วันพุธ, กันยายน 01, 2564

โดนเข้าไปไม่รู้กี่สิบดอก โดยเฉพาะกินค่าแรง 'ไอโอ' ประยุทธ์ตอบได้แค่ “ผมสวดมนต์ทุกวัน” เหมือน “พวกหลวงพี่ที่ฉันหมูกะทะมื้อเย็น”


ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดนเข้าไปไม่รู้กี่สิบดอก เรื่องด้อยประสิทธิภาพทางปัญญา บริหารจัดการโรคระบาดผิดพลาดทั้งเพ ปล่อยปละคอรัปชั่นบานตะไท ประยุทธ์ตอบได้แค่ “ผมสวดมนต์ทุกวัน...ผมมีประสบการณ์ ๖-๗ ปี” และ พ่อแม่สอนมาให้สุภาพ ใจเย็นๆ

เรื่องสวดมนต์ ต้องไปดู joe black@joe_black317 เขาทวี้ตตอบว่า “พวกหลวงพี่ที่ฉันหมูกะทะมื้อเย็น ก็สวดมนต์ทำวัตรทุกวันนะ โยมประยุทธ์” เรื่องประสบการณ์เจ็ดปีนี่สำลักเลย เพราะอย่างนี้ถึงโดน ไม่ไว้วางใจ หลายหนไง

ส่วนที่บอกพ่อแม่สอนมา นั่นถ้าไม่ประจานตัวเองเสียฉิบ ก็ประจานบิดรมารดาว่าสอนยังไง คนทั้งประเทศจำได้แม่นว่าประยุทธ์สำรอกสำรากขากถุยขนาดไหน แล้วที่ไปแขวะ เสรีพิศุทธ์ ว่า “ท่านเป็นแค่ผบ.ตร. ผมเป็นนายกรัฐมนตรีนะครับ”


แน่นอน “ประสบการณ์อาจจะต่างกัน” แต่อดีต ผบ.ตร.เขามาทางที่ถูก ตามครรลอง และด้วยความสามารถตนเอง ไม่ได้ยึดอำนาจแย่งชิง ใช้เล่ห์เพทุบายอยู่ต่อ และตอหลดตอแหลจะอยู่ยาว ดังนั้นมิควร “ฝากไปถึงประชาชนที่ฟังอยู่ให้ดูหน้าผม” เพราะเขาเหม็นเบื่อและระอา

เดอะสแตนดาร์ดรวบรวมไว้ ๒๕ รายการที่ประยุทธ์โดนอภิปรายดอกไหนบ้าง “ไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล...กู้เงินจำนวนมาก แต่ใช้จ่ายไร้ทิศทาง...การจัดหาวัคซีน มีพฤติการณ์ปิดบังอำพราง ไม่โปร่งใส...ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ...ประชาชน”

ข้อสุดท้าย “อยู่ในสภาพของคนเป็นโรค (เรื้อรัง) โอหังคลั่งอำนาจ” (ที่ฝรั่งเรียกว่า Hubris Syndrome) อันนี้จริงแท้แน่นอน หากแต่ต่างจาก ฮิวบริสฝรั่งตรงที่ของเขาหลงตัวว่าเก่งกาจ อาจไม่รู้ว่า ด้อย แต่ประยุทธ์รู้ทั้งรู้ตน ขี้เท่อ กลับสร้างภาพปกปิด

เช้าวันเริ่มอภิปรายจัดฉากให้ “ผู้แทนจากชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร สมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย สมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง” ไปยกป้ายข้างสัปปายะสภาสถาน แล้วให้โฆษก ธนกร วังบุญคงชนะ ออกมาโพนทนา

“นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านขอขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจรัฐบาล...พร้อมที่จะชี้แจงและตอบทุกข้อกล่าวหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ด้วยข้อเท็จจริง ที่สำคัญคือ กำลังใจจากประชาชน...เป็นผลประโยชน์อย่างเดียวของรัฐบาลชุดนี้”

ปัญหาอยู่ที่ประชาชนไม่ค่อยจะมีกำลังกายกัน ถดถอย เสียหายไปเกือบหมดกับรัฐบาลประยุทธ์ “สิ่งที่น่าเสียใจมากที่สุดที่คนไทยยอมรับไม่ได้เลย คือการค้าความตายหากินบนความตายของประชาชนด้วยการจัดซื้อวัคซีนคุณภาพต่ำแต่มีราคาแพง”


ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.เพื่อไทยอภิปรายเปิดโปงรัฐบาลประยุทธ์ “เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน โดยซื้อวัคซีนเพียงรายเดียว ผูกขาดตัดตอนขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทำให้วัคซีน Sinovac เป็นวัคซีนเส้นใหญ่” เขาแฉว่าได้รับข้อมูลจากข้าราชการ

แจงละเอียดการสั่งซื้อวัคซีนจากจีนทั้ง ๕ ครั้ง “ราคาตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ๑๗ ดอลลาร์สหรัฐต่อโด๊ส” ทุกครั้ง แต่ราคาซื้อจริงลดหย่อนลงมาเรื่อยๆ เป็น ๑๕, ๑๔, ๙.๕ และ ๙ ดอลลาร์ ทำให้ยอดเงินทั้งหมดมีส่วนต่าง ไม่รู้หายไปไหน ๒ พันกว่าล้าน

แล้วมาถึงอภิปรายของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ณัฐชา บุญไชยอินทสวัสดิ์ เรื่อง ไอโอนั่นเปิดเบิ่งกันทั้งชาติ ตามที่ ส.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล@AmaratJeab ว่า “เอกสารลับ คลิปลับหลุด เกิดจากระบอบปรสิตใช้อำนาจนิยมกดดันกำลังพลชั้นผู้น้อยจนทนไม่ไหว

โกงเบี้ยเลี้ยงคฝ. ไม่พอ ยังโกงเบี้ยเลี้ยงกำลังพล iO ที่วัน ๆ ต้องนั่งปั่นข่าวอวยประยุทธ์ กับแชร์เฟคนิวส์ให้รัฐบาลโจร...เป็นโครงการ 'คนละครึ่ง' คือแบ่งกันระหว่างนายร้อยกับนายพัน ส่วนนายสิบอดนะจ๊ะ” เพจพรรคก้าวไกลช่วยขย่ม “หลุดมาเพียบเลย”

ได้แก่ “ระบุหัวหน้าหน่วยได้รับเงินจากกองทัพบกเดือนละ ๒ แสนบาท ต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ลูกน้องในหน่วย IO คนละ ๗,๔๔๐ บาท/เดือน แต่กำลังพลได้จริงแค่เดือนละ ๑,๕๐๐ บาท และก่อนหน้านี้ไม่ได้แม้แต่บาทเดียว”

นี่ไอโอคนที่แอบปล่อยหลักฐาน “ฝากณัฐชาช่วยทวงเบี้ยเลี้ยงให้ด้วย” สะท้อนความรู้สึกต่ำต้อยถูกกดดันของผู้ปฏิบัติงานเหล่านั้น แบบว่าน่าคิด “กรมทหารราบที่ ๘ ซึ่งได้รับรางวัล ‘นักรบไซเบอร์ดีเยี่ยม’ ได้ตั้งชื่อเพจไว้ว่า ‘เรื่องงานไม่ขยับ เรื่องกินตับขอให้บอก’”

แล้วก็เรื่องหนัก วัคซีนค่าด้อย ซิโนแว็ค เนี่ยยังไม่วายช่วยกันอวย รมว.สาสุข พอทำเนา อนุทินย้ำ “อย่าไปด้อยค่า #วัคซีนซิโนแวค เพราะจะกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน” เฮ้ ประธานฯ ชวน หลีกภัย เอาด้วย “เพราะคนที่ขายหรือให้ ก็ถือเป็นการช่วยเหลือประเทศ”

เกิดจะเป็นนักการทูตผู้ชำนัญกันขึ้นมาเชียว ตี๊ต่างว่าถ้าวัคซีนจีน ที่แท้เป็นแค่ ‘Placebo’ ไม่ใช่ยาจริง แต่ก็ไม่ได้มีพิษ เพียงแต่ไว้หลอกให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานเอง ต้องซูฮกเขาไหมที่ให้ของปลอมมาลองใช้

(https://www.facebook.com/waymagazine/posts/10157977846846456, https://twitter.com/MFPThailand/status/1432718350610845704?s=06…, https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/10162112514934848 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2838303316462542)

คำตอบ ถึง คิ้ม "ทำไมการแสดงความรัก ร.๙ ถึงเป็นเรื่องที่ผิด ?"



THAI EUDEM กลุ่มเสรีประชาธิปไตย นักเรียนไทยในยุโรป
August 29 at 12:35 PM ·

ทำไมการแสดงความรัก ร.๙ ถึงเป็นเรื่องที่ผิด ?
.
ทำไมการที่คิ้มเปรียบเปรย “เหมือนตั้งโต๊ะไหว้เจ้าแล้วมีคนเดินมาถีบโต๊ะล่มแล้วมาถ่มถุยใส่บ้านเรา” นั้นจึงเป็นตรรกะแบบคิดเองเออเอง แบบผิดฝาผิดตัว ?
.
คำตอบ คือ ในความเป็นจริง “โต๊ะไหว้เจ้าและเครื่องสังเวย” โต๊ะหลักมันไม่ใช่โต๊ะที่หน้าบ้านคิ้ม แต่โต๊ะใหญ่สุดมันอยู่ที่กลางหมู่บ้าน และเงินที่เอาไปซื้อมาจากเงินกองทุนหมู่บ้านที่มาจากเงินชาวบ้านทุกคน โดยมีคนจัดซื้อเครื่องสังเวยเป็นกรรมการหมู่บ้าน กรรมการที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกมาด้วยซ้ำ เขาเป็นคนเรี่ยรายกึ่งบังคับคนในหมู่บ้านให้หาเงินมาจัดซื้อเครื่องบูชาปีๆ นึงหลายจำนวนหลายหมื่นล้านบาท
.
พอลูกบ้านถามว่าทำไมแพงจังเอาไปซื้ออะไรมั่ง ขอดูใบเสร็จหน่อยได้ไหม ก็โดนด่ากลับว่า "จะรู้ไปทำไม ลบหลู่เหรอ? ถ้าใครไม่ชอบใจเชิญออกจากหมู่บ้านไปเลย ถ้ามาถามอีกจะจับไปขังคุก!”
.
ลูกบ้านที่รวยหน่อยอย่างคิ้มคงก็ไม่รู้สึกอะไร ลูกบ้านที่จนหน่อยต้องหวังพึ่งสวัสดิการกลางของหมู่บ้านมากหน่อย จะเริ่มตั้งคำถามว่าแล้วงบพัฒนาหมู่บ้านล่ะ ทำไมมันมีน้อยจัง ปีนึงเก็บเงินไปก็ไม่ใช่น้อยๆ
.
แล้วคิ้มที่สุขใจกับการตั้งโต๊ะบูชาเทพเจ้าที่ตนรักและเคารพ ถามว่า “การแสดงความรักผิดอะไร” ตอบเลยว่า “ไม่ผิด” จะรักใครกราบใครมันเรื่องของแต่ละคน แต่ในเมื่อสิ่งที่คิ้มรัก คนอื่นไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดว่า “คือ...ไม่อินอ่ะ ไม่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอลดค่าเครื่องสังเวยรายปีลงได้ปะ อยากเอาเงินมาให้พัฒนาหมู่บ้านแทน ลดขนาดโต๊ะไหว้เจ้าลงหน่อยก็ได้นี่” แบบนี้มันไม่ถูกต้อง !!!
.
ตราบใดที่ลูกบ้านในหมู่บ้านเดียวกับคิ้มยังไม่สามารถพูดว่าไม่ศรัทธาเพราะอะไร คิ้มจะมาหาว่าคนอื่นระรานไม่ได้ เพราะการตั้งโต๊ะไหว้เจ้ามันไม่ใช่สิ่งที่คิ้มเลือกทำคนเดียว คนอื่นก็โดนบังคับให้กราบไหว้ ให้จัดหาเครื่องสังเวยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คิ้มบูชาอย่างไม่มีทางเลือกเหมือนกัน
.
หนำซ้ำยังมาเกรี้ยวกราดใส่คนที่ไม่อินกับเทพเจ้าอีกทำนองว่า "เทพเจ้าช่วยดลบันดาลเนรมิตถนนเข้าหมู่บ้านให้ยังไม่สำนึกอีกไอ้พวก hear” (ทั้งๆ ที่มันเป็นเงินกองทุนหมู่บ้านอีกนั่นแหละ ไม่ใช่ฝีมือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรหรอก) ตบท้ายด้วยความเฟียสประมาณว่า “ใครด่ากูอีกที่ตั้งโต๊ะไหว้เจ้า กูจะทำให้มึงต้องมากราบตีนกู กูมีเงิน กูมีอำนาจ”
.
คนอื่นที่เขาไม่อยากกราบไหว้ แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่ไหว้และขอไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่จ่ายเงินเข้ากองทุน ไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะขอดูใบเสร็จ
.
คิ้มยังไม่เห็นอีกเหรอ? ว่าการที่คิ้ม want จะตั้งโต๊ะไหว้เจ้าหน้าบ้านมันไม่ใช่แค่เรื่องของคิ้มคนเดียว
.
ถ้าคิ้มไม่อยากให้ใครมาว่าคิ้มก็ใช้เงินส่วนตัวไหว้เจ้าของคิ้มในบ้านคนเดียวหรือรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ที่เค้ารักและศรัทธาในเทพเจ้าคนเดียวกันของคิ้มในพื้นที่ของคิ้มเอง สมาชิกในหมู่บ้านคนไหนเค้าไม่ซื้อไม่ศรัทธาก็ไม่ต้องไปบังคับเรียกเก็บ !!!
.
แต่ตราบใดที่ “ผู้ใหญ่บ้าน” ยังคงเรียกเก็บเงินแบบนี้ทุกปี ๆ ชาวบ้านในฐานะคนเสียค่านิติก็ต้องตั้งคำถามได้ว่าเงินที่เอาไปใช้จะเอาไปทำอะไร ? คุ้มค่า ? โปร่งใส ? เพราะเงินที่ผู้ใหญ่บ้านเอาไปใช้นั้นมาจากหยาดเหงื่อน้ำพักน้ำแรงของคนในหมู่บ้าน ไม่ได้ปลุกเสกกันขึ้นมาเอง !

คำถาม จาก “บิ๊กตู่” ผ่าน แชต ไลน์ “บิ๊กป้อม”



Wassana Nanuam
8h ·

คำถาม จาก “บิ๊กตู่”
ผ่าน แชต ไลน์ “บิ๊กป้อม”
-ทำไม ส.ส.ถึงไม่สนับสนุนผม
-มีเหตุผลอะไร
-ผมผิดอะไร
-ถ้าจะไม่สนับสนุน จะหาใครมาเป็นนายกฯ
-ผมทำงานเหนื่อยขนาดนี้ แล้วจะให้ใครมาเป็น”
มีรายงานว่า ในการพบปะกับแกนนำพรรคพปชร. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ….พล.อ.ประวิตร อ่านข้อความในไลน์ ซึ่งเป็นคำถามของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ฝากมาถาม ส.ส. ให้ทุกคนได้ฟัง “ทำไม ส.ส.ถึงไม่สนับสนุนผม มีเหตุผลอะไร ผมผิดอะไร แล้วถ้าจะไม่สนับสนุน จะหาใครมาเป็นนายกฯ
ผมทำงานเหนื่อยขนาดนี้
แล้วจะให้ใครมาเป็น”
เมื่ออ่านคำถามเสร็จ พล.อ.ประวิตร ได้พูดกับ ส.ส.ว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นมาก็เป็นกระแสที่เปิดขึ้นมา ซึ่งไม่มีอะไร
และที่นายกรัฐมนตรีต้องถาม เพราะตอนนี้มีการเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรค พปชร. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. และนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรค พปชร.
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวว่า ในการอภิปรายฯ3 วันนี้ ขอให้ทุกคนเข้มแข็งและโหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 6 คนเท่ากัน
ส่วนเรื่องการจ่ายเงินให้พรรคเล็กนั้น ยืนยันว่า ไม่มีการจ่ายเงิน 10 ล้าน โกหกสร้างราคา ไม่จ่าย และขออย่าให้ใครไปจ่ายด้วย
พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่มีปัญหา เรื่องนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมเดี๋ยว ผมจัดการเอง
.
Cr.:มติชนออนไลน์
.....
‘บิ๊กป้อม’ เปิดแชต ‘บิ๊กตู่’ ไลน์ถาม “ผมผิดอะไร ทำไมส.ส.พปชร. ไม่สนับสนุน ?”



31 สิงหาคม 2564
มติชนออนไลน์

“บิ๊กป้อม” เปิดแชต “บิ๊กตู่” ไลน์ถาม ทำไม ผมผิดอะไร ทำ ”ส.ส.พปชร.” ไม่สนับสนุน ?

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมายอมรับว่า ได้ไลน์ไปสอบถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพปชร. ถึงกระแสข่าวใช้เสียงพรรคเล็กโหวตคว่ำนายกรัฐมนตรี เพื่อกดดันให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงการพลิกขั้วทางการเมืองนั้น

ทั้งนี้ พบว่า ระหว่างการประชุมส.ส.แกนนำ รัฐมนตรีและส.ส.พปชร.บางส่วน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้อ่านข้อความในไลน์ ซึ่งเป็นคำถามของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ฝากมาถาม ส.ส. ให้ทุกคนได้ฟัง อาทิ “ทำไม ส.ส.ถึงไม่สนับสนุนผม มีเหตุผลอะไร ผมผิดอะไร แล้วถ้าจะไม่สนับสนุน จะหาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมทำงานเหนื่อยขนาดนี้ แล้วจะให้ใครมาเป็น” เมื่ออ่านคำถามเสร็จ พล.อ.ประวิตร ได้พูดกับ ส.ส.ว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นมาก็เป็นกระแสที่เปิดขึ้นมา ซึ่งไม่มีอะไร และที่นายกรัฐมนตรีต้องถาม เพราะตอนนี้มีการเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. และนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรค พปชร.

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวว่า ใน 3 วันนี้ขอให้ทุกคนเข้มแข็งและโหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 6 คนเท่ากัน ส่วนเรื่องการจ่ายเงินให้พรรคเล็กนั้น ยืนยันว่า ไม่มีการจ่ายเงิน 10 ล้าน โกหกสร้างราคา ไม่จ่าย และขออย่าให้ใครไปจ่ายด้วย พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีปัญหา เรื่องนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเดี๋ยวผมจัดการเอง ทั้งนี้บรรยากาศการประชุมในวันดังกล่าว เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประวิตรมีท่าทีขึงแข็ง และดูจริงจังเป็นพิเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ในการประชุมครม. เมื่อวาน (30 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดในช่วงท้ายการประชุมว่า ถ้ามีอะไร ตนจะคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น

พปชร.กระเพื่อม! พุ่ง เป้า “ป.ป๊อก” อ้าง สส.ไม่พอใจ บทบาท มท.1 ลอยตัว ไม่เห็นส.ส.ในสายตา



Wassana Nanuam
8h ·

พปชร.กระเพื่อม!
พุ่ง เป้า “ป.ป๊อก”
อ้าง สส.ไม่พอใจ
บทบาท มท.1 ลอยตัว
ไม่เห็นส.ส.ในสายตา
ขอดึงโควต้า มหาดไทย กลับมาเป็นของพรรค
“บิ๊กป้อม” เงียบ!!
“ธรรมนัส” เซ็ง! ตกเป็นเป้า ข่าวลือ
.
รายงานข่าวจาก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)แจ้งว่า ในการประชุมรัฐมนตรี แกนนำ และส.ส.พรรคพปชร.ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร. ได้เรียกเฉพาะรัฐมนตรี และแกนนำของพรรคพูดคุยเป็นวงแรกก่อน
โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร.ได้เปิดใจสะท้อนถึงปัญหาภายในพรรค รวมถึงกระแสข่าวต่างๆที่ออกมาซึ่งพุ่งเป้ามาที่ตัวเองว่า อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว
ร.อ.ธรรมนัส ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องตามที่เป็นข่าว
แต่เพราะ ได้รับความคิดเห็นจากส.ส.หลายคน ที่ไม่พอใจถึงการทำงานของรัฐมนตรี โดยเฉพาะพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ลอยตัวไม่เห็นส.ส.ในสายตา จึงเห็นว่าควรปรับเปลี่ยน
โดยดึงโควต้า กระทรวงมหาดไทย ให้กลับมาเป็นของพรรค เพราะไม่ตอบสนองต่อสังคม และไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ
ส่วนโควต้ากลาง​ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน ถ้ารัฐมนตรีคนใดยังทำงานได้ และตอบสนองต่อประชาชน
เราจะไม่เข้าไปยุ่ง
วันนี้รัฐมนตรีของพรรคทุกคนมีผลงานอะไรบ้าง ที่จะไปใช้หาเสียงกับประชาชนว่าเป็นผลงานของพรรคพปชร.มองไปแล้วไม่มีเลย
สำหรับผมเป็นรัฐมนตรี เหมือนไม่ได้เป็น ไม่มีงบฯไม่มีอะไรเลย” ร.อ.ธรรมนัส ระบุ
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้แต่รับฟังโดยไม่ได้แสดงความเห็น เมื่อมีการพูดถึง พล.อ.อนุพงษ์ แต่ แสดงความมั่นใจว่า
เสียงโหวต ไม่น่ามีปัญหาอะไร
Cr.ไทยโพสต์
.....
พปชร. กระเพื่อม หวังทวงโควตา 'มท.1' เหตุลอยตัวไม่เห็น ส.ส.ในสายตา

31 สิงหาคม พ.ศ. 2564
ไทยโพสต์

31 ส.ค.64 - รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)แจ้งว่า ในการประชุมรัฐมนตรี แกนนำ และส.ส.พรรคพปชร.ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ โดย ก่อนที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร. จะพูดคุยกับส.ส. ก่อนหน้านั้นได้เรียกเฉพาะรัฐมนตรีและแกนนำของพรรคพูดคุยเป็นวงแรกก่อน

โดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร.ได้เปิดใจสะท้อนถึงปัญหาภายในพรรค รวมถึงกระแสข่าวต่างๆที่ออกมาซึ่งพุ่งเป้ามาที่ตัวเองว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว โดยร.อ.ธรรมนัสปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องตามที่เป็นข่าว แต่ทั้งนี้ได้รับความคิดเห็นจากส.ส.หลายคน ที่ไม่พอใจถึงการทำงานของรัฐมนตรี โดยเฉพาะพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ลอยตัวไม่เห็นส.ส.ในสายตา จึงเห็นว่าควรปรับเปลี่ยนโดยดึงโควตากระทรวงมหาดไทย ให้กลับมาเป็นของพรรค เพราะไม่ตอบสนองต่อสังคม และไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ส่วนโควตากลาง​ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน ถ้ารัฐมนตรีคนใดยังทำงานได้และตอบสนองต่อประชาชน เราจะไม่เข้าไปยุ่ง

“วันนี้รัฐมนตรีของพรรคทุกคนมีผลงานอะไรบ้าง ที่จะไปใช้หาเสียงกับประชาชนว่าเป็นผลงานของพรรคพปชร.มองไปแล้วไม่มีเลย สำหรับผมเป็นรัฐมนตรีเหมือนไม่ได้เป็น ไม่มีงบฯไม่มีอะไรเลย”แหล่งข่าวอ้างคำพูด​ ร.อ.ธรรมนัส

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประวิตร ได้แต่รับฟังโดยไม่ได้แสดงความเห็นเมื่อมีการพูดถึงพล.อ.อนุพงษ์ พร้อมแสดงความมั่นใจว่าเสียงโหวตไม่น่ามีปัญหาอะไร


Atukkit Sawangsuk
8h ·

อันนี้ก็น่าจะสนุก
ต้องเข้าใจนะ พรรคแกนนำรัฐบาลคุมมหาดไทย
ก็ต้องใช้เอื้ออำนาจผลประโยชน์
แต่อนุพงษ์ไม่สนใครเลย
จะว่าซื่อตรงโปร่งใส ไม่ทำการเมืองแบบเก่า
อมพระไปพูด พวก ส.ส.ก็ไม่เชื่อ

ย้อนชมการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในหัวข้อ "คลั่งอำนาจจนพาเศรษฐกิจชาติลงเหว"

https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/videos/611395520246528



พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
11h ·

[ ไม่ไว้วางใจเริ่ม ‘ก้าวไกล’ ส่ง ‘ศิริกัญญา’ มือแรก สับไม่ยั้ง ‘ประยุทธ์’ คลั่งอำนาจ จนพาเศรษฐกิจชาติลงเหว ชี้ ‘หุบเหวแห่งความตาย’ ทั้งลึกทั้งกว้าง เพราะรัฐบาลบริหารล้มเหลว ก่อเป็น ‘วิกฤตของคนจน’ ย้ำ ยิ่งอยู่ยาวยิ่งขโมยอนาคตประเทศ ]
.
วันที่ 31 สิงหาคม 2564 การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับรัฐมนตรีอีก 5 คน Sirikanya Tansakun - ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขออภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเหตุผลว่าเป็นผู้นำที่คลั่งอำนาจจนพาเศรษฐกิจชาติลงเหว ซึ่งจะทำให้ประชาชนรับผลกระทบต่อเนื่องไปในอนาคตข้างหน้า
.
-----
.
*อันดับโลก ‘ดิ่งเหว’ ตรงกันหลายดัชนี*
.
ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีที่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลนี้ ทำให้ประเทศไทยติดอันดับโลกในหลายเรื่อง Nikkei Recovery Index ชี้ว่า การฟื้นตัวเศรษฐกิจช้าที่สุดในโลก โดยได้อันดับที่ 120 จาก 120 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่า เศรษฐกิจจะกลับมาโตในแทร็คเดิมอีกครั้งในปี 2570 แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นผู้นำเชื่อว่าจะใช้เวลานี้นานกว่านั้น เช่นเดียวกับ ข้อมูลจาก gallup poll ที่ชี้ว่า แรงงานโดนลดชั่วโมงทำงานมากที่สุดในโลกและรายได้ของแรงงานก็ลดลงมากที่สุดในโลกเช่นกัน
.
“มีอีกมากที่ตอบกับ gallup poll ว่า โดนลดชั่วโมงทำงาน โดนลดโอที ยิ่งถ้าอยู่ภาคบริการ ร้านอาหารเปิดไม่ได้เต็มที่ ร้านสะดวกซื้อยังเจอเคอร์ฟิว ต้องแบ่งกะกับเพื่อนๆให้ยังพอได้ทำงาน ยังไม่นับว่ามีคนที่ถูกพักงานเพราะติดโควิดหรือต้องกักตัว ถ้ารวมเอาคนที่เสมือนทำงานแต่ทำไม่ถึงครึ่งวันหรือทำงานได้น้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน คาดว่าจะสูงถึง 3,400,000 คน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดมากกว่า 1 ล้านคน รายได้คนเหล่านี้ คนที่ว่างงานคือเป็น 0 ส่วนคนที่ทำงานแค่ครึ่งวัน เงินที่ได้คงไม่พอยาไส้ ยังมีคนที่ตกงานจากโควิดระลอกแรกที่กลับไปอยู่บ้าน ช่วยพ่อแก่แม่เฒ่าทำเกษตร ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 1,600,000 คน สูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อปีในช่วงก่อนโควิดที่ 5 แสนคน บางรายจากเดิมขายเสื้อผ้าอยู่จตุจักรได้เงิน เดือนละ 40,000-50,000 ตอนนี้ขายผักอยู่สุพรรณได้เดือนละ 6,000 บาท และการกลับไปทำเกษตรตอนนี้ใช่ว่าจะดี เพราะราคาตกรูดกันหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ ทุเรียน มังคุด เงาะ แต่ที่ราคาสวนทางกับราคาปุ๋ยที่ขึ้นเอาๆ ขึ้นมาตั้งแต่เมษา กว่ารัฐมนตรีจะแก้ปัญหาก็ปาเข้าไปสิงหา เท่ากับย้ายกลับบ้านไปก็ลำบาก จะกลับเข้าเมืองก็น่าจะอดตาย”
.
ศิริกัญญา อภิปรายต่อไปว่า โควิดอยู่กับเรามาเกิน 18 เดือนแล้ว จึงมีคนที่ตกงานมาตั้งแต่รอบแรกและจนบัดนี้ยังหางานใหม่ไม่ได้หรือเป็นผู้ว่างงานระยะยาว เกิน 1 ปี มากถึง 170,000 คน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดถึงกว่า 3 เท่าตัว พอตกงานนานจะเริ่มเกิดความท้อแท้ เลิกหางานและออกจากกำลังแรงงานไปในที่สุด เช่นเดียวกัน เด็กจบใหม่ที่ยังหางานทำไม่ได้ อยู่ที่ 290,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิดถึง 85,000 คน
.
“ที่แสดงปัญหาสถานการณ์เศรษฐกิจเพื่อชี้ให้เห็นว่า ด้วยการแก้ปัญหาแบบนี้ ทำให้เกือบทุกคนรายได้ลดลง ปีที่แล้วรายได้ครัวเรือนโดยเฉลี่ยหายไป 10% แต่เมื่อมารวมกัน ปีที่แล้วรายได้จึงหายไปเกือบ 1 ล้านล้านบาทหากเทียบกับก่อนโควิด ปีนี้ เศรษฐกิจแบบนี้ก็น่าจะหายไปอีกเกือบล้านล้านบาท ปีหน้าก็น่าจะดีขึ้นมาหน่อยแต่ก็หายไปอีกราว 800,000 ล้านบาท รวมกันแล้ว ปี 63 - 65 รายได้ประชาชนจะหายไปราว 2.6 ล้านล้านบาท ตัวเลขนี้มาจากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ผู้ว่าแบงค์ชาติอาจเรียกมันว่าหลุมรายได้ แต่ดิชั้นขอเรียกว่า ‘หุบเหวแห่งความตาย’ ที่ทั้งกว้างและลึก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล ถ้าจะแก้ปัญหานี้ทำให้เหวนี้มันตื้นขึ้น ให้คนพอจะกระเสือกกระสนตัวเองออกมาได้ ก็ต้องมีเม็ดเงินจากรัฐบาลที่จะมาช่วยถม มาเยียวยาให้ดีขึ้น และแน่นอนจากที่กู้ไปแล้วแต่เมื่อผลเป็นแบบนี้ก็ต้องบอกว่ายังไม่พอ เพราะมันถูกใช้อย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง”
.
ศิริกัญญา กล่าวว่า ที่ต้องเรียกร้องมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล ไม่ใช่เพราะพวกเขาขี้เกียจ อยากทำงานน้อย เพราะถึงเวลานี้แทบไม่มีใครเกี่ยงงานแล้ว จากนักบินไปขับแกรบ จากแอร์โฮสเตสไปขายเสื้อผ้าออนไลน์ ที่ลำบากทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าไปทำธุรกิจเสี่ยหรือบริหารแย่จนธุรกิจเจ๊ง แต่เงินเก็บก้อนสุดท้ายถูกเอามาใช้ตั้งแต่ปีก่อน เพื่อวางเดิมพันว่าจะรักษากิจการไว้ให้ได้ ว่าจะเก็บลูกน้องฝีมือดีไว้ให้ได้ แต่สุดท้ายพวกเขาแพ้ เพราะสิ่งที่รัฐบาลหยิบยื่นให้อย่างเดียวคือ หนี้
.
-----
.
*ใน ‘วิกฤตของคนจน’ ยังมีบางคนทำ ‘กำไร’*
.
อย่างไรก็ตาม ศิริกัญญา กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่กล่าวข้างต้น ก็ยังมีคนที่มีรายได้เพิ่ม ครึ่งปีแรกกำไรของบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มถึง 14 % จากปี 62 หลายภาคธุรกิจฟื้นตัวและมีกำไรสูงจากเดิมมาก สินค้าอุปโภคบริโภคกำไรเพิ่ม 14 เท่า อสังหากำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า และสามารถจ่ายปันผลได้ที่ 2.4 % ขณะที่บริษัทเหล่านี้ไม่ได้จ้างงานเพิ่มและงบลงทุนเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของช่วงก่อนวิกฤต สรุปแล้ววิกฤตครั้งนี้จึงมันเป็นวิกฤตของคนจนชัดๆ
.
“เพราะแบบนี้ใช่หรือไม่ นายกฯจึงถึงเพิกเฉยกับปัญหารายได้ของประชาชนรากหญ้า เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เศรษฐกิจปีนี้ทั้งปีจะมีสภาพไม่ต่างไปจากปีที่แล้ว นักวิเคราะห์หลายสำนักทยอยปรับลด GDP ลงกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ภาครัฐอย่างข้อมูลของสภาพัฒน์ นายกฯอาจจะมาตอบว่าส่งออกยังดี เพราะครึ่งปีแรกโต 15% แต่ก็ยังฟื้นตัวล้าหลังกว่าอีกหลายประเทศ ถ้า GDP จะโตได้ในช่วงนี้ก็คงมาจากส่งออก แต่มันคือภาคเศรษฐกิจที่กระจุกตัว ภาคส่วนที่ส่งออกได้ดีจ้างงานอยู่แค่ 2.5 ล้านคนจากกำลงแรงงานทั้งหมด หรือคิดเป็น 8% ของกำลังแรงงานเท่านั้น
.
“แต่สิ่งท่านทำเพื่อปกป้องการส่งออกคือแรงงานต้องถูก bubble and seal มีการสุ่มตรวจ แต่ถ้าพบว่าติดโควิดเกิน 10% ก็ไม่ตรวจต่อ ให้ทำงานต่อ แต่ห้ามออกไปไหน นี่เราแทบจะไม่มองว่าเขาเป็นมนุษย์กันแล้วใช่หรือไม่ เพียงแค่จะลากจูงการส่งออกให้โต แรงงานต้องเสียสละตัวเองขนาดนี้เลยหรือ สิ่งที่บอกชัดว่าประเทศนี้มันไม่มีอนาคตแล้วคือ ดูจากเงินลงทุนที่ไหลออกไม่หยุด คนรวย นายทุน ขนเงินออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ ก่อนโควิดอยู่ราว 140,000 ล้านดอลลาร์ ต้นปีนี้ควอเตอร์แรกไหลออกไปถึง 170,000 ล้านดอลลาร์ ขนาดเจ้าสัวคู่บุญรัฐบาลของท่านยังจะขนเงินไปลงทุนใน 74 ประเทศ เอาออกลงทุนในหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก 50% จากช่วงก่อนโควิด คนรวยๆ เค้าเห็นแล้วว่าประเทศนี้มันไร้อนาคต ก็คงเหลือแต่คนจน คนชั้นกลางที่ถูกล็อกให้ต้องเผชิญกับชะตากรรม ภายใต้การปกครองของนายกที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
.
-----
.
*สร้างความเหลื่อมล้ำที่ ‘อัปลักษณ์ที่สุด’*
.
“รายได้ที่หายไปจะไม่มีความหมายเท่าครั้งนี้ ถ้ามันไม่ได้มากำหนดความเป็นความตายและโอกาสรอดชีวิต ความเหลื่อมล้ำที่อัปลักษณ์ที่สุด คือความเหลื่อมล้ำในการรอดชีวิตระหว่างคนจนกับคนรวย เป็นความเหลื่อมล้ำที่ credit Suisse ไม่ต้องมาจัดอันดับให้ และแม้แต่ World Bank ก็ยังไม่มีข้อมูล”
.
ศิริกัญญา ชี้ว่า จากประสบการณ์ที่ตนเข้าไปเป็นอาสาสมัครตรวจเชิงรุก พบว่า มีหลายคนที่อยากจะตรวจเชื้อแต่ไม่มีปัญญา เราพบคุณแม่ลูก 3 ทั้งอุ้ม จูง และเข็นรถพาลูก 3 เดือนมาตรวจ เพราะค่าตรวจให้คนทั้งบ้านเท่ากับ 4 เท่าของค่าจ้างรายวันที่คนเป็นพ่อจะหาได้ในแต่ละวัน ผู้หญิงวัยทำงานคนหนึ่งถามย้ำแล้วย้ำอีกว่าตรวจฟรีใช่ไหม ผู้ชายคนหนึ่งถูกหัวหน้างานไล่กลับบ้านเพียงเพราะมีอาการหวัด หลังจากขาดงานมาหลายวัน แถมยังต้องกังวลและหัวเสียกับการต้องจ่ายค่าถ่ายเอกสารเพิ่มอีก 5 บาท เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คิดไว้ทำให้อาจจะต้องเดินกลับบ้านแทนการขึ้นรถประจำทาง หรือแม้แต่การใช้ ATK ในการตรวจที่วันนี้จะได้รับอนุญาตแล้วซึ่งเราเองก็ผลักดันมาตั้งแต่ปีก่อน แต่ราคาตอนนี้ก็ยังแพงเกินเอื้อม
.
“ติดแล้วเตียงไม่มี เป็นคนจนยิ่งหาเตียงยาก ลองโทรถามโรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ บ้าน เขาถามหาประกันสุขภาพ ถามหาเงินสำรองจ่าย ถามว่าเคยเป็นลูกค้าไหม ถามว่ามีเงินวางไหม 400,000 ได้เตียงทันที แบบนี้คนจนจะมีโอกาสได้เตียงได้อย่างไร 2 เดือนที่ผ่านมา ที่ท่านมะงุมมะหราคุมการแพร่ระบาดอยู่ แต่มีกี่ชีวิตที่ต้องถูกเซ่นสังเวย เสียชีวิตก่อนได้เตียง ถ้ามีคนลองเก็บข้อมูลรายได้ของผู้ที่ต้องเสียชีวิตที่บ้าน เชื่อว่าจะมีสัดส่วนคนที่มีรายได้น้อยจำนวนมากอย่างแน่นอน การกักตัวเองยังลำบากสำหรับคนรายได้น้อย บ้านแคบ ห้องเล็ก อยู่กัน 5-6 คน แม่ที่ต้องกักตัวเองที่ระเบียง แต่ก็ยังโดนเจ้าของอพาร์ทเมนต์ไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ลูกสาวที่ป่วยไม่ยอมไปไหน เพราะแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงยังไม่ได้เตียง กว่าศูนย์พักคอยจะค่อยๆ ผุดขึ้นมา การระบาดก็เกิดขึ้นในระดับครัวเรือนแล้ว แบบนี้จะล็อกดาวน์ยังไงถ้ามันแพร่ระบาดกันในบ้าน”
.
“ยอดคนตายจากโควิดหลักร้อยตอนนี้ แต่ความจริงคือในสถานการณ์ปกติก่อนหน้านี้มีคนตายปกติหลักพัน เพราะคนตายไม่ได้ถูกตรวจโควิดทุกคน เนื่องจากไม่มีระเบียบเบิกจ่ายการตรวจโควิดให้คนตาย มีคนที่เสียชีวิตไปโดยยังไม่ทันได้ตรวจ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าได้เตียง หรือได้ยาอีกเป็นร้อยๆ และแน่นอนคนเหล่านั้นคือคนมีรายได้น้อย ความอัปลักษณ์แบบนี้ที่เราเห็นเต็มตาอยู่ทุกวัน ถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลีกเลี่ยงได้รึเปล่า หลีกเลี่ยงได้แน่นอนถ้าเราไม่ได้ผู้นำที่หวงอำนาจ”
.
-----
.
*คุมโควิดด้วยความ ‘อำมหิต’*
.
ศิริกัญญา ชี้ต่อไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ คุมโควิดอย่างอำมหิต มีการบริหารจัดการวัคซีนที่ผิดพลาด ช้าไป น้อยไป และไม่หลากหลาย จนวันนี้พิสูจน์แล้วว่าที่พรรคก้าวไกลเคยอภิปรายไปเมื่อตอนต้นปีเป็นจริงทั้งหมด และอีก 2-3 วันถัดจากนี้ แทนที่จะได้วัคซีนเต็มแขน ท่านคงได้รับฟังเรื่องนี้กันจนเต็มหูแทน
.
“ท่านล็อกดาวน์ตอนระบาดน้อยและล็อกนาน เมื่อปีที่แล้วเคอร์ฟิวเริ่มเดือนเมษาจบมิถุนา รวม 2 เดือน 11 วัน กว่าจะกลับมาเป็นปกติจริงๆก็เข้ากรกฎา ทั้งสภาแห่งนี้พูดเป็นเสียงเดียวกันเรื่องที่ท่านกอดความสำเร็จของระบบสาธารณสุข แต่กดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์แลกกับความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ แต่คราวนี้ระบาดหนักกลับท่านล็อกดาวน์น้อยกว่า เยียวยายิ่งน้อยลงไปอีก รอบแรกยังมี 5,000 ให้ 3 เดือน ระลอกสอง 3,500 ให้ 2 เดือน มารอบนี้การเยียวยายังไม่ถึงครึ่งรอบแรกด้วยซ้ำ การเยียวยาผู้ประกอบการยิ่งไม่มีเลย เพิ่งมาให้แบบจิ้มเฉพาะภาคส่วนบริการ แต่ย้งมีคนที่โดนปิดโดยคำสั่งรัฐต้องตกหล่น เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก ร้านนวด คลินิกเวชกรรม และสถานที่จัดอีเวนท์ เป็นต้น
.
“เงินกู้กว่า 1.5 ล้านล้านบาท ที่ควรจะกู้มาพยุง มาถมเหวรายได้ 1 ล้านล้านแรกกำลังจะครบกำหนดในเดือนหน้า ตอนนี้เหลือไม่ถึง 4,000 ล้าน แต่พอไปอ่านมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้พบแต่โครงการยกเลิก เลื่อน เปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงการ แทนที่จะเยียวยาท่านเอาไปใช้ในโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ซึ่งยังไม่ถึงเวลากระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงนี้ ส่วนโครงการคนละครึ่งท่านกลับใช้แทนเงินเยียวยาซึ่งเป็นการเยียวยาแบบที่ต้องมีเงินก่อนถึงจะใช้ได้และมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้ ที่น่าช้ำใจที่สุด เงินกู้ถูกละเลงลงจังหวัดอย่างไร้ยุทธศาสตร์ อนุมัติ 2 รอบ จำนวน 210 โครงการ แต่ไม่รู้เลยว่าจังหวัดที่ได้ไปเหล่านั้นได้ไปเพราะเหตุผลอะไร ซึ่งเป็นการแจ้งขอใช้เงินกู้ 184 โครงการ และอนุมัติไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เบิกจ่ายไปแค่ 169 โครงการและยังเบิกจ่ายไม่หมด ผลงานขนาดนี้ก็ยังจะได้เงินเพิ่มอีก 86 โครงการใน 50 จังหวัด โดยเป็นการอนุมัติให้ใช้งบกลางเพื่อแก้โควิด ซึ่งเป็นการอนุมัติก่อนที่จะมีระเบียบเบิกจ่ายงบกลางแก้โควิดด้วยซ้ำ แบบนี้อยากใช้ยังไงค่อยไปเขียนระเบียบย้อนหลังเอาใช่หรือไม่
.
“ใช้เงินแบบนี้ ถ้าจะมียุทธศาสตร์ใดๆ ที่นึกได้ก็คงแค่ยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ใช้เงินแบบนี้ เหวรายได้ประชาชนคงลึกขึ้นเรื่อยๆ ที่น่ากังวลก็คือสถานการณ์งบประมาณการคลังก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะกำลังเจอปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากจัดหารายได้ได้ลดลงปีละ 300,000-400,000 ล้านบาทในอนาคตข้างหน้าและได้กู้เงินไปจนเต็มเพดานแล้ว”
.
นอกจากนี้ ศิริกัญญา ยังมีข้อสังเกตด้วยว่า ขณะนี้รายงานความเสี่ยงทางการคลังไม่สามารถสืบค้นเข้าไปดูข้อมูลได้ตามปกติ ต่อมาจึงพบว่าได้ระบุให้เป็นเอกสารลับซึ่งก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมต้องเป็นเอกสารลับ
.
-----
.
*ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะหวงอำนาจ กลัวเสียการเมือง*
.
ศิริกัญญา อภิปรายต่อไปว่า มาถึงตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนขาดรายได้ จนเป็นเหวลึกที่ยากจะเติมเต็ม หลายคนเสนอว่า ทางอออกเดียวคืออาจต้องกู้ครั้งต่อไป แต่ดูเหมือนท่านก็ไม่กล้ากู้เงินมาเพิ่มเพื่อให้ทันสถานการณ์ จึงไม่กล้าแก้กรอบเพดานหนี้สาธารณะ เพียงเพราะกลัวโดนโจมตีทางการเมือง กลัวเสียคะแนนนิยม กลัวโดนเพื่อนล้อว่าเก่งแต่กู้ กลัวโดนด่าว่าเป็นนักกู้สู้สิบทิศ ไม่กล้ากู้เพราะกลัวจะเสียอำนาจ แต่วิกฤตครั้งนี้หนักหนากว่าทุกครั้ง หุบเหวแห่งความตายรายได้ของประชาชนจะไม่มีวันถมเต็ม และประชาชนจะลืมตาอ้าปากอีกครั้งหลังวิกฤตนี้ไม่ได้ ถ้าขาดงบประมาณเยียวยาปากท้องและงบอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใหญ่มากพอ
.
“แม้จะถมเหวรายได้ประชาชนได้ไม่เต็ม แต่ก็ทำให้ตื้นขึ้นได้ แม้จะสร้างงานที่ดีที่สุดไม่ได้ แต่ก็เป็นงานที่จะประทังชีวิต รักษาครอบครัวของคนตัวเล็กคนน้อยไว้ได้ งบประมาณที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ท่ามกลางกิจการที่ปิดตัว และ sme ล้มหายตายจากเป็นกองพะเนิน แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่ยอมทำสิ่งเหล่านี้ เพราะมันเสี่ยงในทางการเมือง เพราะ credit มันไม่เหลือแล้ว ความเชื่อมั่นไม่เหลือแล้วจากการละลายเงินกู้ในรอบแรก ไม่ยอมเสี่ยงกู้เงินเพิ่มเพียงเพราะต้องการรักษาอำนาจ หวงตำแหน่ง ยอมปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤตตามยถากรรม เพื่อแลกกับการไม่โดนโจมตีในเรื่องการกู้ แลกกับนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ”
.
ในช่วงท้าย ศิริกัญญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยถามว่า สภาแห่งนี้จะเลือกประยุทธ์หรือเลือกประเทศ ถ้าวันนั้นเราเลือกประเทศ เศรษฐกิจคงไม่ต้องรอถึง 2570 เพื่อฟื้นตัวอย่างช้าๆ มีแผลเป็นทั้งในใจประชาชนและแผลเป็นทางเศรษฐกิจที่ต่อให้ฟื้นก็ไม่มีทางเป็นเหมือนเดิม
“เพื่อหยุดการขโมยอนาคตของประเทศ จะขอเสนอแนะแนวทางออกตามระบอบประชาธิปไตย ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น รัฐมนตรีของประเทศมองโกเลียลาออกเพราะประชาชนประท้วง เนื่องจากจัดการโควิดอย่างไร้ประสิทธิภาพ นายกรัฐมนตรีของสโลวาเกียลาออก เพราะแอบตกลงซื้อวัคซีนจากรัสเซียซึ่งสหภาพยุโรปไม่รับรอง รัฐมนตรีอิตาลีลาออกหลังถูกวิจารณ์รับมือโควิดไม่ได้ จนพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว แนวทางนี้น่าสนใจ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียลาออกเซ่นการจัดการโควิดที่ล้มเหลว แต่นั่นไม่อาจไม่ใช่ทางที่ประยุทธ์เลือก ทางเลือกสุดท้าย นายกรัฐมนตรีสวีเดนลาออกจากตำแหน่ง เพราะพ่ายโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ศิริกัญญา สรุป
.
#ก้าวไกล #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #ประชุมสภา #ทลายระบอบปรสิต

รัฐบาลหากินกับความตาย ส่วนต่างจัดซื้อซิโนแวค 1,603 ล้าน เข้ากระเป๋าใคร ?


พรรคเพื่อไทย
17h ·

รัฐบาลหากินกับความตาย
ส่วนต่างจัดซื้อซิโนแวค
1,603 ล้าน เข้ากระเป๋าใคร ?
.
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทยอภิปรายไม่วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากข้อกล่าวหา #การทุจริตในการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค โดยมีข้อสังเกต จุดใหญ่ที่เงินส่วนต่างของการซื้อวีคซีนซิโนแวคกว่า 1,603 ล้านบาทนั้น อยู่ที่กระเป๋าใคร?
.
ประเทศไทยมีการจัดซื้อวัคซีน Sinovac แล้วทั้งสิ้น 18.5 ล้านโดส โดยทำการซื้อขายในลักษณะครั้งต่อครั้ง คือเมื่อผลิตวัคซีนได้เท่าไร ก็จะแจ้งให้องค์การเภสัชกรรมทราบ และจัดซื้อเป็นครั้งคราว โดยมิได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง แต่วัคซีนมีราคาลดลงต่อเนื่องในทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อ โดยราคาเริ่มต้นในครั้งที่ 1 อยู่ที่ราคาโดสละ 17 เหรียญ จนกระทั่งล่าสุดการสั่งซื้อครั้งที่ 5 อยู่ที่ราคาโดสละ 9 เหรียญ
.
คำถามที่ควรเกิดขึ้น เงินส่วนต่างหายไปไหน รวมถึงข้อสังเกตอื่นๆ ที่ผิดปกติในการซื้อวัคซีนครั้งนี้
---
เงินซิโนแวค ส่วนต่างราคา 1,603 ล้าน เข้ากระเป๋าใคร
.
1. การจัดซื้อวัคซีน Sinovac ทั้งหมดล็อตแรกๆ อาจจะมีข้อแก้ตัวได้ว่าเป็นวัคซีนฉุกเฉิน แต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 เชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ พลเอกประยุทธ์ และ อนุทิน ต้องหยุดซื้อวัคซีน Sinovac แต่มีข้อพิรุธว่า กระทรวงสาธารณสุข ขออนุมัติซื้อวัคซีน Sinovac จำนวน 10.9 ล้านโดส ในวงเงิน 6,064.76 ล้านบาท
.
ทั้งๆ ที่มติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ให้มีการซื้อวัคซีนอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ไม่ให้ซื้อวัคซีน Sinovac ยี่ห้อเดียว ทำให้พบความจริงว่าราคาจัดซื้อวัคซีน Sinovac จำนวน 10.9 ล้านโดส นับแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ถึง 31 สิงหาคม 2564 มีการจัดซื้อ 3 ครั้ง และบริษัท Sinovac คิดราคาค่าวัคซีนอยู่ในระหว่างราคา 14 เหรียญ/โดส และต่ำสุดที่ 9 เหรียญ/โดส
.
2. ราคาวัคซีนที่ ครม. อนุมัติที่ 17 เหรียญ/โดส จึงมีส่วนต่างราคาที่ ครม. อนุมัติ กับราคาที่องค์การเภสัชกรรมซื้อจริงจาก บริษัท Sinovac ยอดรวมอยู่ที่ 49 ล้านเหรียญโดยประมาณ หากคิดเป็นเงินไทย ตกเป็นเงิน 1,603,280,000 บาท
.
3. เรื่องนี้พลเอกประยุทธ์ ต้องเป็นคนตอบคำถามว่ามีส่วนต่างจริงหรือไม่ เหตุใดถึงไม่ป้องกันการทุจริต โดยอนุมัติงบประมาณ การจัดซื้อตามที่จัดซื้อจริงในแต่ละครั้ง และต้องนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อที่ประชุมแห่งนี้ด้วย หากวันนี้ชี้แจงไม่ได้ ประเสริฐแจ้งว่า…
.
คำเดียวที่จะกราบเรียนท่านประธาน คือ “ตั้งใจโกงครับ”
.
4. และหากมีการจัดซื้อต่ออีกตามมติ ศบค. เมื่อ 16 สิงหาคม 2564 จำนวน 12 ล้านโดส ราคาโดสละ 17 เหรียญ ทั้งๆ ที่ราคาวัคซีนที่บริษัทขายให้จริงราคา 9 เหรียญ/โดส จะมีผลต่างต่อโดส 8 เหรียญ วัคซีนจำนวน 12 ล้านโดส คิดเป็นเงิน 96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 3,133,440,000 บาท (สามพันหนึ่งร้อยสามสิบสามล้านสี่แสนสี่หมื่นบาท)
.
นี่คือการหากินบนความตายของพี่น้องประชาชน เป็นการโกงแบบไร้ยางอาย ปกปิดข้อมูล ไม่เปิดเผยรายละเอียดให้ประชาชนได้ทราบ ปิดหู ปิดตา ประชาชน
#รัฐบาลโอหังคลั่งอำนาจ #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #ไล่ประยุทธ์
---
พรรคเพื่อไทย ชวนพี่น้องประชาชน
“ลงมติประชาชน รวมพล #ไล่ประยุทธ์” ร่วมลงชื่อโหวตไม่วางใจรัฐบาล
ผ่าน https://vote.ptp.or.th


พรรคเพื่อไทย added 7 new photos.
14h ·

หมัดน็อก ประยุทธ์-อนุทิน!
หลักฐานค้าความตาย “วัคซีนซิโนแวค”
.
ในการอภิปรายไม่ไว้วางครั้งนี้ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา และ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เปิดเผยข้อมูลการซื้อขายวัคซีนซินโนแวค ที่เต็มไปด้วยความน่าสงสัย ผูกขาด ตัดตอน ซ่อนเงื่อน ไม่โปร่งใส ในหลายประเด็น ดังนี้
+ แฉราคาซื้อ Sinovac 17 เหรียญ/โดส โดยไทยซื้อแพงกว่าเพื่อน
+ การจัดซื้อ Sinovac ทั้งที่ WHO ไม่รับรองวัคซีน
+ เปิดไทม์ไลน์จัดซื้อ Sinovac เพียง 27 วัน
+ การจัดซื้อ Sinovac ไม่เป็นไปตามแผน ซื้อเกิน 3 เท่า
+ นำไปสู่คำถามที่ว่า เงิน Sinovac เงินทอน 1,603 ล้าน เข้ากระเป๋าใคร?
+ ​​ประยุทธ์ และอนุทิน มีเจตนาพิเศษ ไม่ระงับยับยั้ง



พรรคเพื่อไทย
14h ·

แฉราคาซื้อซิโนแวค 17 เหรียญ/โดส
.
ไทยซื้อแพงกว่าอินโดนีเซีย 192,480,000 บาท
ไทยซื้อแพงกว่าบราซิล 438,448,000 บาท
----
การจัดซื้อที่รัฐบาลไทยซื้อจากบริษัทเอกชนในจีน ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกง และเป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัทนี้มีสายสัมพันธ์เป็นพี่น้องใกล้ชิดกับเจ้าสัวใหญ่ในเมืองไทย ที่เป็นกลุ่มทุนผูกพันอย่างลึกซึ้งกับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ แม้ไม่มีตัวแทนจำหน่ายที่เมืองไทย แต่เป็นการซื้อขายที่ผ่านนายหน้า ซึ่งการซื้อขายลักษณะนี้ ทราบกันดีว่า ต้องมีค่านายหน้า หรือค่าส่วนต่าง หรือเงินทอน ส่งผลให้ ราคาวัคซีน Sinovac ที่พลเอกประยุทธ์ จัดหามาให้คนไทยนอกจากจะมีคุณภาพต่ำ ยังมีราคาสูง กว่าประเทศอื่นๆ นั่นคือ ซื้อซิโนแวค 17 เหรียญ/โดส แพงกว่าอินโดนีเซีย 192,480,000 บาทแพงกว่าบราซิล 438,448,000 บาท
.
รายงานการประชุม ศบค. มติคณะรัฐมนตรี และ เรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเห็นชอบในแผนการกระจายวัคซีน ตามที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ไม่ปรากฏที่มาที่ไปว่า พลเอกประยุทธ์ มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาการจัดซื้อวัคซีน Sinovac อย่างไร ยังไม่มีการศึกษาจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ การวิเคราะห์ประสิทธิภาพวัคซีน และหากอ้างว่า องค์การเภสัชกรรม แนะนำให้ซื้อวัคซีนที่ใช้เชื้อตายแล้วเท่านั้น ทำไมต้องเป็น Sinovac ยี่ห้อเดียวด้วยวิธีการเฉพาะเจาะจงเท่านั้น?



พรรคเพื่อไทย
14h ·

ซื้อ Sinovac ทั้งที่ WHO ไม่รับรองวัคซีนตอนซื้อ
.
พลเอกประยุทธ์ และอนุทิน ตกลงซื้อวัคซีน Sinovac ทั้งที่องค์การอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) ยังไม่ขึ้นทะเบียน รวมถึงในช่วงเวลาขณะตกลงซื้อ วัคซีน Sinovac ยังไม่ได้การรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เช่นเดียวกัน
.
การจัดซื้อวัคซีน Sinovac เป็นการเลือกปฏิบัติ ขัดมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 และมติคณะรัฐมนตรี 6 กรกฎาคม 2564 เพราะไม่เป็นไปตามแผนการกระจายวัคซีนที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอ พฤติการณ์การจัดหาและจัดซื้อวัคซีน Sinovac เป็นไปโดย รวดเร็ว เร่งรีบ ตั้งแต่เจรจา ขึ้นทะเบียน ทำสัญญา และ ส่งมอบ
.
เกิดคำถามว่า ทำไมถึงมีมาตรฐานการปฏิบัติต่อวัคซีน Sinovac แตกต่างจากยี่ห้ออื่น ได้ใบผ่านนำเข้า อย่างรวดเร็ว แสดงถึงความไม่โปร่งใส ทำให้คนไทยขาดโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนทางเลือกอื่นๆ



พรรคเพื่อไทย
14h ·

จัดซื้อ Sinovac เพียง 27 วัน
.
พลเอกประยุทธ์ และ อนุทิน กระทำการโดยเร่งรีบ รวบรัด ถือเป็นข้อพิรุธอย่างยิ่ง ทั้งที่ อย.ไทย และ WHO ยังไม่รับรอง มีข้อสังเกตว่าระยะเวลาในการเจรจาและยกร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบ ใช้เวลาเพียง 27 วันเท่านั้น จึงเสร็จสิ้น
.
ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 พลเอกประยุทธ์ และอนุทิน เดินทางไปรับวัคซีนที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากที่ อย.รับรองแค่ 2 วันเท่านั้น เกิดประเด็นว่าทำไมเลือกปฏิบัติต่อวัคซีนแต่ละชนิดแตกต่างกัน ทำให้วัคซีนยี่ห้ออื่นล่าช้า ทำให้ประชาชนขาดทางเลือก แต่วัคซีน Sinovac กลับมีการนำเข้าอย่างรวดเร็ว
.
ประเสริฐตั้งคำถามว่า หากพลเอกประยุทธ์ มีความโปร่งใส คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ย่อมปฏิบัติต่อวัคซีนประเภทอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงให้นำเข้ามาฉีดกับคนไทย เหมือนกับที่ปฏิบัติต่อวัคซีน Sinovac



พรรคเพื่อไทย
14h ·

จัดซื้อ Sinovac ไม่เป็นไปตามแผน ซื้อเกิน 18.3 ล้านโดส
.
การจัดซื้อวัคซีน Sinovac มีความไม่ชอบมาพากล และขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 ที่ว่าการดำเนินการต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ คนไทยได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงและเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด กลับละเลยข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี แต่พลเอกประยุทธ์ และอนุทิน ไม่ระงับยับยั้ง ถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น กลับเดินหน้าจัดซื้อวัคซีน Sinovac เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่สูง ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นสามารถจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามาฉีดให้คนไทยได้
.
โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ถึงปัจจุบัน รัฐบาลซื้อวัคซีน Sinovac ไปแล้วกว่า 19.5 ล้านโดส และหากรวมที่จะสั่งซื้อตามความต้องการของ ศบค. เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 อีก 12 ล้านโดส จะทำให้คนไทยมีวัคซีน Sinovac จำนวน 31.5 ล้านโดส
.
ซึ่งการจัดซื้อดังกล่าว สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 10% คือจัดหา 13.2 ล้านโดส แต่วันนี้ซื้อถึง 31.5 ล้านโดส เกินกว่าเป้าหมาย 18.3 ล้านโดส และมากกว่าวัคซีน AstraZeneca ซึ่งเป็นวัคซีนหลัก



พรรคเพื่อไทย
14h ·

ส่วนต่างราคาซิโนแวค 1,603 ล้านบาท เข้ากระเป๋าใคร
.
การจัดซื้อวัคซีน Sinovac ทั้งหมดล็อตแรกๆ อาจจะมีข้อแก้ตัวได้ว่าเป็นวัคซีนฉุกเฉิน แต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 เชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ พลเอกประยุทธ์ และ อนุทิน ต้องหยุดซื้อวัคซีน Sinovac แต่มีข้อพิรุธว่า กระทรวงสาธารณสุข ขออนุมัติซื้อวัคซีน Sinovac จำนวน 10.9 ล้านโดส ในวงเงิน 6,064.76 ล้านบาท
.
ทั้งๆ ที่มติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ให้มีการซื้อวัคซีนอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ไม่ให้ซื้อวัคซีน Sinovac ยี่ห้อเดียว ทำให้พบความจริงว่าราคาจัดซื้อวัคซีน Sinovac จำนวน 10.9 ล้านโดส นับแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ถึง 31 สิงหาคม 2564 มีการจัดซื้อ 3 ครั้ง และบริษัท Sinovac คิดราคาค่าวัคซีนอยู่ในระหว่างราคา 14 เหรียญ/โดส และต่ำสุดที่ 9 เหรียญ/โดส
.
ราคาวัคซีนที่ ครม. อนุมัติที่ 17 เหรียญ/โดส จึงมีส่วนต่างราคาที่ ครม. อนุมัติ กับราคาที่องค์การเภสัชกรรมซื้อจริงจาก บริษัท Sinovac ยอดรวมอยู่ที่ 49 ล้านเหรียญโดยประมาณ หากคิดเป็นเงินไทย ตกเป็นเงิน 1,603,280,000 บาท
.
เรื่องนี้พลเอกประยุทธ์ ต้องเป็นคนตอบคำถามว่ามีส่วนต่างจริงหรือไม่ เหตุใดถึงไม่ป้องกันการทุจริต โดยอนุมัติงบประมาณ การจัดซื้อตามที่จัดซื้อจริงในแต่ละครั้ง และต้องนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อที่ประชุมแห่งนี้ด้วย หากวันนี้ชี้แจงไม่ได้ ประเสริฐแจ้งว่า…
.
คำเดียวที่จะกราบเรียนท่านประธาน คือ “ตั้งใจโกงครับ”
.
และหากมีการจัดซื้อต่ออีกตามมติ ศบค. เมื่อ 16 สิงหาคม 2564 จำนวน 12 ล้านโดส ราคาโดสละ 17 เหรียญ ทั้งๆ ที่ราคาวัคซีนที่บริษัทขายให้จริงราคา 9 เหรียญ/โดส จะมีผลต่างต่อโดส 8 เหรียญ วัคซีนจำนวน 12 ล้านโดส คิดเป็นเงิน 96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 3,133,440,000 บาท (สามพันหนึ่งร้อยสามสิบสามล้านสี่แสนสี่หมื่นบาท)


พรรคเพื่อไทย
14h ·

ประยุทธ์ และอนุทิน มีเจตนาพิเศษ ไม่ระงับยับยั้ง การจัดซื้อ Sinovac จำนวน 10.9 ล้านโดส ตามข้อทักท้วงและข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่างๆ
.
พลเอกประยุทธ์ และอนุทิน มีเจตนาพิเศษ ไม่ระงับยับยั้ง ทั้งที่มีหน้าที่และอำนาจระงับยับยั้ง โดยนำข้อทักท้วง ข้อเสนอแนะ มาพิจารณาเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แต่ทั้งพลเอกประยุทธ์ฯ และอนุทิน กลับไม่สนใจ ไม่นำพา ในคำทักท้วงและข้อเสนอแนะของหน่วยงานดังกล่าวแต่อย่างใด เดินหน้าจัดซื้อ วัคซีน Sinovac จากบริษัท Sinovac Biotech อย่างต่อเนื่องในปริมาณที่มากเกินไป จนผิดสังเกตุ
.
ทำให้เชื่อว่า การจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ชอบมาพากล มีผลประโยชน์แอบแฝง มีการเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน เอาประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ไม่คำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชน เป็นการจัดหาวัคซีนที่มีพฤติกรรมปิดบังอำพราง เป็นวัคซีนเส้นใหญ่ วัคซีนสายสัมพันธ์ แต่ด้อยประสิทธิภาพสูงสุด
.....
พรรคเพื่อไทย ชวนพี่น้องประชาชน
“ลงมติประชาชน รวมพล #ไล่ประยุทธ์” ร่วมลงชื่อโหวตไม่วางใจรัฐบาล
ผ่าน https://vote.ptp.or.th

โศกนาฏกรรมของคนไทย ในน้ำมือ 'ประยุทธ์'



พรรคเพื่อไทย
6h ·

ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม. เขตลาดกระบัง อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ปฏิบัติงานล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศบค.)

พลเอกประยุทธ์ตั้งตนเองเป็นผู้ตัดสินใจสูงสุดแต่ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา บริหารสถานการณ์ล้มเหลวล่าช้า ไม่มีความเหมาะสมในการเป็นผู้นำ ไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ยิ่งในภาวะวิกฤตเช่นนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า พลเอกประยุทธ์ไม่มีความสามารถเพียงพอในการนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายในปัจจุบัน

ธีรรัตน์ ได้ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ตนเองได้พบเจอจากการลงพื้นที่ในเขตลาดกะบัง ในหลายกรณีที่ล้วนแล้วแต่สร้างความสะเทือนใจ โดยสาเหตุทั้งหมดเกิดจากการบริหารโควิดที่ล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบตั้งแต่ การตรวจโรค การหาโรงพยาบาล หาเตียงรักษา ซึ่งไม่เคยเพียงพอ ส่งผลให้อาสาสมัครประชาชนต้องออกมาช่วยเหลือกันเอง ทั้งที่ทั้งหมดควรเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล
----
พรรคเพื่อไทย ชวนพี่น้องประชาชน
“ลงมติประชาชน รวมพล #ไล่ประยุทธ์” ร่วมลงชื่อโหวตไม่วางใจรัฐบาล
ผ่าน https://vote.ptp.or.th



พรรคเพื่อไทย
6h ·

โทโมโกะเด็กสาววัย 20 ปี คือผู้สูญเสีย สามชีวิตในครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ และโทโมโกะทุกคนติดเชื้อโควิด คุณแม่ที่อาการไม่หนักได้เตียงก่อน ส่วนคุณพ่อที่อายุมากแล้วอาการรุนแรงต้องรอเตียงอยู่บ้าน ไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียสักเม็ด เพราะตามการจัดการของรัฐบาลผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลก่อนถึงจะได้รับยา

โทโมโกะตัดสินใจไม่ตรวจหาเชื้อเลือกที่จะอยู่บ้านดูแลคุณพ่ออย่างใกล้ชิด จนกว่าจะมี รพ. รับรักษาคุณพ่อ เพราะกลัวว่าหากตัวเองได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อจะได้เตียงก่อน และจะไม่มีใครคอยดูแลคุณพ่อ สุดท้ายเมื่อคุณพ่อเข้ารับการรักษา ก็เกิดเรื่องเศร้า เพราะนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณพ่อได้อยู่ที่บ้านหลังนั้น ส่วนโทโมโกะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการเชื้อลงปอดได้รับผลข้างเคียงทางร่างกายจากยาที่รักษา และบาดแผลทางจิดใจที่ต้องสูญเสียคุณพ่อไปอย่างไม่มีวันกลับ โทโมโกะบอกกับธีรรัตน์ว่า “ถ้าพ่อได้รักษาเร็วกว่านี้ เชื่อว่าพ่อจะไม่ตาย”



พรรคเพื่อไทย
6h ·

คุณตาสมรวัย 76 ปี อาศัยอยู่ร่วมกับลูกสาวและหลานชาย สามชีวิตภายในบ้านเอื้ออาทรติดเชื้อโควิดทั้งสามคน หาเตียงอยู่เป็นสัปดาห์แต่ไม่มีที่ไหนตอบรับ จนศูนย์เอราวัณแจ้งว่ากำลังมารับตัวคุณตาสมร ธีรรัตน์กล่าวว่าเธอรู้สึกเบาใจขึ้น

แต่ช่วงค่ำของวันนั้นหลานชายของคุณตาสมรได้โทรศัพท์บอกกับธีรรัตน์ว่า เจ้าหน้าที่มาถึงแล้วและได้ตรวจดูอาการของคุณตา จึงแจ้งญาติว่าจะให้คุณตาเสียชีวิตที่บ้านหรือให้พาคุณตาไปที่ศูนย์แต่จะไม่มีโอกาสได้เจอคุณตาอีกเลย เมื่อเจ้าหน้าที่กลับไปในคืนวันนั้นคุณตาสมรก็จากไป สองคนแม่ลูกได้อยู่กับคุณตาเป็นคืนสุดท้าย

เมื่อระบบสาธารณสุขล้มเหลวโอกาสในการรักษาของประชาชนจะลดน้อยลง จนหลายกรณีเสียชีวิตก่อนที่จะได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษา



พรรคเพื่อไทย
6h ·

ธีรรัตน์กล่าวว่า “พลเอกประยุทธ์เคยรับรู้หรือไม่ว่า คนคนนึงกว่าจะได้รับการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ของรัฐมันลำบากขนาดไหน ดิฉันจะเล่าให้ฟังและขอให้ฟังอย่างตั้งใจ เผื่อว่าจะเข้าไปในต่อม ละอายในฐานะที่เป็นผู้รวบอำนาจ แต่งตั้งตนเองเป็นผู้อำนวยการ ศบค. กทม. บ้าง”

ในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกมีประชากรตามทะเบียนราษฎร์เกือบ 7 แสนคน ไม่รวมประชากรแฝง แต่ที่จุดตรวจรับตรวจเพียงแค่ 200 คนต่อวัน เมื่อได้รับเสียงวิจารณ์ จึงเพิ่มเป็น 500 คนและตอนนี้ 700 คนซึ่งไม่มีทางเพียงพอกับประชากร วิธีที่พี่น้องประชาชนจะได้รับการตรวจคือไปรอที่จุดตรวจกันตั้งแต่สามทุ่มและต่อคิวนอนกันบนถนน ฝนตกก็ยอมเปียกเพราะกลัวไม่ได้ตรวจ เพราถ้าไม่ได้ตรวจก็ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลเสียค่าบริการอีก 3,000 บาท ถ้าไม่ตรวจก็เข้าไปรักษาไม่ได้

“พลเอกประยุทธ์ควรสำนึกได้แล้วว่า ประชาชนต้องลำบากเพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง ต้องให้ประชาชนเสียชีวิต ต้องให้ประชาชนร้องขอ ด้วยความรันทดถึงจะพอใจหรือ”

----
พรรคเพื่อไทย ชวนพี่น้องประชาชน
“ลงมติประชาชน รวมพล #ไล่ประยุทธ์” ร่วมลงชื่อโหวตไม่วางใจรัฐบาล
ผ่าน https://vote.ptp.or.th

ส.ส. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ พรรคก้าวไกล พาทัวร์เปิดโลก IO ภาคจบ


Tarot to youuuu
@TarotYouuuu

กล้าดียังไง เอาภาษีประชาชนมาใช้คุกคามสอดแนมทางไซเบอร์ ไร้ค่าจริงๆพวกมึงเนี่ย

https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/videos/371457308033973

พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
@MFPThailand

·8h

แหก4 ทีมส่วนกลาง ทบ. ร่วมประชุมงาน IO หนึ่งในนั้นคือผู้พันเจี๊ยบ พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร รองโฆษก ทบ. ที่เคยโพสต์เรื่องม็อบมุ้งมิ้ง ตอนหลังลบโพสต์ไป แต่แน่นอนว่าชาวเน็ตแคปทัน ว่าแต่โฆษกไปร่วมประชุมเองแบบนี้ จะปฏิเสธว่า ทบ.ไม่มี IO ได้ไง? #แหกIO #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #นักรบไซเบอร์


.....


Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล
8h ·

กำลังตั้งใจฟัง ส.ส. ณัฐชา อภิปรายเรื่อง "IO ภาคจบ" เห็นเพจตัวเองเป็นเป้าหมายอีกแล้วค่ะ ถถถ

(แคปไม่ทัน ขอบคุณผู้หวังดีที่ส่งภาพมาให้)

เดี๋ยวจะปรึกษาทนายว่าจะเพิ่มหลักฐานนี้เข้าไปในสำนวนที่ร้องศาลปกครอง (ร่วมกับคุณเป๋า ยิ่งชีพและคุณจอห์น วิญญู ให้กองทัพบกหยุดปฏิบัติการนี้) ได้หรือเปล่านะ

(ป.ล. ศาลรับฟ้องคดีแล้วนะคะ เผื่อใครสนใจ)
แหม่ นึกว่า IO จะเลิกตามเพจนี้แล้วซะอีก เห็นขาประจำหายไปนาน

บทความทางวิชาการ เรื่อง The legend of King Prajadhipok: Tall tales and stubborn facts on the seventh reign in Siam โดย Federico Ferrara มีคนแปลไทยแบบสรุปคร่าวๆ เค้าว่า ฉายาที่ว่าเป็นกษัตริย์นักประชาธิปไตยเป็นเรื่องไม่จริง ใครสนใจ เชิญ...



Nanthida Rakwong
August 24 at 2:03 PM ·

พอดีไปเจอบทความทางวิชาการ เรื่อง The legend of King Prajadhipok: Tall tales and stubborn facts on the seventh reign in Siam โดย Federico Ferrara แล้วน่าสนใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ร.7 ฉายาที่ว่าเป็นกษัตริย์นักประชาธิปไตยเป็นเรื่องหลอกลวง จึงขอแปลและสรุปคร่าวๆดังนี้
-————-——————-------
ร.7 ไม่ได้เตรียมพร้อมจะเป็นกษัตริย์ ไม่มีความมั่นใจ และอยากยกตำแหน่งนี้ให้เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์แทน ร.7 ไม่ได้สนใจธรรมนูญเพราะเชื่อในประชาธิปไตย แม้อาจจะเป็นคนที่มีความคิดเห็นที่เสรีนิยมแต่ข้อเขียนของร.7 แสดงให้เห็นว่าไม่เชื่อว่าประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมมีความยั่งยืน ร.7 สนใจเรื่องรัฐธรรมนูญเนื่องจากกลัว ว่าจะมีการปฏิวัติล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ในปี2469 ร.7 เขียนจดหมายแลกเปลี่ยนกับนาย Francis Sayre และย้ำว่าประชาธิปไตยแบบรัฐสภาไม่เหมาะสมกับคนเชื้อชาติชาวสยาม
หลังจากปฎิวัติ 2475 คณะราษฎรเปิดโอกาสให้สถาบันกษัตริย์ทำลายการสร้างฐานอำนาจของคณะปฏิวัติ เช่นไม่มีการยึดทรัพย์ของสมาชิกราชวงศ์ และนอกจากนี้ยังปฏิบัติต่อร.7 เหมือนกับว่าร.7 เห็นด้วยกับการปฏิวัติครั้งนี้ซึ่งเป็นการสร้างชื่อให้กับสถาบันกษัตริย์ในเป็นผู้สนับสนุนประชาธิปไตย ขอย้ำว่านี่ไม่ใช่ทางเลือกเดียวของคณะราษฎรในเวลานั้น ความเชื่อในเรื่องการยึดมั่นใน ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่เหมือนเช่นทุกวันนี้
---------------------------------------------
ไม่นานก่อนพอดีจะเสียชีวิต ปรีดีได้กล่าวเอาไว้ว่าความล้มเหลวของคณะราษฎรคือการไม่สามารถ ประคองชัยชนะและหลีกเลี่ยงการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้ และข้อผิดพลาดหลักคือการไปเชิญข้าราชการเก่าแก่มาร่วมรัฐบาล และปรีดีก็ยังยอมรับว่าเขาไม่ได้คิดว่าสถาบันกษัตริย์จะให้ความร่วมมือขนาดนี้ และบางคนก็มองว่าอีกเหตุหนึ่งคือคณะราษฎรรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะได้รับความนิยมจากประชาชนมากแค่ไหน และยังรู้สึกกลัวว่าจะมีการแทรกแซงจากต่างชาติ ในเอกสารการพูดอังกฤษรายงานว่าคณะราษฎรล้มเลิกแนวความคิดที่จะล้มสถาบันกษัตริย์หลังจากที่ถูกชักจูงจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเทววงศวโรทัย ว่าต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงหากรัฐบาลใหม่ไม่สามารถที่จะรับรองความมั่นคงของประเทศได้ จะด้วยอะไรก็ตามแต่แต่คณะราษฎร์ได้สละศักยภาพของการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงประเทศเพื่อแลกกับความมั่นคงอันสั้น พวกเขาคิดผิดและส่งผลให้คณะราษฎรตัดโอกาสตัวเองที่จะทำเป้าหมายปฏิวัติให้สำเร็จลุร่วงในช่วงแรก
----------------------------------------------
แม้ร. 7 จะประกาศว่าให้อภัยคณะราษฎรในที่สาธารณะแล้ว แต่ก็ยังมีส่วนร่วมในการสนับสนุนฝ่ายล้มล้างคณะราษฎรรวมถึงทำแคมเปญสื่อหนังพิมพ์กล่าวหาคณะราษฎร์ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ และเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง ในปี 2476 ร.7 เขียนจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรีพญามโนปกรณ์ว่ารู้สึกวิตกกังวลมากที่จะมีการตั้งพรรคการเมืองเพราะคิดว่าพรรคการเมืองจะนำไปสู่ความรุนแรงและความไม่สงบเนื่องจากประชาชนยังไม่มีความพร้อมและเข้าใจระบอบประชาธิปไตย พญามโนปกรณ์เห็นด้วยเนื่องจากมีปัญหากับสมาชิกคณะราษฎร์หลายคนรวมถึงปรีดีด้วย
ร.7 ยังมีส่วนเกี่ยวข้องและให้การสนับสนุนก็หมดบวรเดชในด้านการเงินและการลงมือปฏิบัติ ร.7 ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายภาษีมรดกเนื่องจากไม่มีการยกเว้นภาษีให้แก่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แต่อย่างไรก็ตามร่างดังกล่าวก็ผ่านรัฐสภา อย่างที่สองคือการแก้ไขกฎหมายวิอาญา ร.7 ไม่เห็นด้วยที่ตนเองจะไม่มีอำนาจในการอนุมัติประหารชีวิต และสิทธิ์ในให้อภัยโทษต่อนักโทษของกษัตริย์ถูกทำให้ไร้ประสิทธิภาพ แต่ร่างกฎหมายก็ผ่านสภาอีกเช่นกัน
----------------------------------------------
นอกจากนี้ร.7 ยังไม่พอใจลักษณะการอภิปรายในสภาเพราะตนเองถูกวิจารณ์อย่างจะอย่างหนักว่าไม่ยอมรับหลักการของความเท่าเทียมทางกฏหมายในกรณีการจ่ายภาษี ร.7 ส่งจดหมายไปให้รัฐบาลปี 2477 ระบุว่าไม่พอใจที่รัฐบาลไล่ทหารรักษาวังซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับกบฏวรเดชถูกไล่ออก ร.7 อ้างว่ากษัตริย์ต้องการทหารรักษาพระองค์เพื่อจะได้รักษาความปลอดภัย หากรัฐบาลไม่สามารถหาให้ได้ก็จะสละราชสมบัติ และอีกฉบับเขียนว่าหากรัฐบาลไม่ยอมละเว้นภาษีให้กับสำนักงานกษัตริย์มันจะนำไปสู่การลดสถานภาพของกษัตริย์ หากรัฐบาลไม่ยกเว้นภาษีนี้ ร.7 ก็จะไม่เซ็นกฎหมายที่ทำลายกษัตริย์โดยตรงหรือทางอ้อม
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเลิกกล่าวหากษัตริย์ ให้มีการปราบปรามผู้ที่ดูถูกพระราชวงศ์จักรีอย่างเข้มงวด และรัฐบาลควรจะแสดงชัดเจนว่ามีความจงรักภักดีกับสถาบันกษัตริย์ และยังเรียกร้องให้รัฐบาลลดโทษผู้กลาวหารัฐบาลว่าเป็นโซเชียลลิซ และลดโทษผู้ถูกข้อหากบฏบรวรเดช และคืนเงินบำนาญให้คนเหล่านี้
ร.7 ยังเขียนจดหมายไปถึงราชเลขาธิการวังโดยระบุว่ารัฐบาลต้องการที่จะทำให้ร.7 เป็นกษัตริย์เหมือนในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสิ่งที่ร.7 ยอมรับไม่ได้ ข้อเขียนเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการที่ ร.7 สละราชสมบัติเป็นเรื่องส่วนตัวและการต่อรองเกี่ยวกับสถานะอำนาจของสถาบันกษัตริย์โดยตรง ไม่ได้เพราะเชื่อมั่นในประชาธิปไตยแต่อย่างใด

เอกสารการทูตอังกฤษปี 2501 กรณีการยึดอำนาจของสฤษดิ์และท่าทีภูมิพลที่ 'เลือก'สนับสนุนรัฐประหาร



Nanthida Rakwong
Yesterday at 6:04 AM ·

เอกสารการทูตอังกฤษปี 2501 กรณีการยึดอำนาจของสฤษดิ์และท่าทีภูมิพลที่ 'เลือก'สนับสนุนรัฐประหาร
1. เอกสารวันที่ 25 ตุลาคม หลังจากสฤษดิ์ทำรัฐประหารยึดอำนาจได้ 5 วัน ในข้อ 11 ทูตระบุว่าเขาไม่ทราบว่า ภูมิพลรู้ล่วงหน้าเรื่องการทำรัฐประหารยึดอำนาจนานเท่าไหร่ ตอนนี้ภูมิพลยังไม่ได้ลงนามรับรองคณะรัฐประหาร แต่เหตุผลอย่างเป็นทางการที่ทหารให้มาคือ ไม่ต้องการ ให้กษัตริย์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกี่ยวข้องกับ “การยึดอำนาจ” อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าตอนที่มีการยึดอำนาจเกิดขึ้น ภูมิพลได้ไปร่วมงานฉายภาพยนตร์ แม้จะถูกคนในวังห้าม ภูมิพลมีท่าทีสบายใจ ไม่มีความกังวลแต่อย่างใด และยังถือวิทยุแบบพกพาไปด้วย
2. เอกสารวันที่ 21 พฤศจิกายน ในข้อ 2 มีข่าวลือว่าภูมิพลจะสละราชสมบัติ แต่ทูตอังกฤษมองว่าข่าวลือนี้ไม่มีมูล เพราะได้รับรายงานว่า ภูมิพลรอดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ และพยายามกระตุ้นให้คณะรัฐประหารร่างข้อเสนอแนะ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าทางวังจะพอใจเนื่องจากคณะรัฐประหารไม่ได้ทำการต่อต้านกษัตริย์ และองคมนตรีระดับสูงยังได้รับแต่งตั้งให้ดำรงต่ำแหน่งในคณะรัฐประหารเพื่อที่ ภูมิพลได้รับข่าวสารว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในคณะรัฐประหาร
3. เอกสารวันที่ 2 ธันวาคม ระบุว่าภูมิพลพบกับสฤษดิ์ในตอนเข้า มีการคาดเดาว่าจะคุยกันเรื่องรัฐธรรมนูญชั่วคราว
การเล่นการเมืองของภูมิพลดูจะพัฒนาขึ้น เพราะในปีก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกอย่างมากว่าสนับสนุนคณะรัฐประหาร แถมยังช่วยร่างเอกสารอธิบายสาเหตุที่สฤษดิ์ต้องการทำรัฐประหารอีกด้วย อ่านที่ https://www.facebook.com/daarakwong/posts/10158340225015754?viewas=100000686899395
ดูเอกสารรายงานสถานกาณ์การเมืองปี 2501 ทั้งหมดที่ https://drive.google.com/.../1IuvdY-x-CTtIDbhZj3cCQ... มีข้อมูลอื่นที่น่าสนใจอีกมากมาย เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจคนอื่นๆค่ะ

วิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ชุลมุน เข้าตาจน หลังพิงฝา วิธีรอดพ้นวิกฤต 'วอยซ์' คุยกับครูบุก แชมป์ MMA : Pattaya Martial Arts Grand Championship 2015

https://www.facebook.com/watch/?v=696193541782074

เพลง German Rap against Dictatorship

#SaveThaiDemocracy #ThisEndsWithOurGeneration #FreeYouth
rap against dictatorship

PixelHELPER

Aug 29, 2021

Get ready to join the protest in Germany with PixelHELPER Act4dem - Action for People's Democracy Rap Against Dictatorship Today we’ll fight together! 
Support the fight👉PixelHELPER.org/Thaiking
.....
Junya Yimprasert
8h ·

เพลง German Rap against Dictatorship #ThisEndsWithOurGeneration
เวอร์ชั่น PixelHELPER กับรถถังหน้าวัง เพื่อบอกว่า ถ้ายังไม่เคารพคนไทย ยังไม่เคารพประชาธิปไตย ก็จะถูกประท้วงที่เยอรมัน
#letsitendinourgeneration
#ให้มันจบในรุ่นเรา

เครื่องบินในหลวงบินกลับเยอรมนี ตอนแรกคาดว่าเป็นเครื่องที่พาวชิราลงกรณ์กลับเยอรมัน อ.ปวินบอกว่า วชิราลงกรณ์ไม่ได้บินมาด้วย เครื่องเอามาซ่อมแซมบางอย่างเฉยๆ