เมื่อ ๖ ตุลา มีคำร้องยื่นต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง ขอให้อายัดบัญชีเงินพรรคประชาชน และดำเนินคดีตาม พรบ.ฟอกเงิน และยังไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย ขอให้สั่งยุบพรรคประชาชน ตาม พรป.พรรคการเมือง ครบเครื่อง
จากนั้น เลขาฯ พรรคกล้าธรรม ก็ออกมาแฉว่า “สส.พรรคประชาชนทุกคน หักเงิน ผช.สส.ไปให้คณะทำงานแต่ละจังหวัด ไว้ทำงานในพื้นที่” โดย สส.บัญชีรายชื่อหักเงินผู้ช่วย ๔ คน สส.เขตหัก ๑ คน” และคำร้องที่ยื่นต่อศาล รธน.ระบุว่า
“ปรากฏพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีการปกปิดแหล่งที่มาของเงินบริจาค ด้วยวิธีการจ่ายเป็นเงินค่าสมัครสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่ง ‘อาจ’ ถือว่า” เป็นการบริจาค “โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
ซึ่งดูแล้วเกือบๆ จะเป็นการปั้นเรื่องเองทั้งนั้น แม้จะอ้างตัวบทกฎหมายหลายฉบับ แต่ขาดข้อเท็จจริงว่า เงินที่เอาไปจ่ายค่าสมัครสมาชิกพรรคให้แก่ผู้สมัครสมาชิกใหม่ นั้นได้มาโดยผิดกฎหมายแน่หรือ หลักฐานที่ไผ่ใช้อ้างอิงเป็นเพียงคำบอกกล่าวของหญิงคนหนึ่ง
เนื่องจากพรรคประชาชนจังหวัดมหาสารคาม “ให้นำไปจ่ายเป็นค่าสมัครสมาชิกพรรคแทน ให้กับคนที่ไปสมัครสมาชิก...และทิ้งท้ายว่า “ดิฉันไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าว แค่ทำตามคำสั่งผู้ประสานงานจังหวัด...เท่านั้น”
การนี้มีข้อคิดเห็นในข้อกฎหมายจาก ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ว่า “การถูกกล่าวหาว่าฟอกเงิน เป็นบัญชีม้า อำนาจในการยึดหรืออายัด เป็นอำนาจ ปปง.มิใช่ กกต. ดังนั้น ยึดหรืออายัดบัญชีไม่ได้” นั่นประการหนึ่ง
กับข้อกล่าวหา “เงินสมาชิกที่ได้มาโดยมิชอบ...เป็นอำนาจ กกต.ในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ หากฟังว่าเงินที่ได้จากสมาชิกไม่ชอบ ถือว่าเงินเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำความผิด...พรรคจะถูกดำเนินคดีอาญา” ตาม กม.พรรคการเมือง ม.๓๑
ส่วนการจะยุบพรรค ตามมาตรา ๙๒(๓) นั้นไม่เข้าหลักเกณฑ์ ทำไม่ได้ ดังนั้นความพยายามเอาคืนพรรคประชาชนด้วยข้อหาทุจริตบ้าง แต่หลักฐานอ่อน จึงเป็นเพียงการจองล้าง แบบนักการเมือง Ngo ๆ อีกแระ
(https://www.nationtv.tv/politic/378968943=IwY2xjawN5E และhttps://www.nationtv.tv/politic/378968939)
