รัฐไทยภายใต้การสืบทอดอำนาจรัฐประหารนี่มีจริยธรรมขนาดไหน ดูได้จากการตอบประเด็นถูก ‘ทวิตเตอร์’ เปิดโปงเรื่องปฏิบัติการ ‘เฟคนิวส์’ หรือชื่อทางการว่า ‘ไอโอ’ (ออกเสียงกลาง ไม่ใส่วรรณยุกต์) ย่อจากภาษาอังกฤษ ‘Information Operation’
ทวิตเตอร์ออกแถลงการณ์เมื่อ ๘ ตุลา ๖๓ ทว่าได้ทำการปิดบัญชีทวิตเตอร์ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานรัฐใน ๕ ประเทศ คือ อิหร่าน ซาอุดิอาราเบีย คิวบา ไทย และรัสเซีย รวมทั้งสิ้น ๑,๕๙๔ บัญชี โดยของไทยมีจำนวนมากสุด ๙๒๖ บัญชี
โดยเฉพาะบัญชีทวิตเตอร์ไทยที่ถูกปิดเกี่ยวโยงกับกองทัพบกทั้งนั้น ล้วนเป็นปฏิบัติการไอโอซึ่งประโคมความนิยมกองทัพบก และเต็มไปด้วยเนื้อหาชื่นชมรัฐบาล พร้อมกันไปกับให้ร้ายโจมตีผู้นำทางการเมืองของฝ่ายค้าน
ทวิตเตอร์ระบุ “เป้าหมายในการที่เราเปิดโปงในครั้งนี้ (อ้างด้วยว่าเป็นแห่งแรกที่ทำ) เพื่อให้สาธารณะเข้าใจปฏิบัติการของรัฐที่พยายาม ‘ทำให้เกิดความเสื่อมเสียและบ่อนทำลาย’ การเสวนาทางประชาธิปไตย...เราเชื่อว่านี่เป็นความรับผิดชอบ”
ทวิตเตอร์ชี้ว่านี่ไม่เพียงปกป้องศักดิ์ศรีแห่งการสนทนาสาธารณะเท่านั้น ยังจะทำให้อำนาจรัฐต้องรับผิดต่อการกระทำของตน ด้วยการเปิดเสรีรายงานปฏิบัติการไอโอเหล่านั้น ให้สื่อมวลชนและองค์กรวิจัยเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก
ผู้ดำเนินการสื่อสังคมขนาดยักษ์เปิดโปงความชั่วร้ายของรัฐไทยปัจจุบันขนาดนี้ ปฏิกิริยาจากกองทัพบกเป็นเพียงการปฏิเสธง่ายๆ “ว่ามีการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการประชาสัมพันธ์...งานช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ เท่านั้น”
ไม่มีใครในโลกนี้ที่อ่านหนังสือออก จะเชื่อในความสุจริตจากคำของโฆษก ทบ. พล.ท. สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก อย่างแน่นอน ยิ่งคำของรัฐมนตรีดิจิทัล พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ยิ่งเหมือนเด็กเกเรโดนจับได้คาหนังคาเขาแล้วแถงั่งๆ
“ส่วนตัวรู้สึกแปลกใจที่ทวิตเตอร์ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ แทนที่จะดำเนินการตามคำสั่งศาลของกฎหมายไทย ที่ได้มีคำสั่งให้ปิดกั้นหรือลบบัญชีของผู้ที่โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันหลักของไทย”
รัฐมนตรีอดีต กปปส.คนนี้ทำเป็นหน้าด้านหน้าตาย ไม่รู้ไม่ชี้ว่าวิธีการดำเนินงานของสื่อสังคมระดับโลกนั้น หากทำการตรวจสอบข้อมูลได้ขนาดนี้ ย่อมมีมาตรฐานความถูกต้องสูงกว่ามาตรฐานของรัฐบาลไทย จึงไม่ ‘ปิดกั้น’ ตามขอ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความจริงก็ได้
คำวิพากษ์ของอดีตรองนายกฯ จาตุรนต์ ฉายแสง ทีว่าทัพบก “แถแบบไม่มีใครเชื่อ เท่ากับโกหกอย่างเป็นทางการ ให้กองทัพเรือช่วยชี้แจงยังดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็ดำน้ำเก่งกว่า” อาจจะเห็นความตะลบตะแลงของกองทัพน้อยไป เขาใช้วิธีแหวกอากาศไซเบอร์กันแล้ว
ทวิตเตอร์แฉเรื่องนี้ด้วยการใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เผยแพร่เมื่อ ๘ ตุลาเช่นกัน ในหัวข้อ “ยกยออย่างปราศจากคนชื่นชม :ปฏิบัติการข่าวสารของกองทัพบกไทย ที่มีผลกระทบจิ๊บจ้อย”
อารัมภบทของรายงานดังกล่าวเอ่ยถึงเครือข่ายไอโอกองทัพบก ๙๒๖ บัญชีที่ถูกปิดนี้ มี ๔๕๕ รายที่ทำการทวี้ตข้อความเป็นประจำอย่างแข็งขัน ปรากฏจำนวนทวี้ตทั้งสิ้น ๒๑,๓๘๕ รายการ เนื้อหาหลักใหญ่นอกจากเชิดชูรัฐบาลและกองทัพ
แล้วยังใช้โจมตีให้ร้ายพรรคฝ่ายค้าน เช่นพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลที่มาแทน แม้จะมีการประสานกันอย่างแข็งขัน แต่ก่อผลกระทบได้ต่ำมาก บัญชีส่วนมากไม่ค่อยมีคนติดตาม และข้อความทวี้ตส่วนใหญ่ไม่มีใครร่วมสนทนาโต้ตอบด้วย
ช่วงที่มีการใช้ทวิตเตอร์ไอโอกองทัพบกเหล่านี้มาก อยู่ระหว่างเดือนกุมภาและมีนา ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นการโหมประชาสัมพันธ์กองทัพกับพยายามแก้ต่าง บ่ายเบนความผิดของกองทัพบกไปจากเหตุการณ์นายทหารคลั่งไล่ยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่โคราช
เป้าหมายอีกสองอย่างของปฏิบัติการ คือการโจมตีพรรคอนาคตใหม่ (นัยว่าเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคนั้น และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของแกนนำหลักๆ หลายคน) กับการให้ข้อมูลเบี่ยงเบนเรื่องโควิด-๑๙ เพื่อที่รัฐบาล ‘ดูดี’
กลวิธีของปฏิบัติการไอโอทัพบกเหล่านี้ ก็มีลักษณะง่ายๆ เช่นทวี้ตซ้ำข้อความ ‘อวย’ นายกฯ ทัพบก และรัฐบาลแบบโหมระดม ‘en masse’ หรือยกขบวนไปถล่ม ‘dogpiled’ ทวี้ตของฝ่ายที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาล เป็นต้น
รายละเอียดที่ถูกเปิดโปงโดยสำนักวิจัยสแตนฟอร์ด เกี่ยวกับปฏิบัติการไอโอของกองทัพบกไทยนี้ เป็นทั้งข้อเท็จจริง ได้รับการตรวจสอบกลั่นกรองความถูกต้อง อย่างเป็นหลักฐานทางวิชาการและวิทยาศาสตร์ ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับนับถือ
มีแต่พวกผู้กระทำความผิด คนร้าย และคนที่ชักใยอาชญากรรมเท่านั้น พยายามตั้งหน้าตั้งตาเถียง และไถไปข้างๆ คูๆ
(https://stanford.app.box.com/v/202009-sio-thailand?, https://blog.twitter.com/en_us/topics/company/2020/disclosing-removed-networks-to-our-archive-of-state-linked-information.html, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2567139040245639 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2387706)