วันจันทร์, มีนาคม 10, 2568

นายกฯขอประชาชนเห็นใจนายก ส่วนประชาชนขอนายกเห็นหัวประชาชน - คืนสิทธิการประกันตัวเเก่ผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา ๑๑๒


Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส 
13 hours ago
·
#สะบักสะบอมคอมิก โดย Sa-ard สะอาด
#ไทยรัฐพลัส #ThairathPlus #WeSPEAKtoSPARK
.....



ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
12 hours ago
·
“ผมยังอยู่ในนี้ และผมยังสู้”: ข้อความจากหลังกำแพงสูงของ ‘บัสบาส’
.
.
ในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ทนายความเดินทางไปที่เรือนจำกลางเชียงราย 2 ครั้ง (ช่วงปลายเดือนก.พ.-ต้นเดือน มี.ค. 2568) อากาศเริ่มร้อนระอุเมื่อฤดูร้อนกำลังมาเยือน มงคล ถิระโคตร หรือ “บัสบาส” พ่อค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์และนักกิจกรรมวัย 31 ปี กำลังถูกคุมขังเข้าสู่ฤดูกาลนี้เป็นปีที่สอง จากโทษในคดีมาตรา 112 สามคดี รวมจำคุก 54 ปี 6 เดือน แม้ทุกคดียังอยู่ในระหว่างฎีกา
.
บัสบาสส่งรอยยิ้มบาง ๆ ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ใช้พูดคุย โดยไม่ได้พบหน้ากันโดยตรง ก่อนเริ่มต้นบทสนทนา เขากล่าวถึงอากาศที่เริ่มร้อน และบรรยากาศในเรือนจำที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของตัวเขาเองหลังเข้ามาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้ปีเศษแล้ว
.
“สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือความคิดและสังคมรอบตัว” เขาตระหนักถึงสิทธิของตนเองมากขึ้น — สิทธิที่ครั้งหนึ่งเขาไม่เคยตระหนักว่ามีอยู่ แต่ในเรือนจำ ทุกสิ่งถูกจำกัด เสรีภาพเป็นเพียงคำที่จางหายไปกับกำแพงสูง ยิ่งทำให้เขาเห็นว่าสิทธิเสรีภาพของเราทุกคนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรักษา
.
.
“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”
.
บัสบาสเล่าถึงภาวะซึมเศร้าที่กัดกินจิตใจเป็นระยะด้านหลังกำแพงสูง ในแต่ละวันอารมณ์ของเขาไม่คงที่ บางวันมืดหม่น บางวันพอมีแสงแห่งความหวังจาง ๆ เมื่อจิตใจหม่นหมองก็ส่งผลให้ร่างกายไม่ค่อยสู้ดีไปด้วย เขาต้องกินยารักษาโรคซึมเศร้าตอนเช้า 6 เม็ด และก่อนนอนอีก 11 เม็ด แม้ว่าจะได้ปรับลดลงจากก่อนหน้านี้บ้างแล้ว
.
สิ่งที่ยากที่สุดของการอยู่ในเรือนจำสำหรับเขาคือ การอยู่โดยไม่ได้รับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอก หนังสือที่ได้รับบริจาคก็มาถึงเพียงประปราย ขณะที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็น “ระเบียบของเรือนจำ” และจำต้องวนเวียนหนังสือไปตามแดนต่าง ๆ ก่อนจะมาถึงแดน 1 ที่เขาอยู่
.
แม้ว่าจะเผชิญทั้งโรคซึมเศร้าและความโดดเดี่ยวในเรือนจำ เขาก็ใช้วิธีการผ่อนคลายโดยการดูซีรี่ย์หนัง และฟังเพลง ซึ่งมีการเปิดผลัดเปลี่ยนให้ผู้ต้องขังชมและฟัง บัสบาสพยายามคิดอยู่เสมอว่าเขาไม่โดดเดี่ยว แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ เช่น คิดว่าจะมีนิรโทษกรรมไหม คิดว่าสถานการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองด้านนอกจะเป็นอย่างไร คิดถึงพ่อแม่ที่อายุมากแล้ว บางครั้งก็ทำให้เขาเหม่อลอย และดิ่งลงในความคิดอยู่เหมือนกัน
.
บัสบาสพยายามนั่งสมาธิ หรือนั่งนิ่ง ๆ ดูเพื่อนผู้ต้องขังเล่นตระกร้อ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปด้วย บางครั้งก็แว่บคิดขึ้นมาว่าเขาอยู่ในเรือนจำตอนอายุ 30 ปี และเดือนพฤษภาคมปีนี้เขากำลังจะอายุ 32 ปี เขาจะแก่ลงในทุก ๆ วัน บางทีก็คิดจินตนาการว่าอยากจะมีครอบครัว แต่ก็ช่างมัน ตอนนี้คิดว่าควรจะต้องอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งเป็นความจริงให้มากที่สุด
.
.
ร่างกายถูกจองจำ แต่ความคิดยังเสรี
.
ความเงียบในเรือนจำทำให้บัสบาสได้มีเวลาทบทวนชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ ว่านิสัยของเขาเป็นอย่างไร และอะไรทำให้เขาเข้ามาอยู่ ณ จุดนี้
.
ในวัยเด็กเขาเป็นคนห่างไกลจากทางการเมืองมาก ไม่เคยสนใจการเมืองเลย เหมือนขนนกที่ปลิวไปโดยไม่รู้ข้างหน้าจะเจออะไร เจอสิ่งนั้นแล้วก็ปลิวต่อไปอีก ปลิวล่องลอยไปจนพบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมาย ซึ่งสามารถนำปรับใช้กับอนาคตได้ สิ่งที่ผิดพลาดในอดีตก็จะไม่หวนกลับไปทำซ้ำ
.
บัสบาสเล่าว่าในแดน 1 ของเรือนจำ นักโทษหลายคนยังคงพูดคุยเรื่องการเมืองกันอย่างเปิดเผย “เพื่อนร่วมแดนรู้ดีว่าผมถูกดำเนินคดีเพราะมาตรา 112” เขาย้ำว่ากฎหมายมาตรานี้ต้องได้รับการแก้ไข เพราะเด็กรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมาแล้ว ความคิดเปลี่ยนไปแล้ว หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ภาพลักษณ์ของประเทศจะเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ
.
หนังสือที่พอหาได้ในเรือนจำและเป็นแรงบันดาลใจสำหรับบัสบาส คือ “ร้อยปีชาตกาล ป๋วย อึ้งภากรณ์” เขาอ่านหนังสือเล่มนี้หลายรอบแต่ละครั้งเขาก็ไม่รู้สึกเบื่อ เป็นหนังสือที่เล่าเกี่ยวกับอาจารย์ป๋วย ตั้งแต่เกิด มาช่วยงานเสรีไทย ช่วงไหนเขาท้อ ๆ ก็จะอ่าน ทำให้เห็นประวัติบุคคลสำคัญผู้ผ่านสงคราม โดนตบโดนตี จนมาถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ขนาดชีวิตของอาจารย์ยังผ่านอะไรมามากมาย อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ทำให้ได้กำลังใจ ปลุกตัวเองขึ้นมา
.
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมยังคงเลือกที่จะต่อสู้เพื่อการแก้ไขมาตรา 112 เหมือนเดิม” คำตอบของเขาหนักแน่น
.
.
เสรีภาพที่ถูกตีตรา: ชีวิตของนักโทษทางการเมืองในสายตาคนข้างนอก
.
บัสบาสกล่าวถึงความเห็นของเขาต่อว่า สิ่งที่ผู้คนภายนอกเข้าใจผิดมากที่สุดเกี่ยวกับนักโทษทางการเมือง คือการขาดพื้นที่สำหรับการพูดคุย การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการทำความเข้าใจกันอย่างแท้จริง ในประเทศไทย เสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิ่งที่ถูกจำกัด คำพูดเพียงประโยคเดียวอาจนำพาใครบางคนสู่เรือนจำได้ คนทั่วไปมักกล่าวหาว่า “ล้มเจ้า” โดยไม่เปิดพื้นที่ให้เกิดการถกเถียงหรือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
.
เขาเองก็ถูกตีตราว่าเป็น “ภัยต่อความมั่นคงของชาติ” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ต้องการตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็นต่อกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นปัญหาระดับสากล โลกภายนอกจับตามองการบังคับใช้กฎหมายนี้ที่เข้มงวดเกินไป และสะท้อนถึงความถดถอยของเสรีภาพในศตวรรษที่ 21
.
“เทคโนโลยีสมัยนี้เปิดโลกกว้าง เด็ก ๆ สอนผู้ใหญ่ได้ แต่สังคมเรายังไม่เปิดรับการเปลี่ยนแปลง” บัสบาสกล่าว
.
.
“เดี๋ยว – มัน – ก็ – ผ่าน – ไป”
.
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่บัสบาสยึดมั่นกับ 5 คำที่ช่วยให้เขาผ่านพ้นความสิ้นหวังไปได้ — “เดี๋ยว มัน ก็ ผ่าน ไป” ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป ทั้งความทุกข์ ความหวัง หรือแม้แต่ความเงียบงันในเรือนจำ ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงช่วงเวลาที่ต้องเรียนรู้และก้าวข้ามไป
.
ขณะสนทนา เขาเหลือบไปเห็นข้อความหนึ่งบนกำแพงเรือนจำ ซึ่งเขาอ่านให้ฟังว่า
.
“มองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง มองไปข้างหลังอย่างมีบทเรียน”
.
นี่คือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากการถูกจองจำ—ไม่ว่าผ่านสุขหรือทุกข์ สุดท้ายมันก็จะผ่านไปเสมอ
.
.
ความหวังหลังอิสรภาพ
.
เมื่อวันหนึ่งที่ได้รับอิสรภาพ สิ่งที่เขาหวังมีเพียงสิ่งเดียว —จดหมายแสดงความยินดีจากผู้คนที่ยังคงจดจำเขาได้ — เขาอยากให้มีคนรออยู่ข้างนอก ในวันที่เขาได้กลับไปเป็นอิสระ และรับรู้ว่าการต่อสู้ของเขาไม่สูญเปล่า
.
บัสบาสเล่าย้อนคิดถึงวันที่เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวที่หน้าศาลอาญา มวลชนเพียงไม่กี่คนยืนอยู่ตรงนั้น เจ้าหน้าที่แสดงหมายจับและพาเขาขึ้นรถไปยัง สน.พหลโยธิน ห้องสอบสวนจัดโต๊ะรูปตัวยู มีตำรวจนั่งเต็มห้อง บรรยากาศเคร่งเครียด
.
เขาหวนนึกถึงวันชุมนุมที่ผู้คนจำนวนมากมายมายืนเคียงข้างกัน แม้พวกเขาจะไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ทุกคนต่างมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ “ความเปลี่ยนแปลง”
.
เมื่อพูดถึงครอบครัว เขาห่วงใยคุณพ่อวัย 72 ปี ที่ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองตีบ และกลัวว่าท่านจะไม่มีโอกาสได้เห็นวันที่เขาได้รับอิสรภาพ “แม่ผมเข้มแข็ง แต่ทุกครั้งที่พวกท่านมาเยี่ยม เวลาสั้น ๆ 15 นาทีที่เรามีร่วมกัน กลับกลายเป็นช่วงเวลาต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจกันและกัน”
.
ถ้าได้รับอิสรภาพ สิ่งแรกที่เขาอยากทำไม่ใช่การออกไปฉลอง หรือเดินทางไปที่ใด แต่คือ “การนั่งกินข้าวกับพ่อแม่” เพราะตลอดเวลาปีกว่าที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้รับโอกาสนั้นเลย
.
เมื่อถามถึงข่าวสารจากภายนอก บัสบาสตอบเพียงสั้น ๆ ว่า เขารับรู้ว่า งานฟุตบอลประเพณีของธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ยังคงมีขบวนล้อการเมือง และรับรู้เพียงเล็กน้อยว่ามีองค์กรที่ยังคงผลักดันให้มีการแก้ไขมาตรา 112 เขากล่าวว่าการผลักดันเป็นสิ่งที่ดี และหวังว่าคนข้างนอกจะยังคงยืนหยัดต่อไป
.
ท้ายที่สุด บัสบาสฝากข้อความมาถึงทุกคนว่า “อยากให้ทุกคนใส่ใจสังคมและบ้านเมือง” เขาหวังว่าสักวันหนึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และขอให้ทุกคนอย่าหยุดต่อสู้
.
“ผมยังอยู่ในนี้ และผมยังสู้ ขอให้ข้างนอกสู้ไปพร้อมๆ กัน”
.
--------------------------
.
สามารถเขียนจดหมายถึงบัสบาส จ่าหน้าซอง: “ฝากถึง มงคล ถิระโคตร แดน 1 เรือนจำกลางเชียงราย เลขที่ 222 หมู่ 3 ตำบลดอยฮาง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย 57000”
.
อ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์จากลิงก์
https://tlhr2014.com/archives/73644
...

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1051285590175244&set=a.656922399611567
.....

Yesterday
·
เเถลงการณ์องค์กรนิสิตรัฐศาสตร์
เรื่อง เรียกร้องให้คืนสิทธิการประกันตัวเเก่ผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา ๑๑๒
ปัจจุบัน มีศิษย์เก่ารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รุ่นที่ ๒๐ คือ นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ได้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ และได้รับความอยุติธรรมคือการไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานตามหลักสิทธิมนุษยชนเเละหลักกฏหมายทั่วไป
องค์กรนิสิตรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐเเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คืนสิทธิดังกล่าวเเก่ผู้ต้องหาคดีอาญาฯ มาตรา ๑๑๒ ให้ทัดเทียมกับผู้อื่นในสังคมโดยเร็วที่สุด
.....