วันพุธ, กุมภาพันธ์ 05, 2568

‘โรม‘ จี้ นายกฯ สอบ ’อนุทิน‘ ละเลยปฏิบัติหน้าที่ ปม ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซัด ลอยหน้าลอยตา ทำประชาชนได้รับความเสียหาย


The Reporters 
16 hours ago
·
POLITICS: ‘โรม‘ จี้ นายกฯ สอบ ’อนุทิน‘ ละเลยปฏิบัติหน้าที่ ปม ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซัด ลอยหน้าลอยตา ทำประชาชนได้รับความเสียหาย ชี้ หากรัฐบาลตัดไฟต้องตัดทุกจุด หวั่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายจุด ปัญหาไม่จบสิ้น จ่อเรียก มหาดไทย - สมช. เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ​ 6 ก.พ.นี้ จวก ผบ.ตร. ปัดกวาดบ้านตัวเอง บอก ตอนอยากได้เก้าอี้ ผบ.ตร. ใจจะขาด พอได้เป็นกลับไม่เห็นทำอะไรเลย หลัง นายตำรวจยศสูง รับ เคยทำธุรกิจฝั่งเมียวดี
วันนี้ (4 ก.พ. 68) ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้อำนาจรองนายกฯ สั่งระงับการจ่ายไฟฟ้าชายแดนไทยเมียนมา ว่า ควรจะเป็นแบบนั้น เพราะเป็นสิ่งที่ตนพยายามยืนยันมาโดยตลอดว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ไม่ควรไปถึงระดับนโยบายด้วยซ้ำ
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า แต่ กฟภ.เกียร์ว่าง ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาไม่จบไม่สิ้น ซึ่งสิ่งที่นายภูมิธรรมพูด เท่าที่ฟังดูเหมือนจะตัดแค่เมืองชเวก๊กโก และเคเคปาร์คหรือไม่ ซึ่งสองจุดนี้ถูกตัดไปนานแล้ว และตนอยากขอใช้โอกาสนี้บอกอีกครั้งว่า ถ้าจะตัดตนก็เห็นด้วย และควรที่จะทำทันที ซึ่งการที่นายภูมิธรรม ออกมาระบุว่า จะทำทันที ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องทั้งหมดนี้ ต้องดูว่าสุดท้ายการตัดไฟที่จะเกิดขึ้นจริงนั้นจะเกิดขึ้นที่จุดไหน
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากฝั่งเมียนมา ทางท่าขี้เหล็กก็ยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ขณะที่ฝั่งเมียวดี และพญาตองซู มีปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซนเตอร์ ตนจึงคิดว่า ต้องตัดทั้งหมด 3 จุดนี้ หากมีการละเว้นจุดในจุดหนึ่งไว้ ปัญหาก็ไม่จบ เพราะขบวนการเหล่านี้ คงย้ายไปอีกจุดที่ยังไม่ถูกตัดไฟ ส่วนวิธีการแก้ปัญหาในระยะยาว หากเกิดมีการตัดไฟเพียงบางจุดนั้น นี่เป็นเพียงก้าวแรก ยังเหลืออีกจำนวนมาก ในการแก้ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งขั้นตอนที่ควรจะพิจารณาต่อไป คือเรื่องของท่าข้ามแม่น้ำ เฉพาะแค่ที่ จ.ตาก ก็มีการเปิด 59 ท่า บางท่าก็ตั้งอยู่กับแก๊งสแกมเมอร์ และหากมีการตัดไฟ ก็แน่นอนว่าแก๊งเหล่านี้ จะต้องไปหาเครื่องปั่นไฟ และรัฐบาลต้องดูตั้งแต่ต้น ว่ามีการจัดหาเครื่องปั่นไฟไปใช้หรือไม่ เพื่อรีบสกัดกั้นตั้งแต่ตอนนี้ นี่คือขั้นตอนแรกที่ควรจะทำ ภายหลังการตัดไฟ
ขั้นตอนที่สอง หากเกิดการกระทำความผิดใดๆ เราจะสามารถเอาผิดเจ้าของท่าข้าม ซึ่งเป็นเอกชนได้หรือไม่ และสาม ต้องทบทวนถึงความจำเป็นต้องมีท่าข้ามมากมายขนาดนี้ ที่เป็นความอ่อนแอด้านความมั่นคงของประเทศอย่างมาก เนื่องจากไม่มีการตรวจสิ่งของที่นำข้ามไป โดยเฉพาะของผิดกฎหมาย หากจะเปิดท่าข้าม ควรคงมาตรฐานไม่น้อยไปกว่าด่านชายแดนถาวร ที่มีเจ้าหน้าที่รัดกุมตามจุดต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่า จะได้ไม่มีการกระทำที่ผิดกฎหมายเกิดขี้น ส่วนการมีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งอนุญาตให้สามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักร โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตซ้ำนั้น ก็ควรมีการทบทวน เนื่องจากบางพื้นที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไป โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก พื้นที่ที่เป็นพื้นที่ด้านความมั่นคง หรือหากนักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้าพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐบาลจะต้องทบทวนให้มีกลไกในการขออนุญาตก่อน ซึ่งตนมองว่า วิธีการนี้จะป้องกันกลุ่มที่แฝงตัวมาเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อข้ามไปยัง 3 จุดนั้น
นายรังสิมันต์ ย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญ คือกลไกภายใน อย่างเรื่องบัญชีม้า ตนเห็นท่าทีของรัฐบาลเอาจริงเอาจังมากขึ้น ซึ่งก็เข้าใจว่าคงต้องรอการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีก่อน เพื่อให้ธนาคาร และโอเปอเรเตอร์ต่างๆ ร่วมรับผิดชอบ แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังรอเงินคืน ซึ่งก็คงต้องมีกลไกรองรับ และจัดการ ซึ่งรัฐบาลยังจะต้องหันไปมองฝั่งประเทศกัมพูชาด้วย เพราะเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่สำคัญไม่แพ้กับฝั่งเมียวดี และต้องดูว่ามีทรัพยากรของประเทศไทยใดบ้าง ที่อาจถูกส่งไปถึง ซึ่งตนเชื่อว่ามีเช่นเดียวกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายภูมิธรรมสั่งระงับการจ่ายไฟ สวนทางกับท่าทีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสะท้อนเรื่องความสัมพันธ์ของ 2 รองนายกฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ มองว่า เรื่องนี้ไม่ต้องถึงนายภูมิธรรม ไปไกลสุดจริงๆ แค่ที่นายอนุทินแค่นั้น การที่นายอนุทินไม่ดำเนินการมีความเสียหายต่อประเทศชาติหรือไม่
“ถ้ามีความเสียหาย คุณอนุทินจะลอยหน้าลอยตาต่อไปแบบนี้ใช่หรือไม่ รัฐบาล นายกฯ จะไม่ทำอะไรเลยใช่หรือไม่ และหากปรากฎว่าไฟฟ้าที่ขายไป ไม่ใช่มีแค่ฝั่งพม่าแต่ไปเจอจุดอื่นอีก แล้วก่อให้เกิดการเสียหายอีก คุณอนุทินจะลอยหน้าลอยตา แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆปล่อยให้ประชาชนต้องรับความเสียหายต่อไปเองเรื่อยๆ ส่วนนายกฯ ผมขอเรียกร้องแม้จะชื่นชมว่าวันนี้มีการตัดไฟจริง แต่ขณะเดียวกันความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว คุณอนุทินก็ต้องรับผิดชอบในการไม่ใช้อำนาจหน้าที่ ที่รับผิดชอบของตัวเอง ผมต้องถามถึงนายกฯ ว่า เราจะปล่อยนายอนุทินไปแบบนี้หรือไม่ ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าอีกว่า ต้องมีมาตรการอะไรออกมา จึงต้องเรียกร้องความเป็นผู้นำของนายกฯ โดยวันที่ 6 ก.พ. เราได้เชิญกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุม กับกมธ.ฯ ตนได้กำชับกับฝ่ายเลขาว่ากระทรวงมหาดไทยให้กำหนดเป็นนายอนุทินโดยตรง รวมถึงเลขา สมช.ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ สมช.ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เป็นหน่วยงานประสาน ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจโดยตรง
“แต่วันนี้ท่านเลขา สมช.ยินดีที่จะรับเผือกร้อน และออกมาพูดตอนแถลง ผมก็เสียดายมากว่าควรจะพูดให้ชัดเจน ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาความมั่นคง แก๊งคอลเซนเตอร์ ผมฟังข้อมูลตอนเทคออฟก็เหมือนจะดี แต่พอท่านแลนด์ดิ้งมันไปอีกทางหนึ่ง ผมก็งงกับท่านจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น“ นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนที่เคยออกมาโพสต์กำชับให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดูแลลูกน้องตัวเอง นายรังสิมันต์ ระบุว่า ตนเห็นข่าวว่า ตำรวจยศพลตำรวจตรี ’ต.‘ ออกมายอมรับว่าเคยทำธุรกิจอยู่ฝั่งตรงข้ามคือที่เมียวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีหน้าที่ปกป้อง และปฏิบัติตามกฏหมาย แต่ปล่อยให้บุคคลเดินทางไปเล่นคาสิโน ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการเข้าออกประเทศไทยที่ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ และรายได้ที่ได้มาที่อาจชอบด้วยกฎหมายเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินหรือไม่
“ผมกำลังจะบอกว่าวันนี้ พลตำรวจตรี ต. อาจเป็นคนที่มีเบื้องหลังบางอย่างอยู่ด้วย มีคนที่อาจเป็นระดับสูงเป็นเบื้องหลังเป็นลมใต้ปีกให้กับพลตำรวจตรี ต. ส่วนบิ๊กต่ายวันนี้ทำอะไร ไม่เห็นทำอะไรเลย เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตอนอยากจะเป็นอยากจะเป็นใจจะขาด แต่ถึงเวลานี้ปัดกวาดบ้านตัวเองไม่เห็นทำอะไรเลย แล้วออกให้ข่าวมั่วซั่ว ว่าไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย วันนี้คนในองค์กรของท่านทำผิดกฎหมาย ท่านไม่เห็นจัดการอะไรเลย ปล่อยให้เขาเดิน เผลอๆ แหล่งรายได้เงินต่างๆ ยังคงไหลมาเทมาต่อไป หรือว่าเส้นเงินต่างๆ การซื้อขายตำแหน่ง มันมากเสียจนทำให้คนคนนี้ไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ขอให้สื่อมวลชนจับตา เพราะไม่ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นแหล่งที่มาที่ทำร้ายประเทศไทยมากมายเหลือเกิน และความทุกข์ยากตกอยู่อยู่ที่ประชาชนคนไทย
“แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไม่มีทางเติบโตได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คนที่คอร์รัปชั่นที่อยู่ในวงการราชการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์คงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ขณะนี้คงไม่มีคนฆ่าตัวตาย คงไม่มีคนที่หมดตัวขนาดนี้ถ้าระบบกฎหมาย สามารถอำนวยความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง” นายรังสิมันต์ กล่าว
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #พรรคประชาชน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #รังสิมันต์โรม #อนุทินชาญวีรกูล

https://www.facebook.com/photo/?fbid=980552814266754&set=a.534942252161148