![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqIv4EiKI1qcRi7-qoASKp3ZTvLA696bpXKTTAySfXFMrSI6xWjpZau3dCHKZFEgkMvWow9yxif8xV_BoSi24Ve_bDnRieeZa6VxzYtPqsb9M3-S1jP7xyg00NTOThwPCxLcEWRTvpI3dRjEMtbaxLYD2b8pW8fVHWp6_6TTV-bx_btaijb_RgoA/w395-h221/Screenshot%202025-02-05%203.10.18%20PM.png)
ทรัมป์ต้องการยึดฉนวนกาซา ผิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่ ?
ทอม เบตแมน
ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รายงานจากกรุงวอชิงตัน
5 กุมภาพันธ์ 2025
เมื่อสิบวันก่อน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดเกี่ยวกับฉนวนกาซาว่าเป็นสถานที่อยู่ระหว่างการรื้อถอน และเรียกร้องให้ "กำจัดสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด" ในตอนนั้นยังไม่ชัดเจนว่าคำพูดเหล่านี้เป็นเพียงคำพูดลอย ๆ หรือไม่ แต่ในช่วงก่อนการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ทรัมป์ได้ให้ความเห็นก่อนเข้าร่วมการประชุม และในการแถลงข่าวที่ทำให้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าทรัมป์จริงจังกับข้อเสนอเขา
ข้อเสนอของทรัมป์ต่อฉนวนกาซาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุดต่ออิสราเอลและปาเลสไตน์ในประวัติศาสตร์ความขัดแย้งยุคปัจจุบัน และถูกมองว่าเป็นการขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
นอกจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาต้องทนฟังข้อเสนอของทรัมป์แล้ว มันยังอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อข้อตกลงการหยุดยิงและกระบวนการปล่อยตัวประกันในระยะเร่งด่วนที่กำลังเกิดขึ้นอีกด้วย
ทรัมป์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดย้ายไป "ตั้งถิ่นฐานใหม่" อย่างถาวร โดยเขาถือว่าข้อเสนอนี้คือการกระทำที่มีมนุษยธรรม เนื่องจากชาวปาเลสไตน์ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะฉนวนกาซาเป็น "สถานที่รื้อถอน"
ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ การพยายามย้ายประชากรโดยใช้กำลังเป็นข้อห้ามที่เคร่งครัด และทั้งชาวปาเลสไตน์และชาติอาหรับจะมองว่านี่เป็นข้อเสนอเพื่อขับไล่และกวาดล้างชาติพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขาอย่างชัดเจน
นั่นคือสาเหตุที่ผู้นำอาหรับหลายชาติออกมาปฏิเสธแนวคิดของทรัมป์อย่างเด็ดขาด และบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา เมื่อทรัมป์เสนอว่าอียิปต์และจอร์แดนสามารถ "รับ" ชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซาไปได้
ในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (1 ก.พ.) อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ รัฐบาลปาเลสไตน์ และสันนิบาตอาหรับ ระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจ "คุกคามเสถียรภาพของภูมิภาค เสี่ยงต่อการขยายความขัดแย้งให้กว้างขึ้น และทำลายโอกาสในการเกิดสันติภาพและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนในภูมิภาค"
เป็นความปรารถนาของกลุ่มขวาจัดชาตินิยมสุดโต่งในอิสราเอลมาอย่างช้านานที่อยากจะขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนที่ชาวปาเลสไตน์ยึดครองอยู่และขยายการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวเข้ามาแทนที่
ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รายงานจากกรุงวอชิงตัน
5 กุมภาพันธ์ 2025
เมื่อสิบวันก่อน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดเกี่ยวกับฉนวนกาซาว่าเป็นสถานที่อยู่ระหว่างการรื้อถอน และเรียกร้องให้ "กำจัดสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด" ในตอนนั้นยังไม่ชัดเจนว่าคำพูดเหล่านี้เป็นเพียงคำพูดลอย ๆ หรือไม่ แต่ในช่วงก่อนการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ทรัมป์ได้ให้ความเห็นก่อนเข้าร่วมการประชุม และในการแถลงข่าวที่ทำให้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าทรัมป์จริงจังกับข้อเสนอเขา
ข้อเสนอของทรัมป์ต่อฉนวนกาซาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุดต่ออิสราเอลและปาเลสไตน์ในประวัติศาสตร์ความขัดแย้งยุคปัจจุบัน และถูกมองว่าเป็นการขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
นอกจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาต้องทนฟังข้อเสนอของทรัมป์แล้ว มันยังอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อข้อตกลงการหยุดยิงและกระบวนการปล่อยตัวประกันในระยะเร่งด่วนที่กำลังเกิดขึ้นอีกด้วย
ทรัมป์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดย้ายไป "ตั้งถิ่นฐานใหม่" อย่างถาวร โดยเขาถือว่าข้อเสนอนี้คือการกระทำที่มีมนุษยธรรม เนื่องจากชาวปาเลสไตน์ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะฉนวนกาซาเป็น "สถานที่รื้อถอน"
ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ การพยายามย้ายประชากรโดยใช้กำลังเป็นข้อห้ามที่เคร่งครัด และทั้งชาวปาเลสไตน์และชาติอาหรับจะมองว่านี่เป็นข้อเสนอเพื่อขับไล่และกวาดล้างชาติพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขาอย่างชัดเจน
นั่นคือสาเหตุที่ผู้นำอาหรับหลายชาติออกมาปฏิเสธแนวคิดของทรัมป์อย่างเด็ดขาด และบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา เมื่อทรัมป์เสนอว่าอียิปต์และจอร์แดนสามารถ "รับ" ชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซาไปได้
ในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (1 ก.พ.) อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ รัฐบาลปาเลสไตน์ และสันนิบาตอาหรับ ระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจ "คุกคามเสถียรภาพของภูมิภาค เสี่ยงต่อการขยายความขัดแย้งให้กว้างขึ้น และทำลายโอกาสในการเกิดสันติภาพและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนในภูมิภาค"
เป็นความปรารถนาของกลุ่มขวาจัดชาตินิยมสุดโต่งในอิสราเอลมาอย่างช้านานที่อยากจะขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนที่ชาวปาเลสไตน์ยึดครองอยู่และขยายการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวเข้ามาแทนที่
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiR5MHr1WeQL6IkzZHaWt6CWt3qkAgC-VTXHoUFhTaxV4VpjPNN0mCBRv67OytsUJMxIlcSPZutHy2-qUJYuV9p18RQFKvbaX2aJmKzzdXBx2lAe63St0u-WarQT3EvMaZAYwSMV8bLLvBURDbmhwY7ussPkWC1hmzUysw-uotB9qRJlGOdw3wtGw/w394-h238/Screenshot%202025-02-05%203.12.28%20PM.png)
นับตั้งแต่การโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 ผู้นำส่วนหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรของ เนทันยาฮู ได้เรียกร้องให้สงครามกับกลุ่มฮามาสดำเนินต่อไปอย่างไม่มีกำหนด และประกาศว่าในท้ายที่สุดจะสร้างนิคมของอิสราเอลในฉนวนกาซาขึ้นมาใหม่
พวกเขายังคงเรียกร้องในประเด็นนี้อย่างต่อเนื่องและคัดค้านข้อตกลงหยุดยิง รวมทั้งการปล่อยตัวประกันที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
ในงานแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐฯ จะเข้ายึดครองฉนวนกาซาและสร้างพื้นที่ดังกล่าวขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยกล่าวว่า ให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา "ย้ายถิ่นฐาน" ไปยังอียิปต์และจอร์แดน
เมื่อถูกถามว่าชาวปาเลสไตน์จะได้รับอนุญาตให้กลับมาอาศัยหรือไม่ เขาตอบว่า "ประชากรของโลก (the world's people) จะอาศัยอยู่ที่นั่น ก่อนจะเสริมว่า "ชาวปาเลสไตน์ก็เช่นกัน" โดยทรัมป์กล่าวว่าฉนวนกาซาจะกลายเป็น "สถานที่ระดับนานาชาติที่น่าเหลือเชื่อ"
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สตีฟ วิทคอฟ ทูตประจำตะวันออกกลางของทรัมป์ได้สรุปข้อเสนอเหล่านี้ โดยกล่าวว่าทรัมป์เป็น "ผู้รู้เรื่องอสังหาริมทรัพย์"
ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า ฉนวนกาซาจะเป็น "ริเวียร่าแห่งตะวันออกกลาง"
เมื่อถูกถามว่ากองทัพสหรัฐฯ จะเข้ามาเกี่ยวข้องในการยึดครองฉนวนกาซาหรือไม่ ทรัมป์กล่าวว่า "เราจะทำในสิ่งที่จำเป็น"
ข้อเสนอของเขาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจุดยืนครั้งสำคัญที่สุดของสหรัฐฯ ต่อฉนวนกาซา นับตั้งแต่การก่อตั้งรัฐอิสราเอลในปี 1948 และสงครามในปี 1967 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการยึดครองดินแดน โดยกองทหารอิสราเอล ซึ่งรวมถึงฉนวนกาซาด้วย
กาซาเป็นที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์ที่อพยพหรือถูกบังคับให้ออกจากบ้านเรือนเพราะสถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อตั้งอิสราเอล
ชาวปาเลสไตน์และลูกหลานของพวกเขาเป็นประชากรส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่บริเวณฉนวนกาซาในปัจจุบัน
หากข้อเสนอของทรัมป์ถูกบังคับใช้จริง ประชากรชาวปาเลสไตน์ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 2 ล้านคนที่อาศัยอยู่บริเวณฉนวนกาซาจะต้องถูกบังคับย้ายถิ่นฐานไปโลกอาหรับหรือที่อื่นซึ่งไกลออกไป หรือตามคำพูดของทรัมป์ที่กล่าวว่า "ย้ายถิ่นฐานไป... อย่างถาวร"
ข้อเสนอดังกล่าวจะลบล้างความเป็นไปได้ของแนวทางสองรัฐในอนาคตทุกรูปแบบ และจะได้รับการปฏิเสธจากชาวปาเลสไตน์และโลกอาหรับอย่างเด็ดขาดโดยอ้างว่านี่เป็นแผนการขับไล่
ฐานเสียงทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี เนทันยาฮู ของอิสราเอลจำนวนมากและกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาตินิยมสุดโต่งในอิสราเอลมีแนวโน้มจะสนับสนุนคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยมองว่าเป็นการหยุด "กาซาที่เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอล" ตามที่ เนทันยาฮู เคยกล่าวไว้
สำหรับชาวปาเลสไตน์ทั่วไป ข้อเสนอของทรัมป์เท่ากับเป็นการลงโทษหมู่
https://www.bbc.com/thai/articles/cj650y1yn32o