![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEig15QXePwII_c8hZg-ghdLznicm4XlbmtYn8GI5Hu_764cbh4L4T4ZSBZR5Lcr7BwLS9yCi7-uAQ5FrXL8DnLAFt1WsqH60I7Srg8Aol1oAAp2Y2CNO7upv-dVSFqmNze2uDXEr4X6GgqOTuSflx-4CFvmkEqghHpUdtX3UYxNQ_qvuQBI7j6eHw/w397-h397/476610099_984364157218953_8530364667848493528_n.jpg)
The Reporters
10 hours ago
·
UPDATE: 'กัณวีร์' ย้ำถึงเวลาไทยไม่ทำการทูตเงียบๆกับเมียนมา ชี้ปราบคอลเซ็นเตอร์ สร้างสันติภาพ เรื่องเดียวกัน
วันที่ 9 ก.พ.68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาภายในประเทศเมียนมา โดยระบุว่ารู้ตัวกันหรือยังว่า Quiet Diplomacy หรือการทูตเงียบๆ มันใช้ไม่ได้ และทำไมตนเองต้องพร่ำพูดเรื่องสันติภาพในเมียนมา เพราะหากไม่กระตุ้น สุดท้ายคนไทยและประเทศไทยนี่แหละที่รับผลกระทบมากที่สุด
"สถานการณ์คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ขบวนการนำพาและค้ามนุษย์ที่เกิดในเมียนมาและส่งผลกระทบต่อไทยและอีกหลายหลายประเทศทั่วโลกนี้คงเป็นเครื่องเตือนสติให้หลายคนได้คิดว่า หลายๆ ครั้งทำไมผมต้องพูดถึงสันติภาพในเมียนมา และความจำเป็นที่ไทยต้องแสดงบทบาทการเป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพในเมียนมาให้ได้อย่างเร็ว"
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลไทยต้องไม่เป๋ ต้องดูและวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งในบ้าน รอบบ้าน อนุภูมิภาค ภูมิภาคและเวทีโลกให้ออกว่าไทยเราอยู่ตรงไหน ประเด็นไหนที่มันสำคัญและเราจะเผชิญกับมันยังไง
"คราวนี้คงเชื่อผมแล้วว่าสำหรับไทย การใช้การทูตแบบเงียบๆ (Quiet Diplomacy) แบบไทยๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศมั่นใจนักหนาว่าเป็นการวางจุดยืนทางการทูตที่เยี่ยมยอดที่สุดของไทยต่อเมียนมาและเวทีโลกที่เราใช้กันมายาวนานนั้น มันใช้ไม่ได้จริงๆ"
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า เมื่อไทยทำการทูตแบบนั้นทำให้เราตามหลังทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งประเทศที่พัฒนาด้านต่างๆ แล้ว แถมยังตามพวกมาเฟียที่ใช้ประโยชน์จากการไม่ออกจากกะลาของเราอีก เพราะไทยเกรงกลัวต่อกรอบอะไรต่างๆ ไม่รู้เยอะแยะมากมาย เลยทำแบบ “ไม่ให้รู้ รู้ก็อย่าให้เห็น เห็นก็อย่าให้จับได้ ถ้าถูกจับได้ก็อย่าไปรับ แต่หากจะรับ ก็รับไว้ครึ่งเดียว” และเราถนัดการ “เข้าหลังบ้าน” เท่านั้น
"ตัวอย่างเช่น ไทยกลัวว่าหากทำอะไรมากในเมียนมาก็จะเกินกรอบกฎบัตรของอาเซียน ในหลักการไม่แทรกแซง (non interference) เลยไม่แตะ ไม่ยุ่ง ไม่สนปัญหาใดๆ ในประเทศเมียนมา ถึงแม้ปัญหามันจะมาพ่นลมรดต้นคอตลอดเวลา ทั้งผู้ลี้ภัย ยาเสพติด การเมืองการปกครองของเค้า และสุดท้ายก็เรื่องคาสิโน คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ขบวนการนำพาและการค้ามนุษย์ ด้วยเหตุผลเดียวไม่ใช่เรื่องเราและเราต้องทำการทูตแบบ เงียบๆ”
นายกัณวีร์ กล่าวว่ามีคนตำหนิตนเองว่า เป็น สส.ประเทศไหน ทำไมต้องไปยุ่งเรื่องของเขา เอาภาษีคนไทยไปใช้กับกิจการประเทศอื่นเพื่ออะไร ไปช่วยชีวิตเหยื่อชาติอื่นที่ไม่ใช่คนไทยทำไมจากเงื้อมมือพวกค้ามนุษย์ ต่างๆ มากมาย จนแยกแยะกันออกไม่ค่อยได้ว่าทำไมเราต้องมีจุดยืนและแผนการต่างประเทศที่ต้องล้ำกว่าสถานการณ์ภายนอก และไทยต้องแสดงบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาคอย่างแท้จริง
"นิ่งไม่ได้และเงียบไม่ได้ มิเช่นนั้นเงินภาษีพี่น้องคนไทยนี่แหละ ที่สุดท้ายต้องกลับมาจัดการกับขบวนการต่างๆ เหล่านี้ในที่สุด แถมสุดท้ายเงินพี่น้องประชาชนคนไทยที่เก็บสะสมไว้ใช้ในชีวิตก็จะถูกหลอกจากแก๊งค์ต่างๆ เหล่านี้ไปหมด นอกเหนือจากเม็ดเงินภาษีของพวกเราครับ"
นายกัณวีร์ ตั้งคำถามว่า เมื่อแก้ปัญหาไม่ได้รู้สึก ตุยมั้ยครับ พร้อมระบุว่าเราคงไม่ถึงตุยแต่กระอักกระอ่วน ปัญหาต่างๆ ของเมียนมาที่กระทบไทย ไทยเราปิดหูข้างตาข้างมาโดยตลอด ค่ายผู้ลี้ภัยกว่า 40 ปี ยังไม่รู้จะเอาไง แรงงานข้ามชาติก็ปล่อยขึ้นๆ ลงๆ สุดท้ายพอเพื่อนบ้านมีปัญหาการเมืองทหารเมียนมาฆ่าฟันคนตัวเอง พี่ไทยก็แค่นั่งดูนอนดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว และบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับเราอย่าไปยุ่ง แต่ลืมดูว่าชายแดนที่ยาวมากกว่า 2,400 กม. มันต้องกระทบไทยอย่างรุนแรงเลวร้ายอย่างหลีกหนีไม่ได้
"นี่แหละครับ การทูตแบบเงียบๆ อย่างไทยๆ จนสุดท้ายพวกอาชญากรข้ามชาติมันฉลาด มันทั้งเห็นถึงลักษณะพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างดีถึงเรื่องบ่อนต่างๆ ที่มีอย่างโจ๋งครึ้ม การกดปราบข้ามชาติตามล่าตามฆ่ากันอย่างเปิดเผยจากประเทศหนึ่งไปประเทศหนึ่ง สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองโดยรวมของภูมิภาค การคอรัปชั่นที่เงินซื้อได้เกือบทุกอย่าง รัฐล้มเหลว"
นายกัณวีร์ กล่าวว่า เมื่อแก้ปัญหาแบบนี้ แก๊งค์อาชญากรรมข้ามชาติก็ยิ้มเลย มากันทั้งแก๊งค์เพราะรัฐบาลจีนไล่ปราบไล่ทลายแก๊งค์นี้ออกจากจีนด้วยนโยบายอันดุดันของสีจิ้นผิง มันก็ลงมาทางใต้สิ เมียนมาคือแดนสวรรค์ เพราะชายแดนติดไทยแทบทั้งหมด 2,400 กว่ากิโลเมตร หากแต่ “รัฐ” เข้าไม่ถึง แต่ในขณะเดียวกัน “เงิน” เข้าถึงทุกที่ถึงแม้จะมีสงครามอย่างยาวนาน
"หวานครับ ! แถมไทยยังเป็นประเทศศูนย์กลางของเมียนมา ลาวและกัมพูชา บวกกับนโยบาย Free Visa ซึ่งปราศจากมาตรการติดตามนักท่องเที่ยวอีก นำพาและล่อลวงเหยื่อมาได้แบบไม่จำกัด แถมอยู่ตรงกลางประเทศทั้งสามอีกต่างหาก ชายแดนที่ยาวและสามารถข้ามได้ตามช่องทางธรรมชาติอีกต่างหาก สบายไป "
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า อย่างเดียวที่จะทำปัญหาคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ขบวนการนำพาและค้ามนุษย์ในเมียนมาให้จบไป คือ สันติภาพและการเมืองของเมียนมาต้องกลับคืนมาเป็นปกติหรือเกือบปกติให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็สุดท้ายแต่คนเมียนมาเอง ไม่งั้นอย่าหวังครับว่าขบวนการอาชญากรรมข้ามชาตินี้จะหมดไปได้ และมันจะสร้างปัญหาต่อไปอย่างเรื้อรังและเลวร้าย
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่าจะเสนอให้ทราบต่อไปว่า ถ้าไม่ใช้การทูตเงียบๆ (Quiet Diplomacy) เพราะมันผิดมหันต์ แล้วเราจะใช้การทูตแบบใด และจะเอาการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนยังไงต่อไป แล้วเราควรทำอย่างไรกับตัวละครทั้งหมดที่จะมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #เมียนมา
https://www.facebook.com/photo/?fbid=984364153885620&set=a.534942252161148
.....
กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang
13 hours ago
·
รู้ตัวกันยังว่า Quiet Diplomacy หรือการทูตเงียบๆ มันใช้ไม่ได้ และทำไมต้องพร่ำพูดเรื่องสันติภาพในเมียนมา เพราะหากไม่กระตุ้น สุดท้ายคนไทยและประเทศไทยนี่แหละที่รับผลกระทบมากที่สุด !!
สถานการณ์คอลเซนเตอร์ แสกมเมอร์ ขบวนการนำพาและะค้ามนุษย์ที่เกิดในเมียนมาและส่งผลกระทบต่อไทยและอีกหลายหลายประเทศทั่วโลกนี้คงเป็นเครื่องเตือนสติให้หลายคนได้คิดว่า หลายๆ ครั้งทำไมผมต้องพูดถึงสันติภาพในเมียนมา และความจำเป็นที่ไทยต้องแสดงบทบาทการเป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพในเมียนมาให้ได้อย่างเร็ว
ต้องไม่เป๋ ต้องดูและวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งในบ้าน รอบบ้าน อนุภูมิภาค ภูมิภาคและเวทีโลกให้ออกว่าไทยเราอยู่ตรงไหน ประเด็นไหนที่มันสำคัญและเราจะเผชิญกับมันยังไง
คราวนี้คงเชื่อผมแล้วว่าสำหรับไทย การใช้การทูตแบบเงียบๆ (Quiet Diplomacy) แบบไทยๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศมั่นใจนักหนาว่าเป็นการวางจุดยืนทางการทูตที่เยี่ยมยอดที่สุดของไทยต่อเมียนมาและเวทีโลกที่เราใช้กันมายาวนานนั้น มันใช้ไม่ได้จริงๆ !!
มันเลยทำให้เราตามหลังทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งประเทศที่พัฒนาด้านต่างๆ แล้ว แถมยังตามพวกมาเฟียที่ใช้ประโยชน์จากการไม่ออกจากกะลาของเราอีก เพราะไทยเกรงกลัวต่อกรอบอะไรต่างๆ ไม่รู้เยอะแยะมากมาย เลยทำแบบ “ไม่ให้รู้ รู้ก็อย่าให้เห็น เห็นก็อย่าให้จับได้ ถ้าถูกจับได้ก็อย่าไปรับ แต่หากจะรับ ก็รับไว้ครึ่งเดียว” และเราถนัดการ “เข้าหลังบ้าน” เท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ไทยกลัวว่าหากทำอะไรมากในเมียนมาก็จะเกินกรอบกฏบัตรของอาเซียน ในหลักการไม่แทรกแซง (non interference) เลยไม่แตะ ไม่ยุ่ง ไม่สนปัญหาใดๆ ในประเทศเมียนมา ถึงแม้ปัญหามันจะมาพ่นลมรดต้นคอตลอดเวลา ทั้งผู้ลี้ภัย ยาเสพติด การเมืองการปกครองของเค้า และสุดท้ายก็เรื่องคาสิโน คอลเซนเตอร์ แสกมเมอร์ ขบวนการนำพาและการค้ามนุษย์ ด้วยเหตุผลเดียวไม่ใช่เรื่องเราและเราต้องทำการทูตแบบ “เงียบๆ” !!
มีคนว่าผมเยอะนะครัวว่า (ขอใช้คำสุภาพ
)ไปยุ่งกับเค้าทำไม เป็น สส.ประเทศไหน ทำไมต้องไปยุ่งเรื่องของเค้า เอาภาษีคนไทยไปใช้กับกิจการประเทศอื่นเพื่ออะไร ไปช่วยชีวิตเหยื่อชาติอื่นที่ไม่ใช่คนไทยทำไมจากเงื้อมมือพวกค้ามนุษย์ ต่างๆ มากมาย จนแยกแยะกันออกไม่ค่อยได้ว่าทำไมเราต้องมีจุดยืนและแผนการต่างประเทศที่ต้องล้ำกว่าสถานการณ์ภายนอก และไทยต้องแสดงบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาคอย่างแท้จริง
นิ่งไม่ได้และเงียบไม่ได้ มิเช่นนั้นเงินภาษีพี่น้องคนไทยนี่แหละ ที่สุดท้ายต้องกลับมาจัดการกับขบวนการต่างๆ เหล่านี้ในที่สุด แถมสุดท้ายเงินพี่น้องประชาชนคนไทยที่เก็บสะสมไว้ใช้ในชีวิตก็จะถูกหลอกจากแก๊งค์ต่างๆ เหล่านี้ไปหมด นอกเหนือจากเม็ดเงินภาษีของพวกเรา !!
ตุยมั้ยครับ ?? ผมว่าเราคงไม่ถึงตุยแต่กระอักกระอ่วน ปัญหาต่างๆ ของเมียนมาที่กระทบไทย ไทยเราปิดหูข้างตาข้างมาโดยตลอด ค่ายผู้ลี้ภัยกว่า 40 ปี ยังไม่รู้จะเอาไง แรงงานข้ามชาติก็ปล่อยขึ้นๆ ลงๆ สุดท้ายพอเพื่อนบ้านมีปัญหาการเมืองทหารพม่าฆ่*ฟันคนตัวเอง พี่ไทยก็แค่นั่งดูนอนดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว และบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับเราอย่าไปยุ่ง แต่ลืมดูว่าชายแดนที่ยาวมากกว่า 2,400 กม. มันต้องกระทบไทยอย่างรุนแรงเลวร้ายอย่างหลีกหนีไม่ได้
นี่แหละครับ การทูตแบบเงียบๆ อย่างไทยๆ จนสุดท้ายพวกอาชญากรข้ามชาติมันฉลาด มันทั้งเห็นถึงลักษณะพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างดีถึงเรื่องบ่อนต่างๆ ที่มีอย่างโจ๋งครึ้ม การกดปราบข้ามชาติตามล่าตามฆ่ากันอย่างเปิดเผยจากประเทศหนึ่งไปประเทศหนึ่ง สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองโดยรวมของภูมิภาค การคอรัปชั่นที่เงินซื้อได้เกือบทุกอย่าง รัฐล้มเหลว ฯลฯ
เหมาะเลย อาชญากรรมข้ามชติยิ้มเลย มากันทั้งแก๊งค์เพราะรัฐบาลจีนไล่ปราบไล่ทลายแก๊งค์นี้ออกจากจีนด้วยนโยบายอันดุดันของสีจิ้นผิง มันก็ลงมาทางใต้สิ พม่าคือแดนสวรรค์ เพราะชายแดนติดไทยแทบทั้งหมด 2,400 กว่ากิโลเมตร หากแต่ “รัฐ” เข้าไม่ถึง แต่ในขณะเดียวกัน “เงิน” เข้าถึงทุกที่ถึงแม้จะมีสงครามอย่างยาวนาน หวานครับ !!
แถมไทยยังเป็นประเทศศูนย์กลางของเมียนมา ลาวและกัมพูชา บวกกับนโยบาย Free Visa ซึ่งปราศจากมาตรการติดตามนักท่องเที่ยวอีก นำพาและล่อลวงเหยื่อมาได้แบบไม่จำกัด แถมอยู่ตรงกลางประเทศทั้งสามอีกต่างหาก ชายแดนที่ยาวและสามารถข้ามได้ตามช่องทางธรรมชาติอีกต่างหาก สบายไป !!
อย่างเดียวเลยครับที่จะทำปัญหาคอลเซนเตอร์ แสกมเมอร์ ขบวนการนำพาและค้ามนุษย์ในเมียนมาให้จบไป คือ สันติภาพและการเมืองของพม่าต้องกลับคืนมาเป็นปกติหรือเกือบปกติให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็สุดท้ายแต่คนเมียนมาเอง ไม่งั้นอย่าหวังครับว่าขบวนการอาชญากรรมข้ามชาตินี้จะหมดไปได้ และมันจะสร้างปัญหาต่อไปอย่างเรื้อรังและเลวร้ายครับ
จะเขียนให้ทราบต่อไปว่าถ้าไม่ใช้การทูตเงียบๆ (Quiet Diplomacy) เพราะมันผิดมหันต์ แล้วเราจะใช้การทูตแบบใด และจะเอาการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนยังไงต่อไป แล้วเราควรทำอย่างไรกับตัวละครทั้งหมดที่จะมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหา เพราะมันมีรายละเอียดพอสมควรครับ
ข้อความยาวหน่อยแต่สำคัญนะครับ
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/639129985303174
https://www.facebook.com/photo/?fbid=984364153885620&set=a.534942252161148
UPDATE: 'กัณวีร์' ย้ำถึงเวลาไทยไม่ทำการทูตเงียบๆกับเมียนมา ชี้ปราบคอลเซ็นเตอร์ สร้างสันติภาพ เรื่องเดียวกัน
วันที่ 9 ก.พ.68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาภายในประเทศเมียนมา โดยระบุว่ารู้ตัวกันหรือยังว่า Quiet Diplomacy หรือการทูตเงียบๆ มันใช้ไม่ได้ และทำไมตนเองต้องพร่ำพูดเรื่องสันติภาพในเมียนมา เพราะหากไม่กระตุ้น สุดท้ายคนไทยและประเทศไทยนี่แหละที่รับผลกระทบมากที่สุด
"สถานการณ์คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ขบวนการนำพาและค้ามนุษย์ที่เกิดในเมียนมาและส่งผลกระทบต่อไทยและอีกหลายหลายประเทศทั่วโลกนี้คงเป็นเครื่องเตือนสติให้หลายคนได้คิดว่า หลายๆ ครั้งทำไมผมต้องพูดถึงสันติภาพในเมียนมา และความจำเป็นที่ไทยต้องแสดงบทบาทการเป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพในเมียนมาให้ได้อย่างเร็ว"
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลไทยต้องไม่เป๋ ต้องดูและวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งในบ้าน รอบบ้าน อนุภูมิภาค ภูมิภาคและเวทีโลกให้ออกว่าไทยเราอยู่ตรงไหน ประเด็นไหนที่มันสำคัญและเราจะเผชิญกับมันยังไง
"คราวนี้คงเชื่อผมแล้วว่าสำหรับไทย การใช้การทูตแบบเงียบๆ (Quiet Diplomacy) แบบไทยๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศมั่นใจนักหนาว่าเป็นการวางจุดยืนทางการทูตที่เยี่ยมยอดที่สุดของไทยต่อเมียนมาและเวทีโลกที่เราใช้กันมายาวนานนั้น มันใช้ไม่ได้จริงๆ"
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า เมื่อไทยทำการทูตแบบนั้นทำให้เราตามหลังทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งประเทศที่พัฒนาด้านต่างๆ แล้ว แถมยังตามพวกมาเฟียที่ใช้ประโยชน์จากการไม่ออกจากกะลาของเราอีก เพราะไทยเกรงกลัวต่อกรอบอะไรต่างๆ ไม่รู้เยอะแยะมากมาย เลยทำแบบ “ไม่ให้รู้ รู้ก็อย่าให้เห็น เห็นก็อย่าให้จับได้ ถ้าถูกจับได้ก็อย่าไปรับ แต่หากจะรับ ก็รับไว้ครึ่งเดียว” และเราถนัดการ “เข้าหลังบ้าน” เท่านั้น
"ตัวอย่างเช่น ไทยกลัวว่าหากทำอะไรมากในเมียนมาก็จะเกินกรอบกฎบัตรของอาเซียน ในหลักการไม่แทรกแซง (non interference) เลยไม่แตะ ไม่ยุ่ง ไม่สนปัญหาใดๆ ในประเทศเมียนมา ถึงแม้ปัญหามันจะมาพ่นลมรดต้นคอตลอดเวลา ทั้งผู้ลี้ภัย ยาเสพติด การเมืองการปกครองของเค้า และสุดท้ายก็เรื่องคาสิโน คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ขบวนการนำพาและการค้ามนุษย์ ด้วยเหตุผลเดียวไม่ใช่เรื่องเราและเราต้องทำการทูตแบบ เงียบๆ”
นายกัณวีร์ กล่าวว่ามีคนตำหนิตนเองว่า เป็น สส.ประเทศไหน ทำไมต้องไปยุ่งเรื่องของเขา เอาภาษีคนไทยไปใช้กับกิจการประเทศอื่นเพื่ออะไร ไปช่วยชีวิตเหยื่อชาติอื่นที่ไม่ใช่คนไทยทำไมจากเงื้อมมือพวกค้ามนุษย์ ต่างๆ มากมาย จนแยกแยะกันออกไม่ค่อยได้ว่าทำไมเราต้องมีจุดยืนและแผนการต่างประเทศที่ต้องล้ำกว่าสถานการณ์ภายนอก และไทยต้องแสดงบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาคอย่างแท้จริง
"นิ่งไม่ได้และเงียบไม่ได้ มิเช่นนั้นเงินภาษีพี่น้องคนไทยนี่แหละ ที่สุดท้ายต้องกลับมาจัดการกับขบวนการต่างๆ เหล่านี้ในที่สุด แถมสุดท้ายเงินพี่น้องประชาชนคนไทยที่เก็บสะสมไว้ใช้ในชีวิตก็จะถูกหลอกจากแก๊งค์ต่างๆ เหล่านี้ไปหมด นอกเหนือจากเม็ดเงินภาษีของพวกเราครับ"
นายกัณวีร์ ตั้งคำถามว่า เมื่อแก้ปัญหาไม่ได้รู้สึก ตุยมั้ยครับ พร้อมระบุว่าเราคงไม่ถึงตุยแต่กระอักกระอ่วน ปัญหาต่างๆ ของเมียนมาที่กระทบไทย ไทยเราปิดหูข้างตาข้างมาโดยตลอด ค่ายผู้ลี้ภัยกว่า 40 ปี ยังไม่รู้จะเอาไง แรงงานข้ามชาติก็ปล่อยขึ้นๆ ลงๆ สุดท้ายพอเพื่อนบ้านมีปัญหาการเมืองทหารเมียนมาฆ่าฟันคนตัวเอง พี่ไทยก็แค่นั่งดูนอนดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว และบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับเราอย่าไปยุ่ง แต่ลืมดูว่าชายแดนที่ยาวมากกว่า 2,400 กม. มันต้องกระทบไทยอย่างรุนแรงเลวร้ายอย่างหลีกหนีไม่ได้
"นี่แหละครับ การทูตแบบเงียบๆ อย่างไทยๆ จนสุดท้ายพวกอาชญากรข้ามชาติมันฉลาด มันทั้งเห็นถึงลักษณะพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างดีถึงเรื่องบ่อนต่างๆ ที่มีอย่างโจ๋งครึ้ม การกดปราบข้ามชาติตามล่าตามฆ่ากันอย่างเปิดเผยจากประเทศหนึ่งไปประเทศหนึ่ง สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองโดยรวมของภูมิภาค การคอรัปชั่นที่เงินซื้อได้เกือบทุกอย่าง รัฐล้มเหลว"
นายกัณวีร์ กล่าวว่า เมื่อแก้ปัญหาแบบนี้ แก๊งค์อาชญากรรมข้ามชาติก็ยิ้มเลย มากันทั้งแก๊งค์เพราะรัฐบาลจีนไล่ปราบไล่ทลายแก๊งค์นี้ออกจากจีนด้วยนโยบายอันดุดันของสีจิ้นผิง มันก็ลงมาทางใต้สิ เมียนมาคือแดนสวรรค์ เพราะชายแดนติดไทยแทบทั้งหมด 2,400 กว่ากิโลเมตร หากแต่ “รัฐ” เข้าไม่ถึง แต่ในขณะเดียวกัน “เงิน” เข้าถึงทุกที่ถึงแม้จะมีสงครามอย่างยาวนาน
"หวานครับ ! แถมไทยยังเป็นประเทศศูนย์กลางของเมียนมา ลาวและกัมพูชา บวกกับนโยบาย Free Visa ซึ่งปราศจากมาตรการติดตามนักท่องเที่ยวอีก นำพาและล่อลวงเหยื่อมาได้แบบไม่จำกัด แถมอยู่ตรงกลางประเทศทั้งสามอีกต่างหาก ชายแดนที่ยาวและสามารถข้ามได้ตามช่องทางธรรมชาติอีกต่างหาก สบายไป "
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า อย่างเดียวที่จะทำปัญหาคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ขบวนการนำพาและค้ามนุษย์ในเมียนมาให้จบไป คือ สันติภาพและการเมืองของเมียนมาต้องกลับคืนมาเป็นปกติหรือเกือบปกติให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็สุดท้ายแต่คนเมียนมาเอง ไม่งั้นอย่าหวังครับว่าขบวนการอาชญากรรมข้ามชาตินี้จะหมดไปได้ และมันจะสร้างปัญหาต่อไปอย่างเรื้อรังและเลวร้าย
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่าจะเสนอให้ทราบต่อไปว่า ถ้าไม่ใช้การทูตเงียบๆ (Quiet Diplomacy) เพราะมันผิดมหันต์ แล้วเราจะใช้การทูตแบบใด และจะเอาการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนยังไงต่อไป แล้วเราควรทำอย่างไรกับตัวละครทั้งหมดที่จะมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #เมียนมา
https://www.facebook.com/photo/?fbid=984364153885620&set=a.534942252161148
.....
กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang
13 hours ago
·
รู้ตัวกันยังว่า Quiet Diplomacy หรือการทูตเงียบๆ มันใช้ไม่ได้ และทำไมต้องพร่ำพูดเรื่องสันติภาพในเมียนมา เพราะหากไม่กระตุ้น สุดท้ายคนไทยและประเทศไทยนี่แหละที่รับผลกระทบมากที่สุด !!
สถานการณ์คอลเซนเตอร์ แสกมเมอร์ ขบวนการนำพาและะค้ามนุษย์ที่เกิดในเมียนมาและส่งผลกระทบต่อไทยและอีกหลายหลายประเทศทั่วโลกนี้คงเป็นเครื่องเตือนสติให้หลายคนได้คิดว่า หลายๆ ครั้งทำไมผมต้องพูดถึงสันติภาพในเมียนมา และความจำเป็นที่ไทยต้องแสดงบทบาทการเป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพในเมียนมาให้ได้อย่างเร็ว
ต้องไม่เป๋ ต้องดูและวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งในบ้าน รอบบ้าน อนุภูมิภาค ภูมิภาคและเวทีโลกให้ออกว่าไทยเราอยู่ตรงไหน ประเด็นไหนที่มันสำคัญและเราจะเผชิญกับมันยังไง
คราวนี้คงเชื่อผมแล้วว่าสำหรับไทย การใช้การทูตแบบเงียบๆ (Quiet Diplomacy) แบบไทยๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศมั่นใจนักหนาว่าเป็นการวางจุดยืนทางการทูตที่เยี่ยมยอดที่สุดของไทยต่อเมียนมาและเวทีโลกที่เราใช้กันมายาวนานนั้น มันใช้ไม่ได้จริงๆ !!
มันเลยทำให้เราตามหลังทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งประเทศที่พัฒนาด้านต่างๆ แล้ว แถมยังตามพวกมาเฟียที่ใช้ประโยชน์จากการไม่ออกจากกะลาของเราอีก เพราะไทยเกรงกลัวต่อกรอบอะไรต่างๆ ไม่รู้เยอะแยะมากมาย เลยทำแบบ “ไม่ให้รู้ รู้ก็อย่าให้เห็น เห็นก็อย่าให้จับได้ ถ้าถูกจับได้ก็อย่าไปรับ แต่หากจะรับ ก็รับไว้ครึ่งเดียว” และเราถนัดการ “เข้าหลังบ้าน” เท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ไทยกลัวว่าหากทำอะไรมากในเมียนมาก็จะเกินกรอบกฏบัตรของอาเซียน ในหลักการไม่แทรกแซง (non interference) เลยไม่แตะ ไม่ยุ่ง ไม่สนปัญหาใดๆ ในประเทศเมียนมา ถึงแม้ปัญหามันจะมาพ่นลมรดต้นคอตลอดเวลา ทั้งผู้ลี้ภัย ยาเสพติด การเมืองการปกครองของเค้า และสุดท้ายก็เรื่องคาสิโน คอลเซนเตอร์ แสกมเมอร์ ขบวนการนำพาและการค้ามนุษย์ ด้วยเหตุผลเดียวไม่ใช่เรื่องเราและเราต้องทำการทูตแบบ “เงียบๆ” !!
มีคนว่าผมเยอะนะครัวว่า (ขอใช้คำสุภาพ
![](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t4c/1/16/1f642.png)
นิ่งไม่ได้และเงียบไม่ได้ มิเช่นนั้นเงินภาษีพี่น้องคนไทยนี่แหละ ที่สุดท้ายต้องกลับมาจัดการกับขบวนการต่างๆ เหล่านี้ในที่สุด แถมสุดท้ายเงินพี่น้องประชาชนคนไทยที่เก็บสะสมไว้ใช้ในชีวิตก็จะถูกหลอกจากแก๊งค์ต่างๆ เหล่านี้ไปหมด นอกเหนือจากเม็ดเงินภาษีของพวกเรา !!
ตุยมั้ยครับ ?? ผมว่าเราคงไม่ถึงตุยแต่กระอักกระอ่วน ปัญหาต่างๆ ของเมียนมาที่กระทบไทย ไทยเราปิดหูข้างตาข้างมาโดยตลอด ค่ายผู้ลี้ภัยกว่า 40 ปี ยังไม่รู้จะเอาไง แรงงานข้ามชาติก็ปล่อยขึ้นๆ ลงๆ สุดท้ายพอเพื่อนบ้านมีปัญหาการเมืองทหารพม่าฆ่*ฟันคนตัวเอง พี่ไทยก็แค่นั่งดูนอนดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว และบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับเราอย่าไปยุ่ง แต่ลืมดูว่าชายแดนที่ยาวมากกว่า 2,400 กม. มันต้องกระทบไทยอย่างรุนแรงเลวร้ายอย่างหลีกหนีไม่ได้
นี่แหละครับ การทูตแบบเงียบๆ อย่างไทยๆ จนสุดท้ายพวกอาชญากรข้ามชาติมันฉลาด มันทั้งเห็นถึงลักษณะพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างดีถึงเรื่องบ่อนต่างๆ ที่มีอย่างโจ๋งครึ้ม การกดปราบข้ามชาติตามล่าตามฆ่ากันอย่างเปิดเผยจากประเทศหนึ่งไปประเทศหนึ่ง สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองโดยรวมของภูมิภาค การคอรัปชั่นที่เงินซื้อได้เกือบทุกอย่าง รัฐล้มเหลว ฯลฯ
เหมาะเลย อาชญากรรมข้ามชติยิ้มเลย มากันทั้งแก๊งค์เพราะรัฐบาลจีนไล่ปราบไล่ทลายแก๊งค์นี้ออกจากจีนด้วยนโยบายอันดุดันของสีจิ้นผิง มันก็ลงมาทางใต้สิ พม่าคือแดนสวรรค์ เพราะชายแดนติดไทยแทบทั้งหมด 2,400 กว่ากิโลเมตร หากแต่ “รัฐ” เข้าไม่ถึง แต่ในขณะเดียวกัน “เงิน” เข้าถึงทุกที่ถึงแม้จะมีสงครามอย่างยาวนาน หวานครับ !!
แถมไทยยังเป็นประเทศศูนย์กลางของเมียนมา ลาวและกัมพูชา บวกกับนโยบาย Free Visa ซึ่งปราศจากมาตรการติดตามนักท่องเที่ยวอีก นำพาและล่อลวงเหยื่อมาได้แบบไม่จำกัด แถมอยู่ตรงกลางประเทศทั้งสามอีกต่างหาก ชายแดนที่ยาวและสามารถข้ามได้ตามช่องทางธรรมชาติอีกต่างหาก สบายไป !!
อย่างเดียวเลยครับที่จะทำปัญหาคอลเซนเตอร์ แสกมเมอร์ ขบวนการนำพาและค้ามนุษย์ในเมียนมาให้จบไป คือ สันติภาพและการเมืองของพม่าต้องกลับคืนมาเป็นปกติหรือเกือบปกติให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็สุดท้ายแต่คนเมียนมาเอง ไม่งั้นอย่าหวังครับว่าขบวนการอาชญากรรมข้ามชาตินี้จะหมดไปได้ และมันจะสร้างปัญหาต่อไปอย่างเรื้อรังและเลวร้ายครับ
จะเขียนให้ทราบต่อไปว่าถ้าไม่ใช้การทูตเงียบๆ (Quiet Diplomacy) เพราะมันผิดมหันต์ แล้วเราจะใช้การทูตแบบใด และจะเอาการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนยังไงต่อไป แล้วเราควรทำอย่างไรกับตัวละครทั้งหมดที่จะมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหา เพราะมันมีรายละเอียดพอสมควรครับ
ข้อความยาวหน่อยแต่สำคัญนะครับ
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/639129985303174
https://www.facebook.com/photo/?fbid=984364153885620&set=a.534942252161148