วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 29, 2568

สามัคคีสู้รบ Nope ! สามัคคีกราบ Yes !! สภามีมติเอกฉันท์ 454:0 เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์



สภามีมติเอกฉันท์ 454:0 เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พรรคประชาชนมีมติให้ สส. เปิด "ไฟเขียว" ด้วย

28 พฤษภาคม 2025
บีบีซีไทย

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรผ่านกฎหมายจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ฉบับใหม่ 3 วาระรวด ด้วยมติ "เอกฉันท์" โดยพรรคประชาชน (ปชน.) มีมติพรรคให้ สส. ร่วมโหวตเห็นชอบ ด้วยเหตุผล "ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่จะคัดค้าน"

สภาผู้แทนราษฎรใช้เวลาเพียง 40 นาที ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซี่งเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาสมัยวิสามัญ เป็นเรื่องด่วนที่ 3 ในช่วงบ่ายวันนี้ (28 พ.ค.)

สาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2561 เพื่อเปลี่ยนชื่อ "สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์" เป็น "สำนักงานพระคลังข้างที่" และโอนกิจการของสำนักพระราชวังเฉพาะส่วนของงานพระคลังข้างที่ไปเป็นของสำนักงานพระคลังข้างที่

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนของรัฐบาล "แพทองธาร" ในการนำเสนอหลักการของร่างกฎหมายที่มีเนื้อหารวม 6 มาตรา และขอให้ที่ประชุมสภาพิจารณาแบบ 3 วาระรวด (ดูสรุปสาระสำคัญสำคัญของร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ได้ที่นี่)

ต่อมามี สส. จากฝ่ายค้านและรัฐบาลรวม 3 คนลุกขึ้นอภิปราย โดยมุ่งเน้นที่กระบวนการพิจารณากฎหมาย ไม่ได้มีประเด็นในเชิงเนื้อหา


ชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นตัวแทนชี้แจงหลักการร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้

จากนั้นเป็นการลงมติของสมาชิก ซึ่งมีผลดังนี้
  • วาระหนึ่ง (ขั้นรับหลักการ) สภามีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 451 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน ไม่มี
  • จากนั้นที่ประชุมสภาเดินหน้าตั้ง กมธ. เต็มสภาพิจารณาต่อในวาระ 2 (พิจารณารายมาตรา) โดยไม่มีการแก้ไขถ้อยคำใด ๆ จึงมาต้องลงมติ
  • วาระ 3 (พิจารณาทั้งฉบับ) สภามีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 454 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน ไม่มี
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ก็จะส่งร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป

ณัฐพงษ์: "ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่จะคัดค้าน"

ก่อนการลงมติ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. เป็นหนึ่งใน สส. ที่ลุกขึ้นอภิปราย โดยกล่าวว่า เมื่อทราบว่า ครม. จะเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ฉบับนี้เข้าสภา "ก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษ" เพราะร่างกฎหมายฉบับนี้ไปเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของแผ่นดินที่สำคัญอย่างยิ่ง ก็คือทรัพย์สินสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เขากล่าวว่า เมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีการประเมินกันเอาไว้ว่าทรัพย์สินในส่วนนี้มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านบาท

สำหรับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่บัญญัติขึ้นตั้งแต่ในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อปี 2561 นายณัฐพงษ์ชี้ว่า การออกกฎหมายในครั้งนั้น "ส่งผลให้การดูแลพระราชทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ" ทั้งชื่อเรียกและการดูแลและบริหารจัดการพระราชทรัพย์

ในรัชสมัยก่อนหน้านี้ การดูแลทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แยกจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ การดูแลทรัพย์สินส่วนพระองค์จะเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย การดูแลทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ดูแลโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

แต่ผลของกฎหมายปี 2561 ทำให้เส้นแบ่งตรงนี้เบลอลงไป ไม่มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์อีกแล้ว แต่เปลี่ยนไปเป็นสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยการดูแลและบริหารจัดการพระราชทรัพย์ทั้ง 2 ส่วน ล้วนแต่ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย พระองค์จะทรงมอบหมายให้บุคคลใด หน่วยงานใด เป็นผู้จัดการพระราชทรัพย์ทั้ง 2 ส่วนก็ได้


ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ไม่คัดค้านในเนื้อหา แต่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการ

หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของพระราชทรัพย์ซึ่งเป็นของสถาบันฯ ซึ่งไม่ใช่ส่วนของพระองค์ เราจะมีวิธีจัดการดูแลอย่างไรให้ทรัพย์สินของแผ่นดินในส่วนนี้มีความมั่นคงสถาพรที่สุด เพื่อธำรงไว้ซึ่งพระเกียรติยศและพระราชสถานะในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะมาถกเถียงกันในวันนี้ เพราะร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอไม่ได้กระทบหรือส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงการดูแลพระราชทรัพย์ทั้ง 2 ส่วน เรื่องจากการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญได้กระทำเสร็จไปแล้วตั้งแต่ยุค คสช. แล้ว สาระสำคัญจริง ๆ ของกฎหมายฉบับนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อเท่านั้น

"ด้วยเหตุนี้พวกผมไม่ได้มีประเด็นอะไรที่จะคัดค้านในร่างกฎหมายที่รัฐบาลที่เสนอมา แต่ในฐานะผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง ผมอยากให้การเสนอกฎหมายนี้เป็นไปตามกระบวนการนิติบัญญัติปกติ ไม่อยากให้เสนอด้วยกระบวนการพิเศษ เช่น การพิจารณา 3 วาระรวด ผ่านกฎหมายเต็มสภาให้เพียงแค่ 1 วันที่ ครม. เสนอมา เพราะยิ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันที่เป็นพระประมุขของชาติ สภาเรายิ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน รวมถึงต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย ต้องโปร่งใส ไม่ทำให้เกิดการตั้งคำถามในหมู่พี่น้องประชาชน"

เขายืนยันด้วยว่า สส. พรรค ปชน. จะทำหน้าที่พิทักษ์ปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ Constitutional Monarchy ซึ่งก็คือระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เราจะระวังไม่ให้กฎหมายใดเกิดการติฉินนินทา หรือมีข้อครหาได้ว่ามีใครที่พยายามทำให้หลุดพ้นไปจากกรอบที่ว่านี้ ที่พระมหากษัตริย์ 'ทรงปกเกล้าฯ ไม่ปกครอง' อันเป็นการรักษาพระราชประมุขให้ปราศจากการเมืองอย่างแท้จริง ดังนั้นถึงแม้พวกตนสามารถรับหลักการร่าง พ.ร.บ. นี้ได้ แต่ไม่อาจเห็นด้วยกับกระบวนการที่ ครม. เสนอให้ใช้ กมธ. เต็มสภาเพื่อเร่งรัดกระบวนการพิจารณากฎหมายนี้

ไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อ แต่ธำรงไว้ซึ่ง "ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนเป็นสุข"

ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า เคารพความเห็นของผู้นำฝ่ายค้านที่มีจุดยืนของตัวเอง แต่ส่วนตัวก็โตมาในจุดยืนที่เชื่อและเคารพ "ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สำคัญต่อระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขยิ่ง สิ่งที่อยากเรียนคือผมไม่เคลือบแคลงใน พ.ร.บ. นี้แม้แต่น้อย"

จากนั้นเขายกตัวอย่างการพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ในการดูแลช่วยเหลือประชาชนในหลายกรณี เช่น เด็กชาติพันธุ์ 3.7 หมื่นคนตามตะเข็บชายแดน, การซ่อมแซม รพ.สมเด็จพระยุพราชเดชอุดมที่ประสบเหตุเพลิงไหม้, การผลิตรถตรวจเชื้อโควิด-19

"พ.ร.บ. นี้ไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อ แต่ธำรงไว้ซึ่งคำว่าประเทศชาติมั่นคง ประชาชนเป็นสุข พิสูจน์แล้วว่ากฎหมายนี้โปร่งใส ไม่เคลือบแคลง และเป็นประโยชน์แก่ประชาชนแน่นอน" นายจุติกล่าว

จุติ ไกรฤกษ์ เห็นว่า พ.ร.บ. นี้มีความโปร่งใส

ก่อนการประชุมสภาจะเริ่มขึ้น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวถึงทิศการลงมติของพรรคต่อร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ว่า "เขียวค่ะ เพราะเราดูเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ. นี้ไม่ได้มีอะไรที่ต้องเป็นกังวล เป็นแค่การเปลี่ยนชื่อสำนักงาน และย้ายหน่วยงานที่เป็นหน่วยงานระดับเล็กมากเพื่อมารวมกับสำนักงานทรัพย์สินฯ ดังนั้นเราเลยคิดว่าในตัวหลักการ เราสามารถจะเห็นด้วยได้ แต่สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยคือการพิจารณา 3 วาระรวดในสภา กับกระบวนการต่าง ๆ ที่ไม่มีการสอบถามประชาชน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากพิจารณาตัวบทกฎหมาย พรรคได้ประเมินผลกระทบทางการเมืองด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะ "คดี 44 สส." ก่อนตัดสินใจลงมติอย่างหนึ่งอย่างใด น.ส.ศิริกัญญา ปฏิเสธว่าไม่ได้ดูในเรื่องนั้นเลย ต้องว่ากันในเนื้อหาจริง ๆ

"ถ้าเราเล่นการเมืองอาจจะบิดมันไปว่าเราไม่เห็นด้วยกับหลักการได้ แต่ว่าตัวเนื้อหาไม่ได้มีอะไรที่เราจะไปไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามีการตั้งข้อสังเกตในตัว พ.ร.บ. จริง ๆ ทำได้ แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อการเปลี่ยนชื่อหรือไม่เปลี่ยนชื่อ" รองหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวกับบีบีซีไทย

สส. หญิงรายนี้ เป็น 1 ใน 44 นักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเสนอร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อครั้งเป็น สส. พรรคก้าวไกล (ก.ก.)

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรค ปชน. หารือกันอย่างเคร่งเรียดและเกิดภาวะ "เสียงแตก" ในระหว่างการประชุมพรรคเมื่อ 27 พ.ค. น.ส.ศิริกัญญาปฏิเสธจะให้ความเห็นโดยบอกว่า ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมด้วย ไม่มีรายละเอียดตรงนี้


ศิริกัญญา ตันสกุล บอกว่า พรรคจะเปิด "ไฟเขียว" ให้ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

เบื้องหลังข้อถกเถียงในหมู่ สส. ประชาชน ก่อนมีมติพรรค

รายงานข่าวจากพรรค ปชน. แจ้งว่า ก่อนจะมีมติพรรคให้สมาชิกโหวต "เห็นชอบ" ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ผู้บริหารพรรคและ สส. ได้ใช้เวลาถกเถียงกันยาวนาน เนื่องจากเกิดความเห็นไม่เป็นเอกภาพภายใน โดยมีทั้งผู้เสนอให้ลงมติ "เห็นชอบ" "ไม่เห็นชอบ" และ "งดออกเสียง" ด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป

สมาชิกที่เสนอให้โหวต "เห็นชอบ" มองว่า เนื้อหาของร่างกฎหมายนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อ ส่วนความเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ที่เกี่ยวกับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของสำนักทรัพย์สินฯ เกิดขึ้นไปแล้วในกฎหมายฉบับก่อน ๆ อีกทั้งไม่ต้องการให้เกิดปัญหาทางกฎหมายกับ สส. ของพรรคหลังจากนี้ ไม่ว่ากับกลุ่ม สส. ที่มีคดีคาอยู่ในองค์กรอิสระ ซึ่งคาดว่าจะถูก "เร่งคดี" หรือกลุ่ม สส. สมัยแรกที่ยังไม่มีมลทินใด ๆ จากกลไก "นิติสงคราม"

"ตอนนี้ สส. ประชาชนทำหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เช่น การออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลในการจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ มันมีอะไรที่เราทำได้และควรอยู่ทำต่อไป ไม่ควรแหย่ตัวเองเข้าไปเสี่ยงในเกมนิติสงคราม เพราะมันจะนำไปสู่จุดจบแบบที่เคยโดนมาแล้ว แต่เข้าใจว่าเราก็จำเป็นต้องมีคำอธิบายให้แฟนคลับดั้งเดิมของพรรคด้วย" บีบีซีไทยได้รับฟังความเห็นของฝ่ายที่เสนอให้โหวต "เห็นชอบ" ร่าง พ.ร.บ. ฉบับใหม่

ด้านสมาชิกที่เสนอให้โหวต "ไม่เห็นชอบ" หรือ "งดออกเสียง" มองว่า กรณีนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการ "รุกคืบทางการเมืองวัฒนธรรม ซึ่งถือว่าสำคัญมาก" สอดคล้องกับความเห็นของนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และประวัติศาสตร์ที่ระบุว่า การเปลี่ยนชื่อจะทำให้เกิดการเปลี่ยนความหมาย เพราะ "ชื่อ" จะไปกำหนดวิสัยทัศน์และแนวทางการทำงานขององค์กรต่อไป

"ถ้าเรากลัวว่าจะถูกยุบพรรค หรือกลัวจะถูกเร่ง "คดี 44 สส." มันเปรียบเหมือนมีมีดจ่อคอหอยอยู่แล้ว คนที่ถือมีดก็คงต้องการทดสอบว่าเราจะยอมแบบที่พรรคใหญ่ทำหรือไม่ ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ เรายิ่งต้องยืนยันจุดยืน" สส. เสียงข้างน้อยในพรรคสีส้ม ให้เหตุผล



ก่อนหน้านี้ ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ว่า การเปลี่ยนชื่อมีผลกระทบต่อการเมืองวัฒนธรรมไทยอย่างมีนัยสำคัญ คิดว่าเป็น "สัญลักษณ์แห่งจินตนากรรมแห่งสภาวะยกเว้นย้อนยุคแห่งนิติรัฐ"

เช่นเดียวกับ ศ.กิตติคุณ ธงชัย วินิจจะกูล จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน ที่กำลังคิดในทางกลับว่าผู้เสนอกฎหมายต้องการอะไรจากการเปลี่ยนชื่อ ซึ่งไม่รู้สึกประหลาดใจที่ทำในยุครัฐบาลอุ๊งอิ๊ง "รายการคุณขอมา เขา (รัฐบาล) ไม่ใช่คนริเริ่ม... ผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะกลับไปเปลี่ยนความหมายของพระคลังข้างที่"

ย้อนวีรกรรม สส. "พรรคส้ม"

เหตุที่การลงมติของ สส. ประชาชน ซึ่งสืบทอดอุดมการณ์มาจากพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นที่จับตามองของสังคม เป็นเพราะพวกเขาเคยฝากวีรกรรมเอาไว้ไว้ 2 กรณี

กรณีแรก เคยเกิดปรากฏการณ์ "พรรคปริ" และเกิด "งูเห่า" ภาคแรกขึ้นในคราวพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม (เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์) ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2562

ที่ประชุมสภา 17 ต.ค. 2562 มีมติ "อนุมัติ" พ.ร.ก. ด้วยคะแนนเสียง 374 ต่อ 70 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง โดย 70 เสียงที่ร่วมโหวตคว่ำกฎหมายดังกล่าวล้วนมาจาก สส. อนาคตใหม่ซึ่งโหวตตามมติพรรค ทว่ากลับมี สส. ของพรรค 3 คนร่วมโหวตเห็นชอบ 1 คนงดออกเสียง และมีอีก 5 คนไม่อยู่เป็นองค์ประชุม

นายปิยบุตร แสงกนกกุล สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค อนค. อภิปรายกลางสภาถึงเหตุผลที่ไม่สามารถลงมติอนุมัติ พ.ร.ก. ดังกล่าวได้ว่า เป็นเพราะ "ตราขึ้นโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ไม่เป็นเรื่องจำเป็นฉุกเฉินรีบด่วน" พร้อมวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นว่าเป็น "โรคไม่แยแสรัฐธรรมนูญ"

แม้มีคำยืนยันจากแกนนำพรรค อนค. ว่า การอภิปรายเป็นไปเพื่อยืนยันอำนาจของสภาตามรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบถ่วงดุลกับฝ่ายบริหาร รักษาระบบรัฐสภา และที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่นักวิเคราะห์การเมืองและคนในพรรคสีส้มหลายคนเห็นตรงกันว่า กรณีนี้เป็น "เชื้อมูล" ที่ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ชนชั้นนำฝ่ายจารีตนิยม และนำไปสู่การยุบพรรคหลังจากนั้น

ขณะที่ 4 สส. อนาคตใหม่ ที่ "แหกมติพรรค" ได้ถูกขับพ้นพรรค ก่อนย้ายเข้าสังกัดพรรครัฐบาล

กรณีที่สอง ขณะนี้มีคดี "44 สส." อยู่ในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากข้อกล่าวหาจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเสนอร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

คนในพรรค ปชน. บางส่วนแสดงความกังวลว่า หากโหวต "ไม่เห็นชอบ" หรือ "งดออกเสียง" ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ อาจถูกจับไปเชื่อมโยงและเพิ่มน้ำหนักในเชิงพฤติการณ์ให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวได้แม้เป็นคนละเรื่องเดียวกัน

การตรวจสอบจริยธรรมฯ ของนักการเมืองพรรคสีส้ม เป็นผลพวงจากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค ก.ก. และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เป็นเวลา 10 ปี จาก "คดีล้มล้างการปกครอง"

สำหรับ 44 บุคคลที่ถูก ป.ป.ช. ตรวจสอบจริยธรรมฯ คืออดีต สส. ก้าวไกลที่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติขอแก้ไขมาตรา 112 โดยมี 25 คนเป็น สส. พรรค ปชน. รวมถึงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ด้วย, 11 คนอยู่นอกสภา, 8 คนเป็น กก.บห. ที่ถูกสั่งให้ "เว้นวรรคการเมือง"

เปิดชื่อพรรคไหน ใครไม่ได้โหวต


สภาใช้เวลาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 40 นาที โดยวาระ 1 ได้คะแนนเห็นชอบ 451 เสียง และวาระ 3 ได้คะแนนเห็นชอบ 454 เสียง

ผลการลงมติในวาระ 3 ที่ สส. ลงมติแบบเป็นเอกฉันท์ "เห็นด้วย" 454 เสียง งดออกเสียง 2 เสียงคือ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 คน ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นั่นแปลว่า มีสมาชิกหายไปอีก 39 คน จาก สส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งหมด 495 คน

บีบีซีไทยตรวจสอบข้อมูลจากสำนักรายงานการประชุมและชวเลข สภาผู้แทนราษฎร พบว่า สส. ที่ไม่ปรากฏผลการลงมติ ซึ่งเป็นไปได้ว่าไม่ได้ลงมติ/ลาประชุม/ขาดประชุม มาจาก 7 พรรคการเมือง โดยมี สส. พรรค ปชน. หายไปมากที่สุด 12 คน รองลงมาคือ พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคละ 8 คน

สำหรับรายชื่อของแต่ละพรรคที่ สส. ไม่ได้ร่วมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีดังนี้

พรรคประชาชนสูงสุด 12 คน

นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี, นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล สส.ภูเก็ต, น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม., นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม., นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ สส.กทม., นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ, นายวุฒินันท์ บุญชู สส.สมุทรปราการ, น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม., นายสกล สุนทรวาณิชย์กิจ สส.ปทุมธานี, ว่าที่ ร.ต.สมชาติ เตชถาวรเจริญ สส.ภูเก็ต, นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี

พรรคเพื่อไทย 8 คน

น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี, นายเกรียง กัลป์ตินันท์ สส.บัญชีรายชื่อ, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ, นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.วิภาณี ภูคำวงศ์ สส.ขอนแก่น, นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ สส.ฉะเชิงเทรา, นายสุชาติ ตันเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ, นายอมรเทพ สมหมาย สส.ศรีสะเกษ

พรรคประชาธิปัตย์ 8 คน

นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ, นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรค, นายราชิต สุดพุ่ม สส.นครศรีธรรมราช, นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สส.สงขลา, น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง, น.ส.สุภาพร กำเนิดผล สส.สงขลา, นางอวยพรศรี เชาวลิต สส.นครศรีธรรมราช

พรรคภูมิใจไทย 5 คน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค, นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรค, นายซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส, น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช สส.ลพบุรี, นายสังคม แดงโชติ สส.ประจวบคีรีขันธ์

พรรคประชาชาติ 4 คน

นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส, นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สส.บัญชีรายชื่อ, นายสุไลมาน บือแนปีแน สส.ยะลา

พรรครวมไทยสร้างชาติ 1 คน

นายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ

พรรคพลังประชารัฐ 1 คน

นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เข้าร่วมประชุมสภานัดนี้ และร่วมลงมติเห็นชอบด้วย

https://www.bbc.com/thai/articles/c1e632x7p8vo
.....