วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 15, 2563

ข้อหา "ล้อมขบวนเสด็จฯ" ไม่ได้มั่ว แต่จงใจ 'ตอแหล' ทั้งที่ตำรวจเองนำอ้อมไปหาม็อบ


ตำรวจ ตชด.จับกุมตัวแกนนำคณะราษฎร ๖๓ ไปกว่า ๒๐ คน หลังจากประกาศใช้ ม.๑๑ พรก.ฉุกเฉิน สลายการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ตีสี่ (๑๕ ตุลา) แต่ ไม่ได้หมายความว่าสี่โมงวันนี้ การชุมนุมต่อที่ราชประสงค์ จะ ไม่มี

ทั้งที่ “ตำรวจขู่ใช้อำนาจ พรก.ฉุกเฉิน ดำเนินคดีทุกคนที่โพสต์ระดมมวลชน ให้ไปชุมนุมที่ราชประสงค์เย็นวันนี้” (@sunaibkk) ในเมื่อ ทราย ITRC @charoenpura ช่วยประโคม “ห้ามโพสนะคะ ห้ามโพสว่าสี่โมงเย็นมีชุมนุมที่ รปส. ห้ามนะคะ อย่าโพสค่ะว่ามีเย็นนี้ที่ รปส. บอกกันต่อด้วยว่าห้ามโพสค่ะ”

ถึงไม่มีแกนนำตัวเอ้ๆ อย่าง อานนท์ นำภา (ถูกส่งตัวขึ้นฮอไปดำเนินคดีที่เชียงใหม่) เพ็นกวินพริษฐ์ ชีวารักษ์ และ รุ้งปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ที่ถูกจับกุมไปแล้ว แกนนำอื่นๆ รับไม้ต่อได้ทันที โดยเฉพาะ เยาวชนปลดแอกแถลงยืนยันเจอกันแน่

ถึงขนาดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง อันแสดงธาตุแท้ของพวกเผด็จการออกมาแล้ว การขอคืนพื้นที่สกัดชุมนุมคราวนี้ก็ยังล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะไม่มีอะไรใช้เป็นข้ออ้างว่าฝ่ายผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง หรือกำลังขัดขืนอย่างใดเลย


การ วางยา โดยตำรวจนำขบวนเสด็จของราชินีและเจ้าฟ้าทีปังกรผ่ากลางวงผู้ชุมนุมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทั้งที่มีเส้นทางตรงให้เลี่ยงได้ ก็ผ่านไปโดยละม่อม ในเมื่อผู้ชุมนุมเพียงแต่ยืนชูสามนิ้ว (แม้บางคนชูแค่นิ้วเดียว) พร้อมตะโกน “ชาติ ศาสนา และประชาชน”

คงไม่ทำเนาให้ ควีนนุ้ยสะเทือนอารมณ์อันใด นี่ถ้าพระเจ้าอยู่หัวไม่ต้องทรงแบ่งภารกิจเสด็จอุบลฯ บำเพ็ญพระราชกุศลร่วมกับสนมเอก เจ้าคุณก้อยวันนี้ละก็ เมื่อวานคงจะทรงมีพระบัญชาให้ดำเนินในเส้นทางตรงไปแล้ว

วันนี้จึงมีการสั่งย้ายนายพลตำรวจสันติบาล ๓ นายเข้ากรุในทันที โทษฐานไม่สามารถจัดการม็อบได้อย่างที่นายหวัง ในทางตรงข้ามเป็นการบริหารจัดการได้อย่างไร้ที่ติของแกนนำ ที่ประกาศยุติชุมนุมเมื่อเห็นมีการเคลื่อนกำลัง ตชด.ครบเครื่องเข้าพื้นที่

แล้วยังเจรจาตำรวจขอให้เปิดทางออกแก่มวลชนไปทางนางเลิ้ง มิใยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใช้ข้ออ้างเต็มไปด้วยการโป้ปด มุสา “ก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน”


และ “มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่รุนแรง” อันนี้น่าจะเกิดจากผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง บริเวณที่กลุ่มของ สุเทพ เทือกสุบรรณ และหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ปักหลักกันอยู่ เมื่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างนำผู้ร่วมชุมนุมรายหนึ่งไปส่งลงกลางวงเสื้อเหลือง

ผู้ชุมนุมคนนั้น อันพอดีเป็นคนเดียวกับที่ถูกตำรวจกระแทกเข่าใส่จนสลบเมื่อ ๑๓ ตุลา โดนกลุ้มรุมเตะ ต่อย ตีด้วยไม้ พร้อมกับวินมอเตอร์ไซค์ซึ่งเข้าไปห้ามก็โดนซ้อมสบักสบอมไปด้วย นอกจากนั้นช่วงกลางวันก็มีที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ขณะแกนนำคณะราษฎรเข้าไปขนกระถางดอกไม้จากบรรไดอนุสาวรีย์และมีตำรวจเข้าขัดขวาง กลุ่มเสื้อเหลืองฝั่งตรงข้ามยกกันเข้าไปจะทำร้าย เกิดการพัลวันขึ้นไม่ถึงเลือดตกยางออก แต่ต่อมาพบว่าเสื้อเหลืองเหล่านั้นเป็นคนของรัฐมนตรี กปปส. ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

นอกจากนั้นก็มีทีมงานถ่ายทอดสดของทีวีช่อง ๓ คนหนึ่งถูกกลุ่มเสื้อเหลืองรุมกระทืบ ซึ่งกลับเป็นเรื่องเศร้ายิ่งกว่าเมื่อสถานีโทรทัศน์กองทัพบกแจ้งในวันรุ่งขึ้น ว่าเหตุร้ายซึ่งทำให้พนักงานของตนบาดเจ็บ นั้นเกิดจากการ “เข้าใจผิด” ของผู้กระทำ

การใช้กำลังทำร้าย ก่อกวนและก้าวร้าวโดยฝ่ายเสื้อเหลือง (ซึ่งจำนวนมาก จัดตั้ง มา เห็นได้ว่าส่วนใหญ่หัวเกรียน) นี้ “วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย” ดังประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยแท้

ข้อหาที่ว่าทำให้ “กระทบต่อขบวนเสด็จฯ” ก็เป็นการตอแหลอย่างลายลักษณ์อักษรเช่นกัน มีหลายรายนำคลิปและภาพนิ่งมาชี้แจงว่ามีการเปิดให้ขบวนเสด็จฯ ผ่านอย่างละม่อมแน่นอน รายหนึ่งบอกว่าสิ่งกีดขวางมีแค่รถบัส ๕ คันของตำรวจ

ข้อเท็จจริงเหล่านั้นที่ออกมาสู่สาธารณะเป็นวัน ก่อนหน้าสื่อเสี้ยมสไตล์ดาวสยาม ๖ ตุลาให้เกิดการเข่นฆ่า พาดหัวข่าว (โดย นสพ.ผู้จัดการ) ว่า “ม็อบสามนิ้วเหิมเกริมหนัก ล้อมขบวนเสด็จ” จึงเป็นชัยชนะของขบวนการชุมนุมไล่ประยุทธ์


ดังที่ iLaw สรุป “ยุทธการสลายม็อบ ๑๔ ตุลา ผู้ชุมนุมไม่ปะทะ ไม่สูญเสีย รอนัดใหม่” ทั้งบ่ายนี้ และวันอื่นๆ ต่อๆ ไป จนกระทั่ง #ให้มันจบที่รุ่นเรา

(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10164516450745551?__tn__=-R, https://twitter.com/Tz2XJBLce74JAR0/status/1316486971158478848, https://prachatai.com/journal/2020/10/89953 และ https://www.facebook.com/waymagazine/posts/10157332775886456?__tn__=-R)