด ผู้เขียนได้รับเกียรติอย่างสูงที่ได้รับอนุญาตให้นำบทสนทนานี้มาเขียนครับ
______________________________
"ตอนมอหนึ่ง เราเล่นเกมยิงปืน เลยชอบทหาร แล้วมีเพื่อนมาชวนเราไปสอบโรงเรียนทหารชื่อดังย่านนครนายกพอดี ก็เลยไปบอกพ่อ ว่าจะไปเป็นทหาร พ่อไม่ให้ ส่วนแม่ไม่ว่าอะไร พ่อบอกว่าพ่อเลี้ยงมาแบบนี้ ลูกไปอยู่ในสังคมแบบนั้นไม่ได้หรอก เราก็ไม่เชื่อ ก็เลยขอคะยั้นคะยอจะไปเรียนติวกวดวิชาเข้าโรงเรียนทหารชื่อดังย่านนครนายก บ้านเราก็เลี้ยงแบบปล่อย เห็นว่าอยากเรียน พ่อก็เลยส่งให้เราไปติว ทั้ง ๆ ที่ตัวพ่อเองก็ไม่เห็นด้วยแหละ เราก็เรียนพิเศษไปเรื่อย ๆ จนมอสามก็ไปเข้าค่ายติวครั้งแรก
.
ค่ายติวจะเป็นเป็นค่ายค้างคืน ไปกินนอนกับเขาเลย จะเหมือนค่ายติวปกติเลย แค่มีระบบทหารอยู่ในนั้นด้วย อาจารย์ก็มีทั้งอาจารย์พลเรือน แล้วก็ทหารด้วย ทหารพวกนี้จะเป็นทหารที่ได้ทุนไปเรียนนอก แล้วกลับมาใช้ทุนเป็นอาจารย์ ก็มาหารายได้เสริมรับสอนในสถาบันกวดวิชาพวกนี้ด้วย"
ที่บอกว่ามีทหารที่จบนอก แปลว่าในระบบทหารก็มีการให้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศใช่มั้ย
"มี แต่ไม่เยอะ ประมาณสิบคนต่อรุ่น คนเก่ง ๆ จะไม่ค่อยอยู่ไทยหรอก พอมีโอกาสเขาก็ไปกันหมด คนพวกนี้กลับมาอยู่ไทยจะไม่โต จะไม่มีอำนาจ จะกลับมาทำงานใช้สมอง เป็นอาจารย์ เป็นครูแบบนี้ คนพวกนี้หลังกลับมาไทยชีวิตจะนิ่งแล้ว มีเครดิต ออกไปจากระบบทหารก็ยังหางานได้เพราะจบนอก ต่างกับปริญญาทหารปกติ ที่สู้คนข้างนอกไม่ค่อยได้ เพราะเนื้อหาที่ใช้จริงส่วนใหญ่ก็เป็นวิชาทหาร ออกไปวิชาทหารก็เอาไปทำอะไรไม่ได้
.
เราก็ติวไปเรื่อย ๆ จนไปสอบ รอบแรกตอนมอสาม ตอนนั้นยังเรียน ๆ เล่น ๆ พอสอบไม่ติดไฟมันมาเลย จากเป็นเด็กหลังห้องเลยขยัน ย้ายไปเรียนค่ายติวที่ราชบุรี ที่นี่เป็นค่ายติวดัง ติวคนติดมากที่สุดในประเทศไทย สอบไปสอบมาได้ไปอยู่ห้องคิงที่ค่ายติว ก็เลยได้เพื่อนดี ๆ พากันเรียน ตอนนั้นก็เรียนโรงเรียนธรรมดาไปด้วย ปิดเทอมก็ไปอยู่ค่ายติว ทั้งปิดเทอมเล็กปิดเทอมใหญ่เลย ช่วงนั้นเพื่อนชวนไปเที่ยวไหนไม่ไปเลย ติวอย่างเดียว คิดแค่ว่ากูต้องเอาให้ได้
.
ช่วงนั้นชีวิตมีแค่เรียน กลับบ้าน ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ชีวิตมีแค่นี้เลย ตอนนั้นแทบไม่ได้ยินด้านลบของทหารเลย เพราะเราก็ไม่ค่อยสนใจการเมือง มุมมองที่ได้เห็นทหารก็มีแต่มุมมองดี ๆ ได้เห็นทหารช่วยสึนามิ ช่วยภัยพิบัติ หรือปัญหาชายแดน
.
การสอบแบ่งออกเป็นวิชาการ คือไทย อังกฤษ คณิต สังคม วิทย์ แล้วก็ทดสอบร่างกาย ดันพื้น ดึงข้อ วิ่งเก็บของ วิ่งพันเมตร ว่ายน้ำห้าสิบเมตร ตอนนั้นร่างกายไม่มีปัญหา เราออกกำลังกายตลอด ชิว ๆ อยู่แล้ว เครียดสอบวิชาการมากกว่า ตอนสอบเคมีไม่ทำ เพราะเรียนไม่รู้เรื่องตั้งแต่แรก คณิตทำได้ ฟิสิกส์ทำได้หมด
.
จนสุดท้ายสอบออกมาเสร็จ ปรากฎว่าติด เขาประกาศผ่านเว็บ “ประกาศผู้ที่มีสิทธิ์เข้าศึกษาในโรงเรียนทหารชื่อดังย่านนครนายก” ก็มีชื่อเรา เราก็เอาให้พ่อดู “พ่อ นี่ ติดตัวจริง” พ่อก็ดีใจกับเรา ลูกทำได้ พ่อแม่ก็ดีใจกับลูกแหละ พ่อคงมีอะไรในใจแหละ แต่เขาไม่อยากพูด เขาเคยห้ามเรา แสดงว่ามันต้องมีอะไรที่ไม่ดีแหละ
.
เราก็เลือกเหล่า พอโดนเรียกให้เข้าห้องประชุมเราบอกพ่อเลย “พ่อ ไป ลาออกได้เลย” พ่อก็ไปลาออกให้เราที่โรงเรียน เราก็นั่งรออยู่กับแม่ สุดท้ายเราเลือกทหาร ▇▇ เพื่อนที่โรงเรียนก็มา “ยินดีด้วยน้า” อะไรงี้ บางคนก็แซวว่ามีเพื่อนเป็นนายกแล้วเว้ย ประมาณนั้น
.
ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว เป็นไปตามที่เราหวัง มันก็ยากด้วย ไม่ได้สอบติดง่าย ๆ แต่เราทำได้ ก็ดีใจ ตอนนั่งรถไปโรงเรียน พ่อก็ถามว่า ไปอยู่นู่นจะไหวเหรอ ก็ตอบไปแบบคนมีอุดมการณ์อะ “เพื่อนอยู่ได้ เราก็ต้องอยู่ได้”
.
เราก็เข้าโรงเรียนตามระบบ วันมอบตัวก็มีจ่ายค่าทำสัญญา แล้วก็เซ็นสัญญามอบตัว สัญญาจะระบุประมาณว่า หลังจากที่คุณเซ็นไปแล้วเนี่ย ถ้าลูกคุณลาออกจะโดนอะไรบ้าง ค่าปรับที่เพิ่มขึ้นตามชั้นปี สวัสดิการ เงื่อนไขต่าง ๆ อะไรแบบนี้ (ค่าปรับในการลาออกเกือบล้านบาท)
ทำสัญญามอบตัวเรียบร้อย เข้าโรงเรียนวันแรกก็โดนแดกเลย ผู้ปกครองกลับบ้านเรียบร้อย เหลือแต่นักเรียนใหม่ เขาก็ให้เราดันพื้นบนพื้นคอนกรีต มือสุกมือพองหมดเลย เหมือนโดนน้ำร้อนลวก ตอนนั้นคิดในใจเลย กูมาทำอะไรวะเนี่ย
.
วันแรกโดนแดกตอนบ่ายสาม เสร็จแล้วก็ทำธุรการ เอาของขึ้นห้องนอน จัดของ แล้วก็ลงมากินข้าว กินข้าวมื้อแรกก็ไม่มีอะไร เสร็จแล้วก็มีชี้แจงนู่นนี่นั่น ว่าเราเป็นนักเรียนใหม่อยู่ เราต้องผ่านระบบนี้ไปก่อน ถึงได้เป็นนักเรียนทหารเต็มตัว
.
แล้ววันนั้นก็เจอ Command ครั้งแรก (นักเรียนบังคับบัญชา) ไปเรียกมันพี่ ไม่รู้ไง ก็ถามว่า “ห้องน้ำอยู่ไหนครับพี่” มันบอก “ใครพี่มึง” เราก็งง เอ้า จะให้กูเรียกมึงว่าอะไรวะ (หัวเราะ)
.
สุดท้ายก็มีการชี้แจง ว่าต้องเรียกหัวหน้าหมวด หัวหน้าหมู่ เรียกตามตำแหน่งอย่างงี้ เรียกพี่ไม่ได้ เป็นการฝึกตามสายบังคับบัญชา ตอนอยู่ค่ายติวมึงยังเรียกกันพี่น้องอยู่เลย มาถามใครพี่มึง แม่ง (หัวเราะ)
.
หลังจากนั้นก็เรียน โดนแดก เรียน โดนแดก วนไป เรียนวิทย์คณิตปกติเนี่ยแหละ มีสอบกลางภาคปลายภาคปกติ แต่จะมีเรียนวิชาทหารตอนบ่ายตอนเย็น สอนให้รู้เรื่องระบบวัฒนธรรม เขาใช้คำว่าแปลงสภาพ หลังจากนั้น 4 เดือนถึงได้รุ่น"
มีคนที่เข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ แต่ไม่ได้อยู่ถึงตอนได้เป็นนักเรียนทหารมั้ย
"มี ก็พวกลาออกไง"
ต้องจ่ายค่าปรับเกือบล้านแล้วปะ ลาออกงี้
"20 วันแรกจะฟรีอยู่ แล้วแต่นโยบายแต่ละปี อันนี้โดยประมาณ"
โปรโมชั่นเหรอ 55555 นึกว่าเน็ตฟลิกซ์
"เออ ช่วงโปร แต่ตอนนั้นเราลาออกจากโรงเรียนมอปลายแล้วไง ลาออกมาก็ไม่มีที่เรียนแล้ว ก็ต้องอยู่ต่อ พอได้รุ่นเสร็จก็อยากลาออกอีก อยากลาออกทุกวัน"
ไม่มีสักวันเลยเหรอ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เออ ตรงนี้ก็ดีว่ะ
"ไม่มี อุดมการณ์คือไม่มีแล้วตอนนั้น ระบบมันเหี้ย ต้องรอเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ถึงจะโอเค ระดับล่าง ๆ แม่งเน่าหมดแล้ว สังคมผักชีโรยหน้า เวลาเขามาตรวจก็ทำให้ดี ให้เขาไม่ด่าเรา ลับหลังก็อีกอย่าง เหมือนวัดกันเอาตัวรอดมากกว่า คนที่ดีจริงก็มีแหละ แต่มันน้อย วงการนี้ทำดีมันเท่าทุน เราเลยไม่ค่อยเห็นคนพวกนี้ ทำดีก็อยู่ในระบบต่อไป กินเงินเดือน แต่ไม่ได้ดี ไม่ได้ผลประโยชน์ เหมือนเป็นการหล่อหลอมแหละ “หล่อหลอมให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” คำพูดสวย ๆ หรู ๆ ที่เขาใช้น่ะ
.
หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสไปต้อนรับนักเรียนทหารที่มาดูงานบ้านเรา มีอเมริกา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ พอไปต้อนรับก็ได้คุยกับมัน ได้คุยเรื่องชีวิตกัน ก็ได้เห็นว่าทหารของประเทศมันต่างกับเรา"
ต่างกับเรายังไง
"บ้านมันทำหน้าที่เพื่อส่วนรวม รักษาอธิปไตย แค่นั้นแหละ ไม่ได้รับใช้ใครคนใดคนนึง"
พูดถึงตรงนี้ แปลว่านักเรียนในโรงเรียนทหารชื่อดังย่านนครนายก ต้องทำงานรับใช้ใครคนใดคนนึง ?
"ใช่ เราโดนให้ทำงาน io ในทวิตเตอร์ ต้องทวิต รีทวิต ติดแฮชแท็ก ดันแฮชแท็ก แต่ยังไม่เคยไปตอบเม้นที่โดนทัวร์ลงนะ แค่ทวิตเฉย ๆ หลัก ๆ เนื้อหาก็เบื่อม็อบ อวย ▇▇ ทำให้ม็อบแตกแยก ประมาณนี้ แล้วก็มีการส่งยอดว่าวันนี้รีทวิตไปเท่าไหร่ ดันแฮชแท็กไปกี่ทวิต
.
พอรู้ว่าต้องทำงานแบบนี้ ก็บ่นกับเพื่อนอะ คิดในใจ กูต้องมาทำงานสกปรกแบบนี้เหรอ วงการอะไรวะเนี่ย เพื่อนกันก็คุยกัน เราต้องทำงานแบบนี้เหรอวะ ก็ปลอบใจกัน งานอะไรเนี่ย ทำเพื่ออะไรวะ มันไม่ใช่งานที่สมเหตุสมผลเลย การพูดของเขามันมองประชาชนเป็นศัตรูอะ เป้าหมายคือทำให้ม็อบแตกแยกกันอย่างงี้"
ไอโอที่ได้ทำนี่แค่ในทวิตเตอร์เหรอ หรือมีที่อื่นด้วย
"ตอนแรกมี tiktok ด้วย แต่มันไม่รุ่ง tiktok เป็นคนแต่งตัวชุด ▇▇▇ น่ะ หมวกสี ▇▇ ผ้าพันคอสี ▇▇ แล้วก็สอน life hacks กาก ๆ ใส่ชุด ▇▇▇ นอนบนเตียง ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมึงต้องใส่ชุด ▇▇▇ นอนวะ คนที่ไหนจะไปใส่ชุดแบบนั้นนอน เสร็จแล้วก็ตื่นมา พูดว่า “วันนี้ยุงกัด ไปกางเต็นท์นอนดีกว่า”
แล้วก็สอนกางเต็นท์ พวกกูเป็น io ก็ต้องไปกดไลก์กดแชร์ เชี่ย ทำไมมึงไม่ทายากันยุงวะสัส"
55555555555
"ตอนนี้ในทวิตเตอร์แม่งโดนแบนละ ทวิตเตอร์เขาจับ io ไง พอแผนมันเสีย ข้างในเขาก็เลยบอกให้เราไล่ลบที่เราเคยโพสท์ให้หมด คนข้างนอกเขาก็เก่งอะ จับเราได้หมด (นึก) ไม่ใช่เขาเก่งอะ เราโง่ ไอเหี้ย เหมือนคนแก่เล่นโทรศัพท์อะ ตอนที่รู้ว่าต้องทำก็คิดนะ ว่าทำแบบนี้มันไม่ได้หรอก มึงไม่ชนะหรอก
.
จะไม่พอใจยังไงก็พูดไม่ได้ บางคนรู้แหละ แต่พูดไม่ได้ พูดไปก็ชิบหาย ทุกคนกลัวหมด ส่วนใหญ่ไม่เต็มใจหรอก แต่ก็ต้องทำเพราะมันสั่ง อีกอย่างคือถ้าโดนไล่ออกขึ้นมาก็ต้องโดนปรับเกือบล้าน ต้องมาเรียนปริญญาใหม่อีก รู้สึกว่าเสียเวลาอยู่มาแล้ว ให้ไปเรียนปริญญาใหม่ก็ไม่ได้
.
อีกอย่างที่ไม่โอเคกับเรื่องของระบบ ข้างในไม่เป็นอย่างที่คิดเลย ทหารในอุดมคติของเราคือการฝึก ความมีวินัย มีความจริงจัง ทำงานได้จริง แต่พอมาเจอเข้าจริง ๆ เราไม่รู้สึกว่าเราได้รับใช้ชาติเลย เหมือนต้องรับใช้ใครคนนึงมากกว่า เราอยากมีภาพที่กลับมาจากการรบ แล้วประชาชนมาปรบมือต้อนรับกลับ แต่แม่งถ้ายังทำตัวกันแบบนี้ มันจะเป็นไปได้ไงวะ ใครจะอยากมาปรบมือให้กูวะ ขอบคุณที่รับใช้ชาติเนี่ย กูจะได้ยินจากปากใครมั่ง มันเป็นไปไม่ได้ พอเข้ามาเจอก็เออ นี่มันไม่ใช่ละ นี่มันไม่ใช่ทหารที่เราต้องการแล้ว
.
การดูแลของผู้บังคับบัญชาบางคนก็ไม่ดี สมมุติพ่อเราหวังกับการสอบของเรา แล้วเราทำไม่ได้ พ่อคนนึงบอกว่า ไม่เป็นไรลูกเอาใหม่ นั่นคือที่ควรจะเป็น แต่ผู้บังคับบัญชาจะถามว่าเป็นเหี้ยไร ทำไมมึงทำไม่ได้ เราก็เลยไม่ชอบ มีเยอะอะ ขู่มั่ง ถ้าทำไม่ได้มึงจะโดนนี่นะ อดกลับบ้านมั่ง โดนไรมั่ง"
เริ่มรู้ตัวตอนไหนว่าระบบนี้แม่งไม่ใช่แบบที่เราคิด
"ตอนที่ได้รู้จักทหารหน่วยหนึ่ง มันคือทหารที่ทำงานให้คน ๆ หนึ่ง ตุกติกไม่ได้ มันไม่อยู่ในหลักประชาธิปไตย ไม่มีอิสระทางความคิด ตอนยังเป็นนักเรียนโรงเรียนทหารชื่อดังย่านนครนายก ยังไม่มีงานนี้ แต่พอขึ้นโรงเรียนเหล่าทัพแม่งเริ่มมีงานละ
.
ปกติได้กลับบ้านเสาร์อาทิตย์ แต่หลัง ๆ มา เริ่มมีงานมั่วซั่วมาละ บ้านก็ได้กลับมั่งไม่กลับมั่ง ต้องรอคำสั่งตลอดเวลา เราก็จะรู้สึกว่ากูไม่ได้อยากรับใช้มึง กูอยากรับใช้ส่วนรวม แต่ก็เลือกอะไรไม่ได้
.
เราไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเรามั่ง มันอยู่เหนือกฎหมาย มันจะทำอะไรเราก็ได้ ก็ไม่มีใครถูกใจหรอก อยู่กับคนที่กฎหมายทำอะไรไม่ได้ ตัวมันไม่เท่าไหร่ แต่พวกมือขวามือซ้ายมัน พวกนี้น่ากลัว เขารู้หมดอะ พ่อแม่เราเป็นยังไง ถ้าเราตุกติกมันจะเอาเราไปทำอะไรก็ไม่รู้ เรื่องเกี่ยวกับมือขวามือซ้ายพวกนี้นี่ไปอ่านของอาจารย์ปวินน่าจะเข้าใจง่ายกว่า
.
สมัยก่อนถ้าอยากเป็นใหญ่เป็นโตต้องลงเหล่ารบ เพราะมีกำลังพล มีอำนาจ มีผู้ใต้บังคับบัญชาเยอะ ทำให้มีอำนาจทางการเมือง ส่วนสมัยนี้ต้องเข้า ▇▇ มันเป็นระบบอุปถัมภ์ ระบบอาวุโส ต่างจากระบบของต่างประเทศที่เขาวัดกันที่ผลงาน นายพลมันถึงมีล้นอย่างงี้ไง เราเรียนอยู่เรายังรู้เลย ว่าถ้าเราอยู่ยันเกษียณเราได้เป็นนายพลแน่นอน มันก็เลยทำงานเรื่อย ๆ ไม่มีจุดหมาย ไม่เหมือนทหารต่างประเทศที่ตามผลงาน ทำงานไม่ดีก็มีปลด ไทยไม่มีหรอก อนาคตมันแน่นอน ก็เลยทำงานเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ
.
โดยสรุปก็คือมองระบบทหารเปลี่ยนไปเยอะ เหมือนความจริงคือเราไม่ได้รับใช้ประชาชน แต่รับใช้ใครคนนึง"
ถ้าเปลี่ยนแปลงอดีตได้ จะทำอะไร
"อยากย้อนกลับไปมอหนึ่ง ก็คงเรียนไปเรื่อย ๆ เหมือนที่เรียนมา เพิ่มเติมคืออาจจะตั้งใจเรียนภาษา แล้วก็อาจจะไปเรียนต่อเมืองนอกก็ได้ ตอนนี้ก็อยากไปเมืองนอกเหมือนกัน
อีกอย่างที่เสียดายมากก็คือเรื่องเพื่อน ช่วงก่อนสอบเพื่อนชวนไปไหนไม่ได้ไปเลย เพราะเราจริงจังมากกับเรื่องสอบ พอเข้ามายิ่งเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก การเมืองทำให้เพื่อนข้างนอกมองว่าเราเป็นส่วนนึงของปัญหาไปแล้ว เพื่อนเก่าก็ค่อย ๆ หายไปทีละคนสองคน เหินห่างออกไปเรื่อย ๆ เพื่อนหลายคนไม่ชอบเราไปเลย กับเพื่อนเก่าหลายคนปัจจุบันแทบไม่ได้เจอกันแล้ว"
ที่พูดถึงจะตั้งใจเรียนภาษา มีภาษาที่อยากเรียนไหม
"อยากเรียนภาษาญี่ปุ่น ญี่ปุ่นกับอังกฤษ ถ้าพูดสองภาษานี้ได้ เราไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"
ทำไมญี่ปุ่น
"เป็น soft power แหละ เราอยู่กับมันตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็ยังดู attack on titan แล้วก็มีพี่ที่รู้จักที่เราเล่นเกมด้วยกัน เขาไปเปิดร้านอาหารไทยที่ญี่ปุ่น เขาก็เล่าถึงญี่ปุ่นให้เราฟัง เราก็ชอบ เราก็เลยอยากพูดให้ได้มากกว่าสองภาษา
.
ส่วนเรื่องงาน เราอยากไปเป็นตำรวจที่เมกา เราเห็นการทำงานแล้วรู้สึกว่ามันตรงตาม motto อะ เป็นตำรวจจริง ๆ พิทักษ์สันติราษฏร์จริง ๆ น่ะ ส่วนเรื่องเหยียดเราก็คงไม่เหยียด เรามีเพื่อนทหารที่เคยมาดูงาน เพื่อนก็เป็นสเปนมั่ง เป็นแอฟริกันอเมริกันมั่ง เราก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ต่างจากเรา ถ้าเราจะไปเหยียดมันก็ไม่ใช่เรื่อง เป็นเอเชียไปอยู่เมกางี้ มึงจะไปเหยียดใครวะ เราอยู่ต่ำสุดในวงจรละ"
นี่คุณกำลังจะพูดว่าตำรวจไทยไม่รับใช้ประชาชนเหรอครับ
"ใช่ แต่ไม่ 100% นะ คนดีมันก็มี ปัญหาคือคนดีทำดีก็ถูกใช้งานอยู่แบบนั้น มันเลยไม่ได้ดี ใครที่อยากสบายก็ต้องอยู่ให้เป็น ระบบราชการเน่า ๆ นั่นแหละ
.
สิ่งที่อยากทำตอนนี้ คือทำตัวให้ธรรมดาที่สุด ไม่โดดเด่น ตัวนักเรียน ▇▇▇ มันเลือกไม่ได้ ขึ้นมาเป็น ▇▇ ก็ขึ้นตรงกับ ▇▇ ทันทีเลย เมื่อก่อนยังไม่ชัด แต่เดี๋ยวนี้ก็ชัดละ เริ่มมีการข้ามสายมาแล้ว มีคำสั่งโดยตรงมาแล้ว
.
หนี้หลวงกำหนดเลยว่าเราต้องทำงานเป็นระยะเวลาของ 2 เท่าของที่เรียน ก็คือ 10 ปี แต่ถ้ารวยก็จ่ายออกมาก่อนได้ ค่าลาออกระหว่างเรียนก็เกือบล้าน ถ้าจบไปแล้วคิดหนี้รายปีอีก รวม ๆ แล้วซื้อ BMW ได้คันนึง
.
ก็เลยต้องทำงานต่อ หาเงินไปก่อน ยังไม่มีเงินจ่ายหนี้หลวง ก็คิดอยู่ ถ้าได้ออก ก็หาทางเรียนภาษา ที่แน่ ๆ คืออยากไปอยู่ต่างประเทศ ไปไหนก็ได้ ไปประเทศที่มันเจริญแล้ว อาจจะได้สัญชาติช้าหน่อย เทียบกับคนที่เขาไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เรียน อาจจะได้ตอนอายุสัก 30 แต่ก็โอเค ดีกว่าอยู่ประเทศเหี้ยนี่ ตอนนี้ก็ศึกษาไปเรื่อย ๆ เรื่องการไปต่างประเทศ ว่าประเทศไหนมีดียังไง"
ไม่คิดจะเอาดีด้านนี้เลยเหรอ แบบเอาวะ กูทนได้
"ให้เข้า ▇▇ อะนะ ไม่เอาอะ ไม่ชอบ เราอยากทำงานเพื่อส่วนรวม เรามาอยู่ตรงนี้เพราะเราอยากเสียสละ ในทำเนียบรุ่นต้องไม่มีชื่อเราในตำแหน่งทางการเมืองแน่นอน จะต้องไปจากที่นี่ให้ได้ จะไปทำงานที่ตัวเองชอบให้ได้ จะไม่อยู่กินภาษี เพื่อนเราหลายคนก็คุยกันว่าหมดหนี้หลวงกูก็ไม่อยู่แล้ว เราเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ได้อยากเป็นใหญ่เป็นโต ไม่อยากได้ใครมาตัดหญ้าหน้าบ้าน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้"
อยากบอกอะไรกับคนที่จะเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนทหารชื่อดังย่านนครนายก
"ให้คิดดี ๆ เว้ย คือเราก็ห้ามมันไม่ได้อยู่แล้ว เห็นน้องพวกนี้มันก็เหมือนเห็นตัวเองสมัยก่อน เรารู้ว่ามันไม่ฟังหรอก ไฟมันแรงอะ จะไปห้ามได้ไง แต่อยากให้ศึกษาให้ดีว่าเราชอบจริงรึเปล่า ข้างในมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวัง จะมีสักกี่คนที่เจอทางของตัวเองจริง ๆ ในนี้ เราเข้ามาเราก็ยังเสียใจเลย เราคิดว่าเราควรจะไปได้ดีกว่านี้ถ้าไม่เข้ามา
.
แล้วก็ไม่อยากให้ยกยอ ทุกอาชีพมีเกียรติเหมือนกันหมด อยากให้นักเรียนทหารรุ่นใหม่ ๆ มองว่าทหารก็คืออาชีพธรรมดา ๆ อาชีพหนึ่ง มีเหนื่อย มีสบาย ไม่ได้หมายความว่าเป็นทหารแล้วคุณเหนื่อยกว่าคนอื่น สูงส่งกว่าคนอื่น เราเรียกเราคุยกับทหารว่า ท่านครับ ครับท่าน มันไม่ใช่ ทหารเป็นคนธรรมดา
.
ทหารอาจจะต่างจากอาชีพอื่นตรงเป็นอาชีพที่อาจจะมีความเสี่ยง แต่ที่แน่ ๆ ทหารไม่ใช่ชนชั้นปกครอง แบบที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้ มันต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง ทุกวันนี้ประเทศเป็นแบบนี้เพราะเราไม่รู้หน้าที่ของตัวเอง เห็นได้ชัด ๆ เลย คือในรัฐสภา ดูจากการบริหารของรัฐก็จะเห็นว่าเป็นการออกคำสั่งมากกว่า มันไม่ใช่การดูแลประชาชน พอมีอะไรก็โทษไปเรื่อย ไม่เคยโทษตัวเอง"
______________________________
( :
#ปั้นเขียน

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2865640717029140&id=1375807392679154&sfnsn=mo