ตำรวจ ตชด.จับกุมตัวแกนนำคณะราษฎร ๖๓ ไปกว่า ๒๐ คน หลังจากประกาศใช้ ม.๑๑ พรก.ฉุกเฉิน สลายการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ตีสี่ (๑๕ ตุลา) แต่ ‘ไม่ได้’ หมายความว่าสี่โมงวันนี้ การชุมนุมต่อที่ราชประสงค์ จะ ‘ไม่มี’
ทั้งที่ “ตำรวจขู่ใช้อำนาจ พรก.ฉุกเฉิน ดำเนินคดีทุกคนที่โพสต์ระดมมวลชน ให้ไปชุมนุมที่ราชประสงค์เย็นวันนี้” (@sunaibkk) ในเมื่อ ‘ทราย’ ITRC @charoenpura ช่วยประโคม “ห้ามโพสนะคะ ห้ามโพสว่าสี่โมงเย็นมีชุมนุมที่ รปส. ห้ามนะคะ อย่าโพสค่ะว่ามีเย็นนี้ที่ รปส. บอกกันต่อด้วยว่าห้ามโพสค่ะ”
ถึงไม่มีแกนนำตัวเอ้ๆ อย่าง อานนท์ นำภา (ถูกส่งตัวขึ้นฮอไปดำเนินคดีที่เชียงใหม่) ‘เพ็นกวิน’ พริษฐ์ ชีวารักษ์ และ ‘รุ้ง’ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ที่ถูกจับกุมไปแล้ว แกนนำอื่นๆ รับไม้ต่อได้ทันที โดยเฉพาะ ‘เยาวชนปลดแอก’ แถลงยืนยันเจอกันแน่
ถึงขนาดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง อันแสดงธาตุแท้ของพวกเผด็จการออกมาแล้ว การขอคืนพื้นที่สกัดชุมนุมคราวนี้ก็ยังล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะไม่มีอะไรใช้เป็นข้ออ้างว่าฝ่ายผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง หรือกำลังขัดขืนอย่างใดเลย
การ ‘วางยา’ โดยตำรวจนำขบวนเสด็จของราชินีและเจ้าฟ้าทีปังกรผ่ากลางวงผู้ชุมนุมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทั้งที่มีเส้นทางตรงให้เลี่ยงได้ ก็ผ่านไปโดยละม่อม ในเมื่อผู้ชุมนุมเพียงแต่ยืนชูสามนิ้ว (แม้บางคนชูแค่นิ้วเดียว) พร้อมตะโกน “ชาติ ศาสนา และประชาชน”
คงไม่ทำเนาให้ ‘ควีนนุ้ย’ สะเทือนอารมณ์อันใด นี่ถ้าพระเจ้าอยู่หัวไม่ต้องทรงแบ่งภารกิจเสด็จอุบลฯ บำเพ็ญพระราชกุศลร่วมกับสนมเอก ‘เจ้าคุณก้อย’ วันนี้ละก็ เมื่อวานคงจะทรงมีพระบัญชาให้ดำเนินในเส้นทางตรงไปแล้ว
วันนี้จึงมีการสั่งย้ายนายพลตำรวจสันติบาล ๓ นายเข้ากรุในทันที โทษฐานไม่สามารถจัดการม็อบได้อย่างที่นายหวัง ในทางตรงข้ามเป็นการบริหารจัดการได้อย่างไร้ที่ติของแกนนำ ที่ประกาศยุติชุมนุมเมื่อเห็นมีการเคลื่อนกำลัง ตชด.ครบเครื่องเข้าพื้นที่
แล้วยังเจรจาตำรวจขอให้เปิดทางออกแก่มวลชนไปทางนางเลิ้ง มิใยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใช้ข้ออ้างเต็มไปด้วยการโป้ปด มุสา “ก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน”
และ “มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่รุนแรง” อันนี้น่าจะเกิดจากผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง บริเวณที่กลุ่มของ สุเทพ เทือกสุบรรณ และหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ปักหลักกันอยู่ เมื่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างนำผู้ร่วมชุมนุมรายหนึ่งไปส่งลงกลางวงเสื้อเหลือง
ผู้ชุมนุมคนนั้น อันพอดีเป็นคนเดียวกับที่ถูกตำรวจกระแทกเข่าใส่จนสลบเมื่อ ๑๓ ตุลา โดนกลุ้มรุมเตะ ต่อย ตีด้วยไม้ พร้อมกับวินมอเตอร์ไซค์ซึ่งเข้าไปห้ามก็โดนซ้อมสบักสบอมไปด้วย นอกจากนั้นช่วงกลางวันก็มีที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ขณะแกนนำคณะราษฎรเข้าไปขนกระถางดอกไม้จากบรรไดอนุสาวรีย์และมีตำรวจเข้าขัดขวาง กลุ่มเสื้อเหลืองฝั่งตรงข้ามยกกันเข้าไปจะทำร้าย เกิดการพัลวันขึ้นไม่ถึงเลือดตกยางออก แต่ต่อมาพบว่าเสื้อเหลืองเหล่านั้นเป็นคนของรัฐมนตรี กปปส. ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
นอกจากนั้นก็มีทีมงานถ่ายทอดสดของทีวีช่อง ๓ คนหนึ่งถูกกลุ่มเสื้อเหลืองรุมกระทืบ ซึ่งกลับเป็นเรื่องเศร้ายิ่งกว่าเมื่อสถานีโทรทัศน์กองทัพบกแจ้งในวันรุ่งขึ้น ว่าเหตุร้ายซึ่งทำให้พนักงานของตนบาดเจ็บ นั้นเกิดจากการ “เข้าใจผิด” ของผู้กระทำ
การใช้กำลังทำร้าย ก่อกวนและก้าวร้าวโดยฝ่ายเสื้อเหลือง (ซึ่งจำนวนมาก ‘จัดตั้ง’ มา เห็นได้ว่าส่วนใหญ่หัวเกรียน) นี้ “วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย” ดังประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยแท้
ข้อหาที่ว่าทำให้ “กระทบต่อขบวนเสด็จฯ” ก็เป็นการตอแหลอย่างลายลักษณ์อักษรเช่นกัน มีหลายรายนำคลิปและภาพนิ่งมาชี้แจงว่ามีการเปิดให้ขบวนเสด็จฯ ผ่านอย่างละม่อมแน่นอน รายหนึ่งบอกว่าสิ่งกีดขวางมีแค่รถบัส ๕ คันของตำรวจ
ข้อเท็จจริงเหล่านั้นที่ออกมาสู่สาธารณะเป็นวัน ก่อนหน้าสื่อเสี้ยมสไตล์ดาวสยาม ๖ ตุลาให้เกิดการเข่นฆ่า พาดหัวข่าว (โดย นสพ.ผู้จัดการ) ว่า “ม็อบสามนิ้วเหิมเกริมหนัก ล้อมขบวนเสด็จ” จึงเป็นชัยชนะของขบวนการชุมนุมไล่ประยุทธ์
ดังที่ iLaw สรุป “ยุทธการสลายม็อบ ๑๔ ตุลา ผู้ชุมนุมไม่ปะทะ ไม่สูญเสีย รอนัดใหม่” ทั้งบ่ายนี้ และวันอื่นๆ ต่อๆ ไป จนกระทั่ง #ให้มันจบที่รุ่นเรา
(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10164516450745551?__tn__=-R, https://twitter.com/Tz2XJBLce74JAR0/status/1316486971158478848, https://prachatai.com/journal/2020/10/89953 และ https://www.facebook.com/waymagazine/posts/10157332775886456?__tn__=-R)