คงทราบกันบ้างแล้วว่า ‘ประเทศกูมี’ ส่วนราชการในพระองค์ที่สุดวิเศษไม่เหมือนใคร และห้ามเลียนแบบ อีกทั้งเป็นหน่วยงานขนาดยักษ์ ปีนี้มีงบประมาณ ๘ พันกับอีกเกือบ ๕๐๐ ล้าน ปีหน้าเพิ่มเป็น ๙,๒๗๒ ล้าน แล้วยังตั้งงบฯ ปี ๗๒ เอาไว้ล่วงหน้า ที่ ๑๐,๐๗๗ ล้านบาท
แม้นว่าส่วนราชการนี้จะได้ใช้เงินงบประมาณที่มาจากภาษีอากรของประชาชนจำนวนมหาศาล “แต่รายได้ของส่วนราชการในพระองค์ ‘ไม่ต้องนำส่งคลัง’...เป็นรายได้แผ่นดิน...เพื่อไปจัดสรรใช้แก่หน่วยงานอื่นๆ ด้วย” คือมีแต่รับ กับรับเท่านั้น
ความวิเศษของหน่วยงานนี้อยู่ที่ แม้จะมีชื่อว่า ‘ส่วนราชการ’ แต่ฐานะจริง “ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและไม่เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายอื่นใด” ดังนั้น ‘ข้าราชการในพระองค์’ จึงไม่ใช่ข้าราชการปกติ
“ทำให้องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของฝ่ายบริหาร ไม่สามารถเข้ามาตรวจสอบส่วนราชการในพระองค์ได้” ‘ไอลอว์’ ไล่เลียงให้เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙ กำหนดว่า
“หาก ‘เจ้าหน้าที่’ ซึ่งหมายถึง ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงาน กระทำละเมิดต่อบุคคลภายนอกในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ หน่วยงานรัฐจะต้องเป็นผู้รับผิดในความเสียหายนั้น และหน่วยงานก็ยังสามารถไปไล่เบี้ยจากเจ้าหน้าที่ผู้ก่อความเสียหายได้ในภายหลัง”
กลไกดังกล่าวมีไว้สำหรับตรวจสอบและถ่วงดุลการทำงานของฝ่ายบริหารบ้านเมือง แต่ไม่สามารถนำไปใช้กับข้าราชการในพระองค์ได้ เพราะส่วนราชการในพระองค์ไม่ขึ้นกับฝ่ายบริหารหรือฝ่ายปกครอง ไม่อยู่ในนิยาม ‘หน่วยงานทางปกครอง’
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนั้น “ศาลปกครองจึงไม่สามารถเข้ามาตรวจสอบส่วนราชการในพระองค์ได้” ไอลอว์เน้นว่า “หากเกิดกรณีที่ผู้บังคับบัญชาออกคำสั่งโดยไม่ถูกต้อง
เช่น การโยกย้าย การลงโทษทางวินัย ก็ยังไม่ชัดเจนว่าข้าราชการในพระองค์จะสามารถโต้แย้งคำสั่งตามระบบกฎหมายใดได้” สรุปก็คือถึงจะเป็นองค์กรสุดวิเศษอย่างไร ผู้ปฏิบัติงานกลับอยู่อย่างสุ่มเสี่ยง หากมีการละเมิดเกิดขึ้น
เช่นโดนผู้บังคับบัญชาตบ เตะเป็นนิจ ก็ไม่มีสิทธิไปร้องเรียนกับใครทั้งนั้น
(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/C8TPTHL32KY และ https://www.ilaw.or.th/articles/4740)