
อานนท์ นำภา
6 hours ago
·
จดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนนักกฎหมายทั่วโลก
กว่า 2 ปีแล้วที่ผมต้องใช้ชีวิตในเรือนจำเพื่อต่อสู้คดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สถานการณ์ของกระบวนการยุติธรรมที่วิปลาสของประเทศผมยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในภาวะบ้านเมืองที่มืดมนเช่นนี้ ผมได้แต่ต่อสู้ร่วมกับเพื่อนๆจำนวนหนึ่ง เป็นการต่อสู้กับความวิปลาสของระบบกฎหมายที่ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
นับแต่ปี 2020 ที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ออกมาใช้เสรีภาพทางการเมืองและมีข้อเสนอเรียกร้องให้มีการปฎิรูปสถาบันกษัตริย์ พวกเราถูกใช้ความรุนแรงในนามของกฎหมายและข้ออ้างเพื่อความสงบเรียบร้อยอย่างโหดร้ายทารุณ กระบวนการอันวิปลาสเริ่มจาก การมองว่าการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องผิดบาป ในทางจารีตของสังคมเก่า แล้วจึงใช้ความอยุติธรรมในนามกฎหมายปิดปากพวกเรา
พวกเราหลายคนถูกดำเนินคดี โดยบางรายถูกจงใจแจ้งความในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เกิดความยากลำบากในการต่อสู้คดี การตีความโดยบิดเบือนต่อตัวบทกฎหมาย ทำให้มาตรา 112 เป็นเสมือนคำสาปและเช็คเปล่า ที่รอการใช้อย่างตามอำเภอใจในนามของความจงรักภักดี กระทั่งก่อกำเนิดหลักกฎหมายอันวิปลาสขึ้นว่า การพูดความจริงในเรื่องสถาบันกษัตริย์ ก็เป็นความผิดและต้องห้ามมิให้พิสูจน์ความจริงต่อศาล ทำให้ผมและเพื่อนอีกหลายคนยังถูกคุมขังในเรือนจำขณะนี้
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวบางส่วนของความวิปลาส ในประเทศของผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากเพื่อนนักกฎหมายทั่วโลกได้อ่าน จะช่วยกันผลักดันให้เกิดการคลี่คลายสถานการณ์และได้โปรดช่วยกันเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมอันเป็นปกติกลับคืนสู่สังคมไทยเสียที ทั้งนี้ เพื่อการเปลี่ยนผ่านสังคมโดยวิธีการสันติ มีวุฒิภาวะ
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนนักกฎหมายทั่วโลก ประเทศของผมจะเกิดประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพและมีสถาบันกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง ดังเช่น นานาอารยประเทศสืบไป
ด้วยความเคารพอย่างสูง
อานนท์ นำภา
นักโทษการเมือง ประเทศไทย
วันที่ 3 เมษายน 2568
——-
เครดิตภาพจาก Banrasdr Photo
https://www.facebook.com/photo/?fbid=29042533678694652&set=a.163415147033223
·
จดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนนักกฎหมายทั่วโลก
กว่า 2 ปีแล้วที่ผมต้องใช้ชีวิตในเรือนจำเพื่อต่อสู้คดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สถานการณ์ของกระบวนการยุติธรรมที่วิปลาสของประเทศผมยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในภาวะบ้านเมืองที่มืดมนเช่นนี้ ผมได้แต่ต่อสู้ร่วมกับเพื่อนๆจำนวนหนึ่ง เป็นการต่อสู้กับความวิปลาสของระบบกฎหมายที่ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
นับแต่ปี 2020 ที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ออกมาใช้เสรีภาพทางการเมืองและมีข้อเสนอเรียกร้องให้มีการปฎิรูปสถาบันกษัตริย์ พวกเราถูกใช้ความรุนแรงในนามของกฎหมายและข้ออ้างเพื่อความสงบเรียบร้อยอย่างโหดร้ายทารุณ กระบวนการอันวิปลาสเริ่มจาก การมองว่าการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องผิดบาป ในทางจารีตของสังคมเก่า แล้วจึงใช้ความอยุติธรรมในนามกฎหมายปิดปากพวกเรา
พวกเราหลายคนถูกดำเนินคดี โดยบางรายถูกจงใจแจ้งความในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เกิดความยากลำบากในการต่อสู้คดี การตีความโดยบิดเบือนต่อตัวบทกฎหมาย ทำให้มาตรา 112 เป็นเสมือนคำสาปและเช็คเปล่า ที่รอการใช้อย่างตามอำเภอใจในนามของความจงรักภักดี กระทั่งก่อกำเนิดหลักกฎหมายอันวิปลาสขึ้นว่า การพูดความจริงในเรื่องสถาบันกษัตริย์ ก็เป็นความผิดและต้องห้ามมิให้พิสูจน์ความจริงต่อศาล ทำให้ผมและเพื่อนอีกหลายคนยังถูกคุมขังในเรือนจำขณะนี้
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวบางส่วนของความวิปลาส ในประเทศของผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากเพื่อนนักกฎหมายทั่วโลกได้อ่าน จะช่วยกันผลักดันให้เกิดการคลี่คลายสถานการณ์และได้โปรดช่วยกันเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมอันเป็นปกติกลับคืนสู่สังคมไทยเสียที ทั้งนี้ เพื่อการเปลี่ยนผ่านสังคมโดยวิธีการสันติ มีวุฒิภาวะ
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนนักกฎหมายทั่วโลก ประเทศของผมจะเกิดประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพและมีสถาบันกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง ดังเช่น นานาอารยประเทศสืบไป
ด้วยความเคารพอย่างสูง
อานนท์ นำภา
นักโทษการเมือง ประเทศไทย
วันที่ 3 เมษายน 2568
——-
เครดิตภาพจาก Banrasdr Photo
https://www.facebook.com/photo/?fbid=29042533678694652&set=a.163415147033223