วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 03, 2568
พรรคประชาชน แพ้เลือกตั้ง อบจ. 68 ใบตองแห้ง ชี้เรื่องใหญ่ที่เป็นแผลอยู่ภายใน
Atukkit Sawangsuk
16 hours ago
·
พรรคประชาชน
พูดในฐานะคนนอกที่พอรับรู้บางด้านแต่ไม่ครบถ้วนไม่สามารถตัดสินได้ แค่เสนอให้คิดกัน
:
1.ที่จริงหลายจังหวัดรู้กันตั้งแต่ในมุ้งแล้วว่าแพ้ แต่จำเป็นต้องส่ง
แต่หลายจังหวัดก็มีคำถามว่า รู้ว่าแพ้แล้วยังส่งทำไม ผู้สมัคร ทีมงาน สส. ก็ไม่พร้อม บางคนมีปัญหาด้วยซ้ำ
มันเป็น dilemma เพราะส่งแล้วก็ต้องปลุกความหวังมวลชน ระดมกันออกไปเลือกเยอะๆ
แต่พอแพ้ก็ส่งผลให้กองเชียร์จิตตก
ขณะที่อีกด้าน บางคนในพรรคก็มองว่า ชนะทั้งจังหวัดจำเป็นต้องส่ง หรือการส่งสมัครคือการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวการเมือง รู้จุดแข้งจุดอ่อน บางแห่งอย่างน้อยยังได้ สจ.
ความเห็นส่วนตัว ส่งเยอะเกิน น่าจะส่งน้อยกว่านี้ เน้นคุณภาพ แพ้ไม่เป็นไร แพ้แบบพันะุ์อาจคือแพ้ได้ใจ แต่หลายจังหวัดไม่ใช่อย่างนั้น แพ้แล้วยังส่งผลลบ
:
2.จังหวัดที่พรรคคาดหวัง ดูจากโพสต์เจี๊ยบ อมรัตน์ ก่อนปิดหาเสียง
คือสมุทรปราการ สมุทรสงคราม ระยอง ตราด นครนายก
เอาจริงที่อยากได้กันมากคือสมุทรปราการ ธนาธรอยากได้เป็นจังหวัดนำร่อง ที่เชื่อกันว่าจะชนะ เพราะมองว่าอัศวเหมน่าจะอ่อนแรง (แต่ทำไมแพ้นี่ต้องสรุปบทเรียนอย่างหนัก เบื้องต้นน่าจะเพราะเครือข่ายท้องถิ่นเขายังเข้มแข็ง ต้องแพ็คกันสู้ส้ม ไม่งั้นโดนสอยทีละรายๆ)
นครนายกนั้นคิดกันว่าได้เพราะเป็นอดีตนายก อบจ. แต่คู่แข่งได้แรงหนุนจากตระกูลบุญ-หลง (ที่เคยครองนครนายกแล้วย้ายไปลงสระบุรี)
ระยอง เพราะคิดกันจากภายนอกว่าทีมงานแข็ง พรรคประชาธิปัตย์น่าจะอ่อน
ตราด สมุทรสงคราม เพราะเป็นจังหวัดเล็กเขตเดียวที่ชนะ สส. แต่คู่แข่งเขาก็แข็ง
:
3.ปัญหาการคัดตัวผู้สมัคร ซึ่งคุณสมบัติการเป็นผู้บริหารท้องถิ่นนี่มันโคตรยากส์ แต่ซ้ำด้วยการเปิดตัวช้า ไม่มีเวลาทำงานมวลชน
แต่ผู้สมัครบางคนแพ้แล้วได้ใจ พรรคต้องมีที่ทางให้ทำงานต่อ เท่าที่เห็นก็แบบพันธุ์อาจ แบบหมอเอ็กซ์ แบบหมอมุดสัง
:
4.เรื่องใหญ่ที่เป็นแผลอยู่ข้างใน ถึงเวลาสังคายนา
คือความไม่เป็นเอกภาพของ สส. กับการทำงานพื้นที่ของ สส.
บางจังหวัด สส. 3 คน มี 1 คน เสนอชื่อนายก อบจ. อีก 2 คนไม่เห็นด้วย แต่ไปๆมาๆ อาจด้วยการที่พรรคคิดว่าอุตส่าห์ชนะทั้งจังหวัด หรือคิดว่าจำเป็นต้องขับเคลื่อนกิจกรรม ก็ส่ง
บางจังหวัด สส.แตกคอกันมาตลอด แตกเป็นสามก๊กทั้งที่มีแค่ 6-7 คน
แทบทุกจังหวัด มี สส.ที่ไม่ค่อยทำงานพื้นที่ คือไม่จำเป็นต้องทุกงานบวชงานศพ แต่ให้ประชาชนเห็นว่าใส่ใจ นี่บางคนไม่เลย
มันจะไม่ใช่แค่แพ้นายก อบจ. มันจะแพ้สมัยหน้าด้่วย
:
5.การทะเลาะกันเองเป็นเรื่องธรรมดาของขบวนอุดมคติ ตั้งแต่โบราณจนอนาคต เพราะมีคนเข้าร่วมแตกต่างหลากหลาย แต่ต้องมีวิธีจัดการ
พรรคมีตั้งแต่คนที่ DNA เข้มข้น อยู่ตั้งแต่ก่อตั้งอนาคตใหม่ สู้มาตั้งแต่สมัยเสื้อแดง จนถึงสลิ่มกลับใจ หรือคนมาทีหลังเพราะเห็นโอกาสทางการเมือง ฯลฯ ทั้งความเหนียวแน่น วิธีคิด วิธีการทำงาน แตกต่างกันมาก
พรรคการเมืองมันปฏิเสธไม่ได้หรอกต้องมีคนหลายส่วน แต่ต้องยึด DNA เป็นแกน วงรอบๆ เป็นความหลากหลาย แต่บางทีพวก DNA ก็สุดโต่ง หรือบางทีพวกที่มีปัญหาแล้วพรรคยืดหยุ่นผ่อนปรนให้ก็สร้างความเสียหาย
มันเป็นปัญหาศิลปะการจัดการ หย่อนไปก็มีปัญหา ตึงไปก็มีปัญหา (ประธานเหมาุถึงเขียนเรื่องวิธีแก้ไขความขัดแย้งในหมู่ประชาชนไว้ตั้งแต่เกือบร้อยปีก่อน)
แต่ผู้บริหารพรรคต้องสรุปและสังคายนา
:
6.ปัญหาการทำงานแนวร่วม การทำงานกับผู้บริหารท้องถิ่น ที่ต้องไม่ทำให้เขารู้สึกว่าพรรคประชาชนจะไปไล่ล้าง จนเขาแพ็คกันตีโต้ (ซึ่งน่าจะมีผลหลายจังหวัด)
อันนี้บางทีก็ผิดคิวกัน เช่น สส.สร้างสัมพันธ์อันดีกับนายก อบต. แต่อำนาจส่งนายก อบต.เป็นของสาขาพรรคประจำจังหวัด กำลังหาเสียงๆ อยุ่ดันประกาศรับผู้สมัครนายก อบต.
https://www.facebook.com/baitongpost/posts/9199576143457466