วันเสาร์, พฤษภาคม 24, 2568

'กัณวีร์' เผย ‘จีนเทา' แห่กลับเข้าชเวก๊กโก เตือนคนไทยเตรียมรับมือสแกมเมอร์รอบใหม่ ย้ำรัฐล้มเหลวปราบปรามคอลเซ็นเตอร์


The Reporters
Yesterday
·
UPDATE: 'กัณวีร์' เผย ‘จีนเทา' แห่กลับเข้าชเวก๊กโก เตือนคนไทยเตรียมรับมือสแกมเมอร์รอบใหม่ ย้ำรัฐล้มเหลวปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ขณะที่ UN เรียกร้องแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ที่กลายเป็นวิกฤตมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วันนี้ (22 พ.ค.68) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ก ระบุว่า

“ได้ข่าวว่าแก๊งจีนเทาได้เดินเท้ากลับเข้าพื้นที่ชเวก๊กโกแล้ว เตรียมรับมือการกลับมาของ call center และสแกมเมอร์จากฝั่งเมียนมา"

นายกัณวีร์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผ่านมากว่า 3 เดือนที่รัฐบาลไทยใช้มาตรการ 3 ตัด ตัดน้ำมัน ตัดไฟฟ้า และตัดอินเตอร์เน็ต เพื่อตัดวงจรแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ในประเทศเมียนมา โดยเฉพาะในเมืองเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเกือบจะครบ 4 เดือนแล้วด้วยซ้ำ แต่พบว่ามันเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในช่วงเวลาเกือบ 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งจริงๆ แล้วมันต้องมีมาตรการระยะกลางและระยะยาวดำเนินการต่อเนื่อง แต่ไทยไม่มี !!

“มาตรการระยะกลาง คือ การปราบปรามขบวนการนำพาและค้ามนุษย์ รวมทั้งขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ แต่ปัญหาคือเราถูกตัดตอนทางข้อมูลเพราะอนุญาตให้จีนรับตัวคนจีนเป็นพันๆ คนออกไปเลย โดยคิดว่ารัฐบาลจีนจะแชร์ข้อมูลเครือข่ายจีนเทาและดำ รวมทั้งแก๊งค์ไทยเทาไทยดำที่ช่วยเหลือ แต่เราไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลยตามที่รัฐบาลไทยบอกว่าจีนได้ให้คำมั่นไว้”

นายกัณวีร์ ยังกล่าวว่า เพราะฉะนั้นการจัดการของรัฐไทยจึงเปรียบเสมือนทุกอย่างแค่ชะงักลงเหมือนเมื่อเกือบ 4 เดือนก่อน จนกระทั่งขบวนการหาทางนำทั้งไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต ที่ได้มาจากบริษัทของทหารเมียนมาเองส่งให้ รวมทั้งการกักตุนและหาทางเอาน้ำมันมาสำรองไว้อย่าง

“ดังนั้น การตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมัน สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตของไทยในปัจจุบัน จะกระทบแค่ประชาชนในเมียนมาตามชายแดนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์เลย”

ส่วนมาตรการระยะยาวนั้น นายกัณวีร์ กล่าวว่ามันคงยากมากที่ต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ คือในประเทศเมียนมา ซึ่งไทยจำเป็นต้องแก้ไขโดยใช้มาตรการแทรกแซงอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งคงยากที่รัฐบาลจะเข้าใจการทำงานการต่างประเทศเชิงรุกในเรื่องดังกล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวด้วยว่า จึงเห็นได้ว่าสิ่งที่ไทยทำลงไปเมื่อเกือบ 4 เดือนที่แล้วแทบไม่ได้ผลอะไรเลย นอกจากการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ชาวต่างชาติที่ล่าช้า ยังเหลือชาวต่างชาติตกค้างกว่า 1,400 คน และอีกนับ 10,000 คนที่ยังไม่ได้ปราบปราม แม้จะช่วยเหลือส่งกลับประเทศไปแล้วกว่า 8,000 คน แต่ด้วยกลไกที่ล่าช้าของรัฐบาลไทย ทำให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เริ่มกลับมาทำงานในพื้นที่เมืองชเวก๊กโกและอีกหลายเมือง

"จากที่ผมได้รับข้อมูลพบว่า แก๊งค์จีนเทาได้เดินเท้ากลับเข้ามาในพื้นที่เมืองชเวก๊กโกอีกแล้ว คนพวกนี้ไม่ได้หายไปไหน และพร้อมกลับมาทำงานใหม่ เพราะความล้มเหลวของรัฐบาลไทย ที่ไม่สามารถปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่จริงจัง"

นายกัณวีร์ ย้ำว่า การกลับมาของแก๊งค์จีนเทา สะท้อนให้เห็นรัฐไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงต่อการปราบปรามอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ ตกลงแล้วรัฐบาลไทยจริงจังกับอะไรบ้าง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ไม่มีความจริงจัง ไม่มีความจริงใจ และไม่มีมนุษยธรรม เห็นได้จากการปล่อยให้เหยื่อค้ามนุษย์ถูกคุกคาม ทั้งหญิงตั้งครรภ์ และการทำร้ายร่างกาย ที่มีเหยื่อชาวต่างชาติถูกกระทำอย่างรุนแรง รัฐไทยไม่สามารถจัดการได้สักเรื่อง

นายกัณวีร์ เสนอแนวทาง 3 แนวทาง โดยเฉพาะหน้า ที่ทำไปแล้วในการตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมัน และอินเตอร์เน็ต ซึ่งไม่สามารถทำซ้ำได้อีก และเห็นชัดว่าไม่ได้ผล ต้องเริ่มทำมาตรการระยะกลาง ที่ต้องจัดการไม่ให้ขบวนการนำพาคนผ่านประเทศไทย ต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด และระยะยาว ต้องร่วมมือกับกลุ่มชาติพันธ์ุในเมียนมา ในการปราบปรามอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงทำงานกับรัฐบาลเมียนมา แต่ต้องทำงานกับกลุ่มต่างๆ ซึ่งเห็นได้ว่า มีการปราบปรามแล้ว แต่ขาดความต่อเนื่อง เพราะไม่สามารถส่งชาวต่างชาติในแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ กลับประเทศได้

นายกัณวีร์ เปิดเผยด้วยว่า ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ ได้แสดงความกังวลต่อการค้ามนุษย์ในอาชญากรรมศูนย์หลอกลวง หรือสแกมเมอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสถานการณ์เข้าสู่วิกฤตด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่มีคนถูกหลอกลวง บังคับ ให้ทำงานฉ้อโกงออนไลน์ จึงเรียกร้องให้ทุกประเทศทั้งเมียนมา ไทย ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ที่ถูกใช้เป็นฐานการก่ออาชญากรรม เร่งจัดการปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1064813295840705&set=a.534942252161148