วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 15, 2568

Roostum Vansu : บทสนทนากับเพื่อนชาวกาซ่าที่รอดชีวิตจากสงคราม เรื่องข้อเสนอของทรัมป์


Roostum Vansu
Yesterday
·
ได้มีโอกาสสนทนาทางข้อความกับเพื่อนชาวกาซ่าที่รอดชีวิตจากสงคราม เรื่องข้อเสนอของทรัมป์ เชื่อว่าจากมุมมองของคนในนี้จะทำให้เราเข้าใจปัญหาและเห็นทางออกได้ชัดเจนขึ้น
.
เพื่อนกาซ่าของผมคนนี้ ชื่อว่ามูฮัมหมัด เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยกาซ่าที่พังทลายไปแล้ว ผมติดต่อเค้ามาตลอดช่วงสงคราม 15 เดือน มีบางช่วงที่หายการติดต่อไปหลายเดือน แต่เมื่อเพื่อนคนนี้ตอบกลับมา ทำให้รู้ว่าเขายังเอาชีวิตรอดมาได้
.
ผมขอนำเสนอเรื่องราวเป็นบทสนทนา เหมือนเพื่อนที่นั่งคุยกัน
.
ผม: อัสลามมุอาลัยกุม คุณและครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง?
.
มูฮัมหมัด: “อัลฮัมดุลิ้ลลาห์ พวกเราสบายดี ฉันเพิ่งย้ายไปอยู่บ้านพ่อแม่ของภรรยาเพื่ออยู่กับพวกเขา”
.
ผมถามต่อไปว่าคุณได้กลับบ้านแล้วหรือยัง แล้วบ้านของคุณเป็นอย่างไรบ้าง คำตอบของมูฮัมหมัดนั้นสะเทือนใจ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็งจากศรัทธาที่เขามีต่อพระผู้เป็นเจ้า
.
มูฮัมหมัด: “นี่คือบ้านของเรา ถูกทำลายด้วยระเบิดของอิสราเอล ฉันไม่เสียใจกับการเสียสละครั้งนี้เพื่อปาเลสไตน์ ขออัลลอฮ์ทรงยอมรับการเสียสละของเรา”
.
ผม: ผมนั้นได้เพียงขอดุอาให้คุณและครอบครัวปลอดภัย
.
เมื่อถามถึงแผนการณ์ของโดนัลด์ ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูที่ต้องการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซ่าไปยังประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอียิปต์
.
มูฮัมหมัดตอบมาว่า “อิสราเอลบังคับให้เราออกจากบ้านเรือนเพื่อปฏิบัติตามแผนอพยพชาวกาซาไปยังคาบสมุทรไซนาย เราจะอยู่ในบ้านเรือนของเราแม้ว่าเราจะต้องตายก็ตาม คนเราเกิดมามีชีวิตเดียวเท่านั้น เราต้องปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของเราไว้ให้กับคนรุ่นต่อไป ถ้าเราไม่หนี เราก็ยังสามารถปกป้องครอบครัวของเรา แต่หากเราหนี เราก็จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่รู้จัก เราไม่อยากออกจากแผ่นดินของเราอีก”
.
มูฮัมหมัดอธิบายถึงสาเหตุที่เขาจะไม่หนีอีกว่า “เรากำลังปกป้องครอบครัวของเราจากสถานการณ์ที่ไม่รู้จัก ความปลอดภัยไม่ใช่เพียงสิ่งที่เรากำลังแสวงหา เราแสวงหาดินแดนบ้านเกิดที่สูญหายไปตั้งแต่ปี 1948 เราแสวงหาชาวปาเลสไตน์ประมาณเจ็ดล้านคนในค่ายผู้ลี้ภัยที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกซึ่งไม่สามารถกลับสู่บ้านเกิดของพวกเขาได้ตั้งแต่ปี 1948 และ 1967 เรากำลังทำอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องเอกลักษณ์และศักดิ์ศรีของเรา เราจะไม่สูญเสียอีกครั้งในประเทศอื่น เรากำลังรักษาดินแดนบ้านเกิดของเราไว้เพื่ออนาคตที่ดีที่สุดสำหรับคนรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อไปของเรา”
.
จากนั้นเขากล่าวเสริมว่า “ตั้งแต่ปี 1948 อิสราเอลไม่หยุดฆ่า ทำลายล้างดินแดนของเรา ครอบครองซากศพและประวัติศาสตร์ของเรา”
.
เมื่อพูดถึงสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์ต้องการ มูฮัมหมัดยืนยันอย่างหนักแน่นถึงสันติภาพที่ยุติธรรม “เราต้องการรัฐเอกราช เราเชื่อว่าเราจะทำได้ตามที่อัลลอฮ์ต้องการ ทำดีที่สุด สนับสนุนทางการเมืองโดยโลกแห่งความยุติธรรม”
.
เขายืนยันหนักแน่นว่า “เราไม่กลัวความตาย แต่เรากลัวที่จะสูญเสียบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง”
.
ผม: คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับแผนการของทรัมป์ที่จะเข้ายึดครองฉนวนกาซาและขับไล่ชาวกาซาออกไปยังจอร์แดนและอียิปต์?
.
มูฮัมหมัด: “แผนการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของตนเป็นเป้าหมายของกลุ่มไซออนิสต์ ตะวันตก และสหรัฐอเมริกามานานแล้ว ไม่ใช่แค่ในฉนวนกาซาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในเขตเวสต์แบงก์ด้วย การเคลื่อนไหวแบบนัคบาในปี 1948 และการเคลื่อนไหวแบบนัคซาในปี 1967 เป็นหลักฐานชัดเจนของเรื่องนี้”
.
เขาเสริมว่า “แม้จะมีการกวาดล้างทางชาติพันธุ์และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชาวปาเลสไตน์ยังคงยึดมั่นในดินแดนของตนอย่างมั่นคง ทรัมป์มุ่งหวังที่จะกอบกู้รัฐบาลของเนทันยาฮูจากผู้นำฝ่ายขวาจัด และปกป้องเขาจากศาลระหว่างประเทศและในท้องถิ่น ในเวลาเดียวกัน เขาพยายามกดดันประเทศอาหรับทั้งทางการเงินและทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”
.
อย่างไรก็ตาม เขามองว่า “เราชาวปาเลสไตน์มองว่าคำกล่าวของทรัมป์ไม่สมจริงและไร้ความหมาย เว้นแต่ว่าจะมีความร่วมมือจากประเทศอาหรับและประเทศอิสลามในเรื่องนี้ แต่เรารู้วิธีต่อต้านและเอาชนะแผนการของกลุ่มไซออนิสต์และชาวอเมริกัน”
.
ผม: ผมคิดว่าคำขู่ของทรัมป์นั้นเกินจริง แม้ว่าอิสราเอลจะไม่สามารถชนะสงครามที่กินเวลานาน 15 เดือนและยอมรับการหยุดยิงได้ แต่หากฮามาสกลับมาปกครองฉนวนกาซา ชาวยิวก็จะพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง การกลับมาของกลุ่มฮามาสจะไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของชาวยิวและสหรัฐอเมริกา แต่ยังเป็นความพ่ายแพ้ของบรรดาผู้นำชาติโดยรอบที่ต้องการกำจัดกลุ่มฮามาสอีกด้วย
.
มูฮัมหมัด: “ฉันเชื่อว่าขณะนี้ไม่มีใครสามารถปกครองฉนวนกาซาได้หากไม่ร่วมมือกับกลุ่มฮามาส เนื่องจากมีฐานที่ได้รับความนิยมอย่างแข็งแกร่ง”
.
ผม: ดังนั้นเมื่อคุณพิจารณาถึงทัศนคติของกษัตริย์จอร์แดนเมื่อเขาพูดคุยกับทรัมป์ ซึ่งไม่เต็มใจและโยนเรื่องนี้ให้อียิปต์พิจารณา และวันนี้ข้อเสนอของอียิปต์ก็ออกมาว่าจะไม่มีการยึดครองฉนวนกาซาและไม่มีการอพยพโดยถูกบังคับ แต่จะจัดตั้งองค์กรปกครองใหม่ในฉนวนกาซาโดยไม่มีคนฮามาส วิธีแก้ปัญหานี้เป็นที่พอใจของผู้นำของรัฐอาหรับและผู้นำของอิสราเอล
.
มูฮัมหมัด: “ดูเหมือนว่าแนวทางแก้ไขที่เสนอมานั้นสอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งผู้นำอาหรับและอิสราเอล แต่คำถามสำคัญยังคงอยู่: หน่วยงานกำกับดูแลในฉนวนกาซ่าสามารถมีประสิทธิภาพได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องคำนึงถึงฐานที่ได้รับความนิยมที่สำคัญของฮามาสหรือไม่ การเพิกเฉยต่อความเป็นจริงนี้อาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงมากกว่าการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน”
.
ผม: คำขู่ของทรัมป์อาจบังคับให้ชาวกาซายอมรับผู้นำคนใหม่ที่ไม่ใช่กลุ่มฮามาส บังคับให้ฮามาสยอมแพ้เพื่อแลกกับการไม่สูญเสียดินแดนกาซาและชีวิตชาวกาซา?
.
มูฮัมหมัด: “ฉันเห็นด้วยกับคุณนะ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ไม่เข้าใจความคิดของชาวปาเลสไตน์หลังจากการสูญเสียชีวิตครั้งใหญ่ ประสบการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับวิธีแก้ปัญหาใดๆ ที่บ่อนทำลายสิทธิและศักดิ์ศรีของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย”
.
มูฮัมหมัดให้ความคิดเห็นต่อผู้นำชาติอาหรับที่กำลังกังวลจากการเผชิญหน้ากับทรัมป์: “ฉันคิดว่าพวกเขากำลังทนทุกข์ทรมาน ทรัมป์เข้ามารับตำแหน่งเพียงเพื่อแสวงประโยชน์จากพวกเขาและคนอื่นๆ จากทั่วโลก การเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นเกม มันแทบจะน่าหัวเราะเลยทีเดียว สหรัฐฯรู้แน่ชัดว่ากำลังทำอะไรอยู่ นี่คือยุคของ Trump และ Elon Musk ที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นข้อตกลงทางธุรกิจ”
.
มูฮัมหมัดเชื่อว่าอียิปต์จะไม่รับข้อเสนอของทรัมป์เนื่องด้วยความสำคัญของกาซ่าที่เปรียบเหมือนรัฐกันชนของอียิปต์
“รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าว 2 แห่ง รายงานว่าประธานาธิบดีซิซีจะไม่เข้าร่วมการอภิปรายใดๆ ที่ทำเนียบขาว หากวาระดังกล่าวรวมถึงการอพยพผู้อยู่อาศัยในฉนวนกาซาด้วย ผมเชื่อว่าแม้ว่าฉนวนกาซาจะมีพื้นที่เล็ก แต่ก็ถือเป็นแนวป้องกันด่านแรกสำหรับความมั่นคงแห่งชาติของอียิปต์บริเวณชายแดนด้านตะวันออก เนื่องจากความแข็งแกร่งทางประชากร นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นต้นตอของความกังวลสำหรับอิสราเอลด้วย ดังนั้นฉนวนกาซาจึงมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับอียิปต์”
.
หวังว่าเสียงของชาวกาซ่า เพื่อนผมคนนี้จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจพวกเขามากขึ้น นอกเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ผมรับรู้ได้ก็คือ เพื่อนของผมนั้นพร้อมสู้หลังชนฝา เพื่อแผ่นดินที่ถูกอิสราเอลยึดครองไป เพื่ออนาคตของลูกหลานของเขา ความสูญเสียที่ผ่านมาทำให้พวกเขาไม่ได้มองความตายบนความหวาดกลัว แต่พร้อมแลกชีวิตของพวกเขาเพื่อปกป้องดินแดนของลูกหลาน พวกเขามองความตายคือเกียรติยศต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า
 
https://www.facebook.com/photo/?fbid=2000866253745982&set=a.133708753795084